JJNY : 5in1 "เท้ง"เมิน"ทักษิณ"│เท้งชี้ไม่ควรเป็นเรื่อง│โรมซัดแก้ข้อพิพาทช้า│วิโรจน์จี้ปฏิรูปกองทัพ│เพจดังเปิดเอกสารเด็ด

"เท้ง" เมิน "ทักษิณ" ร่วมวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/253168
.
.
"เท้ง" เมิน "ทักษิณ" ร่วมวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลค่ำนี้ (22 ก.ค. 68) ลั่นไม่อยากเห็นแบ่งเค้ก-รวมเสียง มากกว่าคุยผลประโยชน์ของประชาชน
.
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมร่วมวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ (22 ก.ค. 68) ว่า คงไม่ได้มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษ ตนยังคงหวังว่าบทสนทนาที่เกิดขึ้นในวงดินเนอร์น่าจะเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลอยากจะมาผลักดันร่วมกัน
.
ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ตนเชื่อว่าตอนนี้เรามีกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมาอยู่เป็นพรรครวมฝ่ายค้านแล้ว
.
ดังนั้น ถ้ามีจุดยืนบางอย่างที่พรรคเพื่อไทยสามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ เช่น การปฏิรูปกองทัพหรือกฎหมายอื่น ๆ บางฉบับ ฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาล ไม่อยากให้วงดินเนอร์นี้เป็นวงดินเนอร์ที่พูดคุยกันในเรื่องการแบ่งเค้กหรือรวมเสียงรัฐบาล อยากให้เอาประชาชนเป็นตัวตั้ง
เมื่อถามว่าสภาพรัฐบาลที่เป็นอยู่ตอนนี้จะพูดเรื่องปัญหาประชาชนได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าบวกเลข สส. ในสภา ลำพังเสียงของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน 2 พรรค ถ้าเราเห็นด้วยตรงกันในกฎหมายบางฉบับที่สามารถผลักดันได้ ก็ได้เสียงเกินครึ่งอยู่แล้ว
.
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างไรก็ตาม กฎหมายหลายฉบับไม่ใช่กฎหมายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่จำเป็นต้องมติครม. หรือวิปรัฐบาล อยากให้พรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาล มองเรื่องประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง กฎหมายหลายฉบับที่เป็น สส.ฝ่ายค้านเสนอ แต่ถ้าเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็สามารถจะผลักดันร่วมกันได้ภายในสภาชุดนี้
.
เมื่อถามว่าเป็นการตอกย้ำหรือไม่ว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลังรัฐบาล นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นสิ่งที่สังคมเห็นอยู่แล้วมาโดยตลอด ไม่อยากจะไปแสดงความเห็นเพิ่มเติม เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนรับรู้ดีอยู่แล้ว
.
แต่ถามว่าภายใต้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำแบบที่เป็นอยู่ และประชาชนค่อนข้างขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน สิ่งที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากเรื่องการแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์ทางการเมือง ถ้าจะมากลับมาผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม ตนเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นในระบบรัฐสภามากขึ้น
.

.
เท้ง ชี้หากริบงบมท.ที่ ภูมิใจไทย ตั้งไว้จริง ต้องมีที่มาที่ไป ไม่ควรเป็นเรื่อง ‘เอาคืน’ การเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5286301
.
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยัน ตรวจสอบงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านแน่ ชี้ไม่อยากให้เป็นเรื่องการเมือง ริบงบประมาณที่ ‘ภูมิใจไทย’ ตั้งไว้ ยกมติ ครม. บอกชัดให้ฟื้นฟู ศก. ยอมรับเป็นไปได้ดึงงบกลับมาทำพื้นที่หาเสียง
.
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโครงการงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาทว่า หนังสือที่ออกมาจากกรมบัญชีกลาง เป็นระเบียบราชการปกติที่สามารถดำเนินการได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ตนเห็นตามหน้าข่าวว่าอาจจะมีการริบงบบางส่วนคืนจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอาจจะมีข้อสงสัยที่เกิดขึ้นได้ว่าเป็นงบประมาณที่พรรคภูมิใจไทยตั้งไว้แต่เดิม ตนไม่อยากให้เป็นประเด็นเรื่องการเมืองที่เอาคืนกัน ถ้ามีการริบคืนกันจริงๆ ก็อยากให้ไปดูในรายละเอียด ที่มาที่ไปของงบประมาณเป็นอย่างไร อย่างไรเราก็จะร่วมตรวจสอบต่อไป
.
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำไปเตรียมการเลือกตั้ง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น วัตถุประสงค์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่อยากจะให้เป็นงบที่ไปใช้ในการลงพื้นที่ เพื่อเตรียมสู่การเลือกตั้งในครั้งหน้า เพราะฉะนั้น พรรคประชาชนก็ดำเนินการติดตามมาโดยตลอด ไม่ว่าจะการเปลี่ยนงบหรือโยกงบอย่างไร เราก็จะติดตามต่อไป
.

.
โรม ซัด แก้ข้อพิพาทชายแดนไทย-เขมร ช้า ปล่อยขรก.ทำกันเอง บอก อิ๊งค์-ทักษิณ ถ้าไม่ไหว ต้องรู้จักพอ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5285937
.
“โรม”เตรียมขอมติ กมธ.มั่นคงฯใช้อำนาจเรียก “แพทองธาร-ภูมิธรรม-มาริษ“ แจง ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ซัดแก้ปัญหาล่าช้า ปล่อยขรก.ทำกันเอง เหตุคลิปเสียงพ่นพิษ บอก”อิ๊งค์-ทักษิณ”ถ้าไม่ไหว ต้องรู้จักพอ แนะทางแก้ คืนอำนาจ ให้เลือกตั้งใหม่
.
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการวางทุ่นระเบิดฝั่งชายแดนไทยและมีทหารได้รับบาดเจ็บว่า ในวัที่ 24 กรกฎาคม นี้กมธ.ฯ จะพูดคุยในภาพรวมทั้งหมด และจะขอมติที่ประชุมคณะกรรมการธิการฯเพื่อใช้อำนาจ เรียกน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งไม่ได้สนใจว่าจะมาหรือไม่ แต่ตนทำหน้าที่ของตน
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนทำไปทั้งหมดหลักคิดง่ายนิดเดียว เพราะเรื่องคลิปเสียง การสนทนาระหว่างน.ส.แพทองธาร และ สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก และพยายามปลดให้จบไม่ต้องมีการทำอะไรต่อ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่ตนรับไม่ได้ ดังนั้นตนเป็นประธานกมธ.ฯ จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะเรื่องนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในหลายเรื่องของรัฐบาล ที่ไม่สามารถเดินต่อได้ ในการทลายความขัดแย้งที่เป็นอยู่กับกัมพูชา
.
การที่เราเห็นปราสาทตาเมือนธม ที่มีคนขึ้นไปแล้วแทบจะเป็นเวทีมวยตลอดเวลา ผมไม่คิดว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ขอถามว่าหากความขัดแย้งขยายใหญ่โตจากปัญหาของ 2 ตระกูลที่เกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบ สุดท้ายคนทั้ง 2 ประเทศจะต้องเข่นฆ่ากัน ซึ่งถือเป็นความไม่รับผิดชอบของ น.ส.แพทองธาร และ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้สุดท้ายประเทศไทยเสี่ยงกับการเจอวิกฤตทางการเมืองที่เราเป็นอยู่” นายรังสิมันต์ กล่าว
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จึงคิดว่าปัญหาตามแนวชายแดนควรจะมีแนวทางที่จะต้องหาทางออกได้แล้ว ไม่ควรปล่อยแบบนี้ต่อไป โดยเรื่องต่างๆ ที่รัฐบาลหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเจรจากับชาติอื่น รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็มีความคืบหน้าค่อนข้างน้อยมาก ในขณะที่ล่าสุดที่มีการวางกับดักระเบิดก็ชัดเจนว่าผิดอนุสัญญาออตตวา จะรอเดือนธันวาคมที่มีที่การประชุม ก็เป็นไปไม่ได้ และท่าทีของกระทรวงการต่างประเทศถือว่าล่าช้าไปมาก เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ผันแปรไป ดังนั้นความล่าช้าต่างๆ ก็เติมไฟให้ความรู้สึกของประชาชน และหากสถานการณ์ บานปลายถึงขั้นลบกันก็ไม่มีใครได้ ทุกคนเสียหมด
.
เมื่อถามว่า ล่าสุดกัมพูชาตอบโต้ว่าไม่มีหลักฐานว่าเป็นทุนระเบิดของกัมพูชา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หลักฐานก็คือระเบิด ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องรวบรวม หากเป็นระเบิดที่วางกับดับโดยกัมพูชาจริง ตนถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้ตามอนุสัญญาฯในแง่ของบทลงโทษที่ชัดเจนไม่ได้ขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าใครก็ตามที่ละเมิดอนุสัญญาฯ ก็เสียหาย การยอมรับในเวทีนานาชาติ ก็ต้องเรียกได้ว่าน่าจะได้รับความเสียหายมาก ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้ประเทศไทยอยู่เฉยไม่ได้ และต้องทำงานโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคง จะต้องทำงานอย่างเป็นเอกภาพ เพราะการทำงานในวันนี้มีปัญหามาก
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถามว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะแก้ไขหรือไม่ ก็เห็นว่าไม่คิดจะแก้ ซึ่งสถานการณ์พัฒนาไปค่อนข้างเร็ว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจะมีการประณามก็ออกมาช้า แม้กระทั่งส่งหนังสือประท้วงก็ยังไม่ได้ทำ ควรเชิญทูตมาตำหนิก็ยังไม่ได้ทำ ดังนั้นคิดว่ากระบวนการหลายอย่างค่อนข้างล่าช้าอยู่มาก จึงคิดว่ารัฐบาลอาจจะมีปัญหา จะไปรอให้หน่วยปฏิบัติทำเองทุกอย่าง ก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องมีรัฐบาลก็ได้ แล้วให้การบริหารงานไปโดยข้าราชการประจำ และหลังจากมีคลิปเสียง รัฐบาลก็พูดอะไรมากไม่ได้ หากยุ่งมากก็จะมีปัญหาเรื่องความชอบธรรม จึงทำให้รัฐบาลไปยุ่งหรือไปกำกับอย่างที่ควรจะเป็น ปล่อยให้ฝ่ายประจำทำและสุดท้ายก็ช้าไปหมด
.
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เราเหมือนจะอยู่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำ นี่ยังไม่นับว่า พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อน จริงๆ เราเห็นภาพที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม เป็นความขัดแย้งชิงไหวชิงพริบกัน แต่พี่น้องตามแนวชายแดน กังวลว่าจะมีสงครามหรือไม่ กังวลว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ในขณะที่ ฝั่งอรัญประเทศก็กังวลเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ดังนั้นหากปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้ เดินต่อลำบากจริงๆ ดังนั้นรัฐบาลต้องกำกับให้ทุกหน่วยงานทำงานอย่างเป็นเอกภาพ ฝ่ายความมั่นคงก็ทำงาน การสื่อสารของฝ่ายความมั่นคง รัฐบาลก็ต้องทำงาน ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องไม่ช้า ซึ่งเห็นว่าตอนนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศทำงานช้ามาก
.
เมื่อถามว่าจะมีอะไรฝากถึง น.ส.แพทองธารหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าไปต่อไม่ได้ก็มีวิถีทางการเมืองอยู่ คือวันนี้ท่านต้องรู้จักพอ ท่านต้องพอได้แล้ว และคืนอำนาจให้กับประชาชน เมื่อไหร่ ที่ น.ส.แพทองธารและนายทักษิณไม่รู้จักคำว่าพอ และไม่รู้จักเข้าใจว่าสถานการณ์นี้ไปต่อไม่ได้จริงๆ ประเทศจะเดินต่อไม่ได้ ผมอยากให้อย่างน้อยที่สุดมองเห็นภาพรวมของประเทศชาติ และคิดเสียทีว่าหากสถานการณ์แบบนี้ไปต่อไม่ได้ บางทีการหันไปสู่การเลือกตั้ง อาจจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดก็ได้ ผมคิดว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง ทุกอย่างจะคลี่คลายกว่านี้
.

.
“วิโรจน์” จี้ปฏิรูปกองทัพ ผดุงความยุติธรรม ยกเคส “น้องเมย” ชี้ทหารต้องขึ้นศาลพลเรือน
.
“วิโรจน์” สส.พรรคประชาชน ยกเคสคำตัดสินคดี “น้องเมย” ชี้ถึงเวลาปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ยุติวัฒนธรรมลอยนวล ย้ำทหารต้องขึ้นศาลพลเรือน เพื่อให้กองทัพได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน
.
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก กรณีศาลทหารพิพากษาคดี “น้องเมย” โดยระบุว่า
.
ศาลทหาร กระบวนการยุติธรรมที่ลักลั่น และวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ที่บั่นทอนภาพลักษณ์ของกองทัพ จากกรณีการเสียชีวิตของ “เมย” ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อายุ 19 ปี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 โรงเรียนเตรียมทหาร หมดสติและเสียชีวิต เมื่อ 17 ต.ค.60 หลังถูกรุ่นพี่สั่งธำรงวินัย ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของศาลทหาร ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมมาโดยตลอด โดยเริ่มตั้งแต่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่