ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์ตลาดรถแท็กซี่ล่าสุด ระบุ Taxi BEV ขยายตัวก้าวกระโดด ด้วยส่วนแบ่งเกินครึ่งของยอดจดทะเบียนใหม่ คาดปี 2568 ขายได้ 2,400 คัน ขยายตัว 29% (YoY) ด้วยต้นทุนพลังงานที่ถูกกว่า แต่การกระจายตัวยังกระจุกตัวในกรุงเทพฯ ขณะที่แท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ NGV ที่เคยเป็นเจ้าตลาดมียอดจดทะเบียนใหม่เพียง 1%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า รถแท็กซี่ไฟฟ้ากำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดรถแท็กซี่ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ จากปี 2563 ที่ยังไม่มียอดจดทะเบียน และในปี 2564 รถ TAXI
EV มีสัดส่วนเพียง 1% ในตลาดแท็กซี่ใหม่ป้ายแดง แต่ครึ่งปีแรกของปี 2568 มียอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ใหม่เป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้าถึง 57% เป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของรถแท็กซี่ไฟฟ้าในหมู่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เนื่องจากมีต้นทุนพลังงานถูกกว่าเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ ในขณะที่ยอดจดทะเบียนใหม่รถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ NGV ที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดลดเหลือเพียง 1%
ปัจจุบันประเทศไทยมียอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ไฟฟ้าสะสม 3,568 คัน คาดปี 2568 นี้ Taxi BEV จะขายได้ 2,400 คัน ขยายตัว 29% (YoY) เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาในกลุ่มรถยนต์ BEV ยังคงรุนแรง อย่างไรก็ตาม การกระจายตัวของ Taxi BEV ยังไม่มาก โดยรถกว่า 2,843 คัน หรือประมาณ 80% กระจุกตัวในกรุงเทพฯ เนื่องจากความสะดวกในการชาร์จไฟ ขณะที่ภูเก็ตมาเป็นอันดับ 2 มีรถแท็กซี่ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสม 611 คัน ชลบุรี 74 คัน ขอนแก่น 25 คัน ตามลำดับ
TAXI BEV ขยายตัวก้าวกระโดด แชร์ส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่ง! คาดปี 2568 ยอดโต 29%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์ตลาดรถแท็กซี่ล่าสุด ระบุ Taxi BEV ขยายตัวก้าวกระโดด ด้วยส่วนแบ่งเกินครึ่งของยอดจดทะเบียนใหม่ คาดปี 2568 ขายได้ 2,400 คัน ขยายตัว 29% (YoY) ด้วยต้นทุนพลังงานที่ถูกกว่า แต่การกระจายตัวยังกระจุกตัวในกรุงเทพฯ ขณะที่แท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ NGV ที่เคยเป็นเจ้าตลาดมียอดจดทะเบียนใหม่เพียง 1%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า รถแท็กซี่ไฟฟ้ากำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดรถแท็กซี่ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ จากปี 2563 ที่ยังไม่มียอดจดทะเบียน และในปี 2564 รถ TAXI EV มีสัดส่วนเพียง 1% ในตลาดแท็กซี่ใหม่ป้ายแดง แต่ครึ่งปีแรกของปี 2568 มียอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ใหม่เป็นรถแท็กซี่ไฟฟ้าถึง 57% เป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของรถแท็กซี่ไฟฟ้าในหมู่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เนื่องจากมีต้นทุนพลังงานถูกกว่าเมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ ในขณะที่ยอดจดทะเบียนใหม่รถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซ NGV ที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดลดเหลือเพียง 1%
ปัจจุบันประเทศไทยมียอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ไฟฟ้าสะสม 3,568 คัน คาดปี 2568 นี้ Taxi BEV จะขายได้ 2,400 คัน ขยายตัว 29% (YoY) เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาในกลุ่มรถยนต์ BEV ยังคงรุนแรง อย่างไรก็ตาม การกระจายตัวของ Taxi BEV ยังไม่มาก โดยรถกว่า 2,843 คัน หรือประมาณ 80% กระจุกตัวในกรุงเทพฯ เนื่องจากความสะดวกในการชาร์จไฟ ขณะที่ภูเก็ตมาเป็นอันดับ 2 มีรถแท็กซี่ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสม 611 คัน ชลบุรี 74 คัน ขอนแก่น 25 คัน ตามลำดับ