เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพิ่งเกิดประเด็นร้อนในโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องของยอดหนี้จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ที่ผู้กู้ยืมถูกหักเงินในบัญชีเกินกว่างวดหนี้ที่ต้องชำระ โดย กยศ. ชี้แจงว่าเกิดจากความคลาดเคลื่อนของระบบการคำนวณหนี้ใหม่ผ่านระบบอัตโนมัติ (Auto debit) และจะเร่งคืนเงินที่หักเกินไปพร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมภายใน 3 วัน
โดยข่าวนี้ทำให้หลายคนหันกลับมาสนใจการชำระหนี้ กยศ. มากขึ้น เพราะอยากรีบจ่าย รีบจบ ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยหรือการหักเงินเกินยอดแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
เปิดวิธีชำระหนี้ กยศ. แบบหมดหนี้ไว เสียดอกน้อย
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เงินกู้กยศ. นั้น ไม่ใช่เงิน "ฟรี" แต่คือการกู้ยืมสำหรับให้นักเรียน - นักศึกษา เพื่อเป็นทุนในการเล่าเรียน เมื่อจบการศึกษาแล้วจะต้องชำระคืนให้กับกองทุนเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนให้รุ่นต่อไป
เมื่อเป็นการกู้ ย่อมมีดอกเบี้ยตามมาด้วย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของกยศ. นั้นอยู่ที่อัตรา 1% ต่อปี แต่ First Jobber ไม่ต้องกังวลไปว่าเราต้องชำระหนี้ทันทีที่มีงานเลย เพราะกองทุน มีระยะปลอดหนี้ 2 ปี หลังจากเรียนจบ และจะเริ่มแจ้งยอดหนี้ในปีที่ 3 หลังครบกำหนดปลอดหนี้แล้ว
ทว่าเราไม่ควรนิ่งเฉยกับหนี้เหล่านั้น เพราะแม้จะได้รับการพักชำระหนี้ไปก่อน แต่ดอกเบี้ยยังคงโตขึ้นทุกปี และวันนี้ Thairath Money ได้รวบรวมวิธีจ่ายหนี้กยศ. ให้จบไว ดอกเบี้ยน้อย ดังนี้
1. เก็บออมเงินเพื่อจ่ายในช่วงปลอดหนี้ 2 ปี
"ระยะปลอดหนี้ 2 ปี" เป็นช่วงเวลาสำคัญในการจัดการหนี้ และการสร้างวินัยในการบริหารจัดการหนี้ เพราะสามารถใช้ช่วงเวลานี้เก็บเงินเตรียมไว้สำหรับจ่ายหนี้ กยศ. เมื่อถึงกำหนดชำระได้ ซึ่งการเก็บเงินสำรองไว้จ่ายหนี้ กยศ. โดยเฉพาะในช่วงปลอดหนี้ 2 ปี นั้นเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการเก็บเงินรายวัน ทีละเล็กละน้อย ตามระยะเวลา โดยหักเงินจากบัญชีเงินเดือนหรือรายได้ เก็บไว้ทุก ๆ เดือนก่อนที่จะใช้จ่ายในส่วนอื่น โดยเก็บเงินก้อนนี้มาใช้ในการจ่ายหนี้ กยศ. เท่านั้น
วิธีการคำนวณ เพื่อหักรายได้รายเดือนในช่วงปลอดหนี้ง่าย ๆ โดยการนำยอดชำระหนี้ในแต่ละปีมาหาร 12 เดือน
เช่น ยอดชำระหนี้ 5,484 บาท หาร 12 เดือน เท่ากับว่าในแต่ละเดือนต้องเก็บเงินไว้สำหรับจ่ายชำระหนี้ 457 บาท เป็นต้น
ในทุกเดือนผู้กู้จะต้องมีวินัยในการหักค่าใช้จ่ายเพื่อจ่ายหนี้ กยศ. เพียงเก็บเงินวันละ 15 บาทก็สามารถปลดหนี้ กยศ. ได้ โดยเงินจำนวนดังกล่าว สามารถเริ่มนำมาชำระหนี้ กยศ. ได้เลยหลังเรียนจบ
2. จ่ายหนี้ กยศ. ช่วงปลอดหนี้ ช่วยลดภาระเงินต้น
ผู้กู้ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา สามารถวางแผนการชำระหนี้ให้เร็วขึ้นได้ ด้วยการเริ่มต้นชำระหนี้คืนกองทุนฯ ตั้งแต่อยู่ในช่วงปลอดหนี้ หรือช่วง 2 ปีหลังจบการศึกษา
โดยในช่วงระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีนี้ ผู้กู้จะยังไม่ต้องเริ่มชำระหนี้คืนกองทุนฯ แต่หากมีความพร้อมในการชำระหนี้ก็สามารถชำระหนี้คืนก่อนครบกำหนดชำระหนี้งวดแรกให้เร็วขึ้นได้ เพราะจะไม่มีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในช่วงเวลานี้ เงินที่จ่ายไปทั้งหมดก็จะถูกหักออกจากเงินต้น ยิ่งผู้กู้ชำระเงินในช่วงปลอดหนี้ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้เร็วขึ้นเท่านั้น
3. ปิดบัญชี ลดเงินต้นทันที 3%
ถ้ามีเงินก้อนใหญ่เพียงพอที่จะชำระหนี้แบบปิดบัญชี ยังมีช่องทางในการลดภาระเงินต้น โดยแจ้งปิดบัญชีชำระหนี้ทั้งหมดจะได้รับการ "ลดเงินต้นทันที 3%" (ไม่รวมดอกเบี้ย) ณ วันที่ปิดบัญชีหนี้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ยืมทุกคนควรชำระหนี้ตามกำหนด เพราะหากผิดนัดชำระและค้างชำระหนี้เกินกว่า 4 ปี 5 งวด (1,460 วันขึ้นไป) หรือมีหนี้ค้างชำระแต่หมดระยะเวลาที่กำหนดแล้ว อาจถูกดำเนินคดีได้หากละเลยหนี้ที่ตัวเองมี
หากเป็นไปได้ ควรชำระหนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยบานปลาย และช่วยป้องกันเงินในกระเป๋าของเราให้มั่นคงมากขึ้นเพราะจ่ายหนี้ในดอกเบี้ยที่น้อยลง
ที่มา:
https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/financial_planning/2871733
เปิด 3 วิธีปิดหนี้ กยศ. ต้องทำยังไงให้ จ่าย จบ ไว และดอกเบี้ยน้อย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพิ่งเกิดประเด็นร้อนในโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องของยอดหนี้จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ที่ผู้กู้ยืมถูกหักเงินในบัญชีเกินกว่างวดหนี้ที่ต้องชำระ โดย กยศ. ชี้แจงว่าเกิดจากความคลาดเคลื่อนของระบบการคำนวณหนี้ใหม่ผ่านระบบอัตโนมัติ (Auto debit) และจะเร่งคืนเงินที่หักเกินไปพร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมภายใน 3 วัน
โดยข่าวนี้ทำให้หลายคนหันกลับมาสนใจการชำระหนี้ กยศ. มากขึ้น เพราะอยากรีบจ่าย รีบจบ ก่อนที่จะมีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยหรือการหักเงินเกินยอดแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
เปิดวิธีชำระหนี้ กยศ. แบบหมดหนี้ไว เสียดอกน้อย
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เงินกู้กยศ. นั้น ไม่ใช่เงิน "ฟรี" แต่คือการกู้ยืมสำหรับให้นักเรียน - นักศึกษา เพื่อเป็นทุนในการเล่าเรียน เมื่อจบการศึกษาแล้วจะต้องชำระคืนให้กับกองทุนเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนให้รุ่นต่อไป
เมื่อเป็นการกู้ ย่อมมีดอกเบี้ยตามมาด้วย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของกยศ. นั้นอยู่ที่อัตรา 1% ต่อปี แต่ First Jobber ไม่ต้องกังวลไปว่าเราต้องชำระหนี้ทันทีที่มีงานเลย เพราะกองทุน มีระยะปลอดหนี้ 2 ปี หลังจากเรียนจบ และจะเริ่มแจ้งยอดหนี้ในปีที่ 3 หลังครบกำหนดปลอดหนี้แล้ว
ทว่าเราไม่ควรนิ่งเฉยกับหนี้เหล่านั้น เพราะแม้จะได้รับการพักชำระหนี้ไปก่อน แต่ดอกเบี้ยยังคงโตขึ้นทุกปี และวันนี้ Thairath Money ได้รวบรวมวิธีจ่ายหนี้กยศ. ให้จบไว ดอกเบี้ยน้อย ดังนี้
1. เก็บออมเงินเพื่อจ่ายในช่วงปลอดหนี้ 2 ปี
"ระยะปลอดหนี้ 2 ปี" เป็นช่วงเวลาสำคัญในการจัดการหนี้ และการสร้างวินัยในการบริหารจัดการหนี้ เพราะสามารถใช้ช่วงเวลานี้เก็บเงินเตรียมไว้สำหรับจ่ายหนี้ กยศ. เมื่อถึงกำหนดชำระได้ ซึ่งการเก็บเงินสำรองไว้จ่ายหนี้ กยศ. โดยเฉพาะในช่วงปลอดหนี้ 2 ปี นั้นเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการเก็บเงินรายวัน ทีละเล็กละน้อย ตามระยะเวลา โดยหักเงินจากบัญชีเงินเดือนหรือรายได้ เก็บไว้ทุก ๆ เดือนก่อนที่จะใช้จ่ายในส่วนอื่น โดยเก็บเงินก้อนนี้มาใช้ในการจ่ายหนี้ กยศ. เท่านั้น
วิธีการคำนวณ เพื่อหักรายได้รายเดือนในช่วงปลอดหนี้ง่าย ๆ โดยการนำยอดชำระหนี้ในแต่ละปีมาหาร 12 เดือน
เช่น ยอดชำระหนี้ 5,484 บาท หาร 12 เดือน เท่ากับว่าในแต่ละเดือนต้องเก็บเงินไว้สำหรับจ่ายชำระหนี้ 457 บาท เป็นต้น
ในทุกเดือนผู้กู้จะต้องมีวินัยในการหักค่าใช้จ่ายเพื่อจ่ายหนี้ กยศ. เพียงเก็บเงินวันละ 15 บาทก็สามารถปลดหนี้ กยศ. ได้ โดยเงินจำนวนดังกล่าว สามารถเริ่มนำมาชำระหนี้ กยศ. ได้เลยหลังเรียนจบ
2. จ่ายหนี้ กยศ. ช่วงปลอดหนี้ ช่วยลดภาระเงินต้น
ผู้กู้ที่เป็นนักเรียน นักศึกษา สามารถวางแผนการชำระหนี้ให้เร็วขึ้นได้ ด้วยการเริ่มต้นชำระหนี้คืนกองทุนฯ ตั้งแต่อยู่ในช่วงปลอดหนี้ หรือช่วง 2 ปีหลังจบการศึกษา
โดยในช่วงระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีนี้ ผู้กู้จะยังไม่ต้องเริ่มชำระหนี้คืนกองทุนฯ แต่หากมีความพร้อมในการชำระหนี้ก็สามารถชำระหนี้คืนก่อนครบกำหนดชำระหนี้งวดแรกให้เร็วขึ้นได้ เพราะจะไม่มีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในช่วงเวลานี้ เงินที่จ่ายไปทั้งหมดก็จะถูกหักออกจากเงินต้น ยิ่งผู้กู้ชำระเงินในช่วงปลอดหนี้ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้เร็วขึ้นเท่านั้น
3. ปิดบัญชี ลดเงินต้นทันที 3%
ถ้ามีเงินก้อนใหญ่เพียงพอที่จะชำระหนี้แบบปิดบัญชี ยังมีช่องทางในการลดภาระเงินต้น โดยแจ้งปิดบัญชีชำระหนี้ทั้งหมดจะได้รับการ "ลดเงินต้นทันที 3%" (ไม่รวมดอกเบี้ย) ณ วันที่ปิดบัญชีหนี้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ยืมทุกคนควรชำระหนี้ตามกำหนด เพราะหากผิดนัดชำระและค้างชำระหนี้เกินกว่า 4 ปี 5 งวด (1,460 วันขึ้นไป) หรือมีหนี้ค้างชำระแต่หมดระยะเวลาที่กำหนดแล้ว อาจถูกดำเนินคดีได้หากละเลยหนี้ที่ตัวเองมี
หากเป็นไปได้ ควรชำระหนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยบานปลาย และช่วยป้องกันเงินในกระเป๋าของเราให้มั่นคงมากขึ้นเพราะจ่ายหนี้ในดอกเบี้ยที่น้อยลง
ที่มา:https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/financial_planning/2871733