สรยุทธ ขึ้นเลย สื่อกัมพูชาตอแxxแต่เช้า รายงานไทยรุกราน ฮุนเซน ไฟเขียวยิงตอบโต้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9862592
.
.
สรยุทธ ขึ้นเลย สื่อกัมพูชาตอแxxแต่เช้า รายงานทหารกัมพูชาเปิดฉากตอบโต้ทหารไทยผู้รุกราน ฮุนเซน โพสต์ไฟเขียวทหารกัมพูชายิงตอบโต้ วอนชาวเขมรวางใจรัฐบาล
.
รายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดย
สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ
ไบรท์ พิชญทัฬห์ เมื่อช่วงเช้า 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งของรายการ มีการรายงานข่าวเหตุการณ์ปะทะรุนแรง ไทย-กัมพูชา
.
สรยุทธ กล่าวว่า “
สื่อกัมพูชาอ้างทหารกัมพูชา สำนักข่าวเฟรชนิวส์ ของกัมพูชา รายงานว่าทหารกัมพูชาเปิดฉากตอบโต้ทหารไทยผู้รุกราน ยิงใส่กองทัพกัมพูชาก่อน นี่โกหกเลยนี่ และปิดกั้นประสาทตาเมือนธม ของกัมพูชา ไม่ให้ประชาชนเข้าถึง ตามรายการของเจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชาที่ได้แจ้งกับ เฟรชนิวส์ เมื่อเช้านี้ 24 ก.ค. ซึ่งโกหกแล้ว (ไบรท์ : เขาอ้างว่า
ได้ตอบโต้ทหารไทยที่รุกรานยิงใส่เขาก่อน)”
.
สรยุทธ กล่าวอีกว่า “
ยืนยันแต่เช้าแล้วว่าเราแค่ปิด รวมถึงล้อมรั้ว แล้วพยายามจะฝืน แล้วเป็นฝ่ายยิงเข้ามาก่อน กัมพูชายิงก่อน สื่อกัมพูชา อ้างทหารกัมพูชานิสัยตอแ-ลนะเนี่ย ว่าทหารไทยยิงก่อน มันมีเหตุอะไร ก็เราปิดล้อมรั้วไง แล้วจะยิงทำไม ฝั่งกัมพูชาเนี่ยยิงเข้ามาก่อน ชัดเจนอย่างยิ่งเลย ”
.
“
เขาบอกว่าทหารระดับสูงของกัมพูชาแจ้งต่อสำนักข่าวเฟรชนิวส์จากบริเวณชายแดนเมื่อเช้านี้ ตอแ-ลแต่เช้าเลย รายการกันสดๆ เนี่ย อย่างที่ว่า ”
.
ด้าน
ไบรท์ อ่านข่าวด้วยว่า “
ฮุนเซน โพสต์แล้วเมื่อเช้านี้ การรุกรานของกองทัพไทยที่ข่มขู่จะปิดวัดตาเมือนธมในวันนี้ ซึ่งได้รับคำสั่งตั้งแต่เมื่อวาน ”
.
“กองทหารไทยได้เริ่มโจมตีกองทัพกัมพูชาแล้ว กองทัพกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องต่อสู้และตอบโต้กลับ ขอให้พี่น้องกัมพูชาอย่าตื่นตระหนก จนต้องไปซื้อข้าวหรือสินค้าเพื่อกักตุน หรือจำหน่ายสินค้าเพื่อขึ้นราคา ขอให้ดำเนินกิจการตามปกติ ในทุกภาคส่วนและสถานที่ ยกเว้นพื้นที่ติดชายแดนจังหวัดอุดรมีชัย และ จังหวัดพระวิหารที่กำลังเผชิญการยิงโจมตีจากกองทัพไทยเพื่อรุกราน ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาล และกองกำลังติดอาวุธของเรา ”
.
.
ลูกปืนใหญ่เขมร 6 ลูก ตกใกล้โรงพยาบาล ชาวบุรีรัมย์เจ็บ 1 จนท.เร่งอพยพผู้ป่วย
https://www.matichon.co.th/local/news_5289721
.
ลูกปืนใหญ่เขมร 6 ลูกตกใกล้โรงพยาบาลบ้านกรวด ชาวบ้านบาดเจ็บ 1 ราย สัตว์เลี้ยงชาวบ้านตาย 2 ตัวเตรียมอพยพผู้ป่วยไปโรงพยาบาลใหญ่ เผยเขมรตั้งใจยิงใส่โรงพยาบาล
.
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ กำลังตึงเครียด นอกจากจะมีการอพยพประชาชนไปยังจุดที่มีการวางแผนไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีความปลอดภัย
.
หลังจากมีลูกปืนใหญ่ของฝั่งเขมร ยิงเข้ามาถึงในตัวอำเภอบ้านกรวดจำนวน 6 ลูกในเขตชุมชนใกล้กับโรงพยาบาลบ้านกรวด ส่งผลให้ นายบุญนำ ด้วงประโคน อายุ 53 ปี ถูกสะเก็ดระเบิด บริเวณแขน และขา เป็นแผลฉีกขาด และมีวัวของชาวบ้านตายจำนวน 2 ตัว
.
ขณะที่โรงพยาบาลบ้านกรวด เจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ได้นำรถเตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยประมาณ 70 คนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลที่ปลอดภัยกว่าเดิมแล้ว
.
นายศิริพล ทรงประโคน กำนันตำบลบ้านกรวด เล่าว่ากระสุนที่ฝั่งเขมรยิงตกมาเป็นจรวด BM 21 ตกลงมาใส่หมู่ที่ 3 หมู่ 5 หมู่ 6 และหมู่ 13 ของ ต.บ้านกรวด ยังไม่ทราบว่าจะมีการยิงมาอีกหรือไม่ เพราะจากแนวจรวดที่ตกลงมาเหมือนจะพุ่งเป้าไปที่โรงพยาบาลบ้านกรวด แต่มาตกก่อนถึงโรงพยาบาลไม่กี่ร้อยเมตร คาดเขมรพุ่งเป้าไปที่โรงพยาบาล
.
.
โรม ประณามรบ.กัมพูชายั่วยุ หวังดึงไทยไปศาลโลกให้ได้ จี้กต. ใช้ทุกเวทีทำให้โลกเห็น พฤติกรรมก้าวร้าว
.
“โรม” ประณาม “รัฐบาลกัมพูชา” ก้าวร้าว ยั่วยุ ใช้อาวุธ หวังดึงไทยไปศาลโลกให้ได้ แนะ “ไทย” ต้องตอบโต้เหมาะสม นำนานาชาติลงพี้นที่ให้เห็นกับตา เหน็บฮุนเซน ทำทุกวิธีโฆษณาชวนเชื่อชนะไทยได้ จี้ กต.แอคทีฟกว่านี้ ใช้ทุกเวทีคำความเข้าใจ เราไม่ได้รังแกเขมร ชี้ “แพทองธาร” ไม่มาแจงกมธ.ความมั่นคงฯแม้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ขณะนี้ แต่เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ปัจจุบันปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาทวีความรุนแรงมากขึ้น ว่า ตนของประณามรัฐบาลกัมพูชา เพราะพฤติกรรมของกัมพูชา ไม่ว่า จะเป็นการยั่วยุ การใช้ความรุนแรง การละเมินอนุสัญญาออตตาวาโดยใช้ระเบิดที่เป็นกับดัก ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่ควรมีการใช้กันแล้ว และคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้ของกัมพูชาเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เรายอมรับไม่ได้ ดังนั้น ประเทศไทยต้องประณามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชา เพราะเชื่อว่า รัฐบาลกัมพูชาต้องมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตนคิดว่า กัมพูชาควรจะเข้าใจกว่าหลายๆประเทศด้วยซ้ำว่าความร้ายแรงและรุนแรงของกับดักระเบิดเป็นอย่างไร เพราะคนกัมพูชาได้รับความสูญเสียจากกับดักเหล่านี้มาเป็นเวลานาน และกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากที่สุด ประเทศหนึ่งของโลก แต่กลับใช้พฤติกรรมเรื่องกับดักระเบิดต่อฝ่ายไทย
.
”ผมคิดว่า การเจรจาเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย และฝ่ายไทยคงจะต้องมีการตอบโต้อย่างเหมาะสม ผมคิดว่าเบื้องต้นที่ฝ่ายไทยสามารถดำเนินการได้ หลังจากที่ได้ชี้แจงกับทูตทหารของหลายๆประเทศ ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่คิดว่าเราสามารถทำได้ในทันทีเพื่อให้โลกได้เห็นพฤติกรรมของกัมพูชา คืออาจจำเป็นต้องมีการเชิญทูตจากประเทศต่างๆไปสังเกตสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ ผมคิดว่าโลกต้องเห็นอย่างเต็มที่ และมีข้อมูลที่เพียบพร้อมว่ากัมพูชามีความก้าวร้าว ยั่วยุเพื่อให้สถานการณ์บานปลาย และกระทรวงการต่างประเทศจะต้องทำงานเชิญรุกมากกว่านี้ และย้ำว่า การที่จะไปรอเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเอาเรื่องไปหารือตามแนวทางของอนุสัญญาออตตาวาเป็นสิ่งที่ช้าเกินไป และสิ่งที่เป็นรูปธรรมคือควรเอาเรื่องนี้เสนอต่อสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ซึ่งเป็นเวที่สำคัญของสหประชาชาติ เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็น ไม่ใช่แค่ระดับนักการทูตแต่ต้องระดับผู้นำประเทศถึงพฤติกรรมของกัมพูชาว่าก้าวร้าว และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ“ นายรังสิมันต์ กล่าว
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนได้หารือกับนางปทิดา ตันติรัตนานนท์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกมธ.ความมั่นคงฯ ทราบว่า วันนี้มีการยิงปืนใหญ่กันแล้ว สถานการณ์บานปลาย ซึ่งสิ่งที่ตนเป็นห่วงมากที่สุดคือประชาชนตามแนวชายแดนที่จะได้รับผลกระทบ และทราบว่า ในพื้นที่มีการซักซ้อมการอพยพแล้ว จึงเชื่อว่าในพื้นที่มีความพร้อม แต่เราไม่รู้ว่า สถานการณ์จะเลวร้ายอย่างนี้นานแค่ไหน เราจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมทุกความเป็นไปได้ เพื่อให้มั่นใจว่า ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ไม่สมควรได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทั้งผู้ป่วยติดเตียง และเด็ก รัฐบาลต้องหามาตรการรองรับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
.
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า การประชุมกมธ.ในวันนี้ เดิมเราใช้อำนาจเรียก ไม่ว่าจะเป็นนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรักษาการนายกฯ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกลาโหม และนายมาริษ เสงี่มพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ซึ่งเราเข้าใจว่ารัฐมนตรีบางส่วนอาจจะมีความจำเป็น และมีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ เช่น พล.อ.ณัฐพล เราทราบว่า ท่านติดภารกิจที่ต้องแก้ไขสถานการณ์ ก็เข้าใจได้ และต้องมีการหารือในกมธ. ซึ่งหากรัฐมนตรีบางคนอาจไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ และไม่มาชี้แจงกับกมธ. เราคงต้องฟังคำอธิบายว่า ไม่มาชี้แจงนั้น ไม่มาด้วยเหตุผลอะไร เช่น น.ส.แพทองธาร เป็นหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง เพราะเราต้องยอมรับว่า เรื่องคลิปเสียงที่สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำให้รัฐบาลคุยกับรัฐบาลไม่ได้แล้ว
.
“ต้องยอมรับว่า ผู้นำ 2 คน อาจจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัว เรื่องขัดกันของผลประโยชน์หรือไม่ ไม่ทราบ แต่นำไปสู่สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านทั่วไปได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ไม่มีทีท่าว่ าจะหาทางออกได้ เราต้องยอมรับว่า บุคคลเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ และเรื่องนี้ต้องมีการคุยกันในกมธ. ว่าสิ่งที่น.ส.แพทองธารไปพูดในคลิปจะมีประเด็นชี้แจงต่อกมธ.อย่างไร และน.ส.แพทองธาร คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะแก้ไขสถานการณ์ในวันนี้แล้ว”นายรังสิมันต์ กล่าว
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนนายภูมิธรรม ก็ต้องขี้แจงว่า ไม่มาด้วยสาเหตุอะไรหรือติดภารกิจอะไร ส่วนนายมาริษเราได้รับแจ้งว่า ติดภารกิจที่ต่างประเทศแต่กำลังดูว่าภารกิจที่ต่างประเทศเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปถึงกระทรวงการต่างประเทศว่าถ้ากระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่ให้ดีมากๆ ตนเชื่อว่าจะลดโอกาสของความขัดแย้งให้ลดลงมาแต่อาจจะไม่ได้การันตีร้อยเปอร์เซ็น อย่างน้อยที่สุดถ้าเรามีเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ การใช้อาวุธก็อาจะลดความสำคัญ ส่วนตนคิดว่าไทยต้องตอบโต้ในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายจนเกินไป
.
เมื่อถามว่า ทางทหารไทยระบุว่า เจรจากับฝ่ายกัมพูชาไม่ได้แล้วจะมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพื่อให้ไทยได้เปรียบ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นคิดว่าการเชิญทูตจากนานาชาติไปดูสถานการณ์ในพื้นที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในเมื่อเราคุยกับกัมพูชาไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่เราคุยกับโลก ดังนั้น จึงคิดว่าการพูดคุยกับต่างประเทศให้เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความจำเป็น โดยไล่สถานการณ์จากเบาไปหนัก พร้อมกับความรองรับไม่ให้พลเรือนได้รับผลกระทบ ส่วนสุดท้ายสถานการณ์จะไปถึงไหนตอนนี้คงตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากัมพูชาจะยั่วยุ และใช้ความรุนแรงไปถึงเมื่อไหร่แต่ดูแล้วท่าทีของสมเด็จฮุน เซน พร้อมทำทุกอย่างทุกวิธีการ โดยไม่ได้เลือกวิธีการเลย ดังนั้น ต้องยอมรับว่าการที่คุยกับสมเด็จฮุน เซนให้เข้าในสถานการณ์คงไม่ใช่เรื่องง่าย และคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ตอบโต้อะไรเลย และกัมพูชาพยายามต้องการที่เราไปสู่ศาลโลก และเมื่อมีการใช้อาวุธเกิดขึ้นก็มีโอกาสที่กัมพูชาจะพาเราไปสู่ศาลโลก
JJNY : สรยุทธขึ้นเลย สื่อกัมพูชาตอแxx │ลูกปืนใหญ่เขมร 6 ลูก ตกใกล้รพ.│โรมประณามรบ.กัมพูชา│สื่อนอกเกาะติด ไทย-กัมพูชา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9862592
.
สรยุทธ ขึ้นเลย สื่อกัมพูชาตอแxxแต่เช้า รายงานทหารกัมพูชาเปิดฉากตอบโต้ทหารไทยผู้รุกราน ฮุนเซน โพสต์ไฟเขียวทหารกัมพูชายิงตอบโต้ วอนชาวเขมรวางใจรัฐบาล
.
รายการ กรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบรท์ พิชญทัฬห์ เมื่อช่วงเช้า 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งของรายการ มีการรายงานข่าวเหตุการณ์ปะทะรุนแรง ไทย-กัมพูชา
.
สรยุทธ กล่าวว่า “สื่อกัมพูชาอ้างทหารกัมพูชา สำนักข่าวเฟรชนิวส์ ของกัมพูชา รายงานว่าทหารกัมพูชาเปิดฉากตอบโต้ทหารไทยผู้รุกราน ยิงใส่กองทัพกัมพูชาก่อน นี่โกหกเลยนี่ และปิดกั้นประสาทตาเมือนธม ของกัมพูชา ไม่ให้ประชาชนเข้าถึง ตามรายการของเจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชาที่ได้แจ้งกับ เฟรชนิวส์ เมื่อเช้านี้ 24 ก.ค. ซึ่งโกหกแล้ว (ไบรท์ : เขาอ้างว่า ได้ตอบโต้ทหารไทยที่รุกรานยิงใส่เขาก่อน)”
.
สรยุทธ กล่าวอีกว่า “ยืนยันแต่เช้าแล้วว่าเราแค่ปิด รวมถึงล้อมรั้ว แล้วพยายามจะฝืน แล้วเป็นฝ่ายยิงเข้ามาก่อน กัมพูชายิงก่อน สื่อกัมพูชา อ้างทหารกัมพูชานิสัยตอแ-ลนะเนี่ย ว่าทหารไทยยิงก่อน มันมีเหตุอะไร ก็เราปิดล้อมรั้วไง แล้วจะยิงทำไม ฝั่งกัมพูชาเนี่ยยิงเข้ามาก่อน ชัดเจนอย่างยิ่งเลย ”
.
“เขาบอกว่าทหารระดับสูงของกัมพูชาแจ้งต่อสำนักข่าวเฟรชนิวส์จากบริเวณชายแดนเมื่อเช้านี้ ตอแ-ลแต่เช้าเลย รายการกันสดๆ เนี่ย อย่างที่ว่า ”
.
ด้าน ไบรท์ อ่านข่าวด้วยว่า “ฮุนเซน โพสต์แล้วเมื่อเช้านี้ การรุกรานของกองทัพไทยที่ข่มขู่จะปิดวัดตาเมือนธมในวันนี้ ซึ่งได้รับคำสั่งตั้งแต่เมื่อวาน ”
.
“กองทหารไทยได้เริ่มโจมตีกองทัพกัมพูชาแล้ว กองทัพกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องต่อสู้และตอบโต้กลับ ขอให้พี่น้องกัมพูชาอย่าตื่นตระหนก จนต้องไปซื้อข้าวหรือสินค้าเพื่อกักตุน หรือจำหน่ายสินค้าเพื่อขึ้นราคา ขอให้ดำเนินกิจการตามปกติ ในทุกภาคส่วนและสถานที่ ยกเว้นพื้นที่ติดชายแดนจังหวัดอุดรมีชัย และ จังหวัดพระวิหารที่กำลังเผชิญการยิงโจมตีจากกองทัพไทยเพื่อรุกราน ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาล และกองกำลังติดอาวุธของเรา ”
.
.
.
.