JJNY : พบทุ่น PMN-2 สภาพใหม่ 2 ทุ่น│วิโรจน์จี้กต.เรียกทูตเขมร│ไทยเสี่ยง ‘Twin Influx’│กลาโหมเขมร ปัดข้อกล่าวหาเรื่องทุ่น

พบทุ่นระเบิด PMN-2 สภาพใหม่ 2 ทุ่น ห่างจุดเดิม 30 ซม. เชิญทูตทหารรับทราบพรุ่งนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_5284424
.
.
ทบ.เผยพบทุ่นระเบิดสภาพใหม่อีก 2 ทุ่น ในพื้นที่ช่องบก ใกล้กับจุดเกิดเหตุเดิม ชี้ชัดขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ด้านกรมข่าวทหารบกเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตทหารมารับทราบข้อเท็จจริง
.
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี จนได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68
.
ล่าสุดวานนี้ (20 ก.ค.) กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) และหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
.
โดยผลจากการตรวจพื้นที่พบการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 ในสภาพใหม่พร้อมทำงาน จำนวน 2 ทุ่น ห่างจากหลุมระเบิดเดิม 30 เซนติเมตร โดยปัจจุบันเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้ทำการรื้อถอนทุ่นระเบิดที่ตรวจพบใหม่ออกแล้วทั้ง 2 ทุ่น
.
การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน และแสดงถึงเจตนาในการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารไทย ทั้งเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ทางไทยและกัมพูชาล้วนได้ให้สัตยาบันเข้าเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวด้วย
.
กองทัพบกจึงขอเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ต่อสาธารณะ พร้อมขอความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงนานาประเทศ ร่วมประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงของประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ กรมข่าวทหารบกจะได้มีการเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยมารับทราบข้อเท็จจริงในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
.

.
วิโรจน์ จี้ กต.เรียกทูตเขมร แจงระเบิดช่องบก แนะเชิญ UNMAS ร่วมสอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5284318
.
‘วิโรจน์’ จี้ กต.เรียก ‘ทูตเขมร’ แจงปมระเบิดช่องบก ชี้ต้องทบทวนสัมพันธ์ให้เหมาะกับพฤติกรรม แนะ เชิญ UNMAS สหประชาชาติร่วมสอบด้วย ย้ำต้องแจงนานาชาติให้รับทราบ อัด ‘กัมพูชา’ พื้นที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด คนตาย-พัฒนาไม่ได้ แต่กลับใช้พฤติกรรมทราม อึ้ง! ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ถาม ‘ฮุน เซน’ เนี่ยน่ะหรือ จะใช้กลไก ‘ศาลโลก’ ทั้งที่อนุสัญญาที่ลงนามไว้ยังไม่เคารพ แล้วจะมาเรียกร้องอะไร
.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอแนะในการตอบโต้เรื่องทุ่นระเบิดชายแดนไทย กัมพูชา ว่า ณ วินาทีนี้ สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศประณามกัมพูชาถือว่าถูกต้องแล้ว ตอนนี้การตรวจพิสูจน์ทราบก็พบว่าเป็นทุ่นระเบิด PMN-2 ของรัสเซีย ยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่มีใช้ในประเทศไทย ไม่มีอยู่ในคลังอาวุธของกองทัพ ดังนั้น ยืนยันได้ว่าคนที่มาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไม่ใช่ฝั่งประเทศไทยแน่ชัด ถ้าสืบกันดีๆ เราก็รู้กันอยู่แล้วถ้าประเทศไทยไม่ได้ใช้ ประเทศไหนใช้ มันชัดเจนอยู่แล้ว และภาพที่นำมาใส่ร้ายก็ชัดเจนว่าเป็นภาพการซ้อมเก็บวัตถุระเบิด ของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ในยุคปัจจุบันนี้ยืนยันด้วยข้อเท็จจริงหมดแล้ว สิ่งที่เราต้องทำมากกว่านี้ ควรต้องเชิญทูตกัมพูชามาหารือ และแจ้งว่าเราต้องการคำตอบในเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้รับคำตอบก็ต้องกำหนด ความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทยกับกัมพูชาเสียใหม่ให้เหมาะสมกับพฤติกรรม ที่เราประสบปัญหาอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งการยกระดับรายงานต่อองค์กรระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เช่น หน่วยงานปฏิบัติการเกี่ยวกับทุ่นระเบิดแห่งสหประชาชาติ (UNMAS)
.
ผมคิดว่า ควรจะทำหนังสือได้แล้วครับเพื่อเชิญ UNMAS เข้ามาทำงานร่วมกันกับ TMAC เพื่อเป็นการยืนยันชัดเจนเลยว่า เป็นทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ได้ใช้ในกองทัพไทย จริงๆ ประเทศไทยเราไม่ได้สะสมมานานแล้ว เพราะเราเข้าร่วมเป็นภาคีของออตตาวา เราเคารพในอนุสัญญาที่เราให้สัตยาบัน กัมพูชาก็เป็นหนึ่งในภาคีด้วย เข้าใจว่าลงนามพร้อมกันกับประเทศไทย ปี 2540 แต่เราบังคับใช้ก่อน 1 ปี กัมพูชาน่าจะรับรู้ถึงความทุกข์ยากของการที่มีพื้นที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด เขารู้ถึงความเจ็บช้ำน้ำใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่ทราบว่าจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร” นายวิโรจน์กล่าว
.
เมื่อถามว่า ท่าทีของฝั่งไทยเพียงพอแล้วหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เบื้องต้นคงต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าตนจำไม่ผิดปลายเดือน ส.ค.นี้จะมีการประชุมภูมิภาคอาเซียนด้านความมั่นคง (ARF) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ควรหยิบยกเรื่องนี้ไปหารือ แจ้งให้เพื่อนสมาชิกรับทราบ รวมถึงปลายปีนี้เดือน พ.ย. จะมีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียน (ADMM) และตนเข้าใจว่าจะมีวง ADMM+ ด้วย ซึ่งจะมีสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย นิวซีแลนด์ เข้าร่วมประชุมด้วย
.
ควรจะมีการแจ้งถึงพฤติกรรมทราม ที่เราประสบปัญหาด้วย เพื่อทวงถามถึงความรับผิดชอบ เพราะเรายืนยันว่าทุ่นระเบิด ไม่ใช่ของเราแน่ๆ ผมยืนยันว่าข้อพิพาทระหว่างประเทศ ความชอบธรรมในเวทีโลกสำคัญที่สุด พฤติกรรมต่ำทรามประเทศนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทหารไทยเป็นฝ่ายสูญเสีย น่าจะถือโอกาสนี้ แจ้งให้นานาชาติเพื่อทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลกัมพูชาด้วย” นายวิโรจน์กล่าว
.
เมื่อถามว่ากัมพูชาไม่ยอมรับเพราะกระทรวงกลาโหมกัมพูชาก็ออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง นายวิโรจน์ กล่าวว่า ถึงบอกว่าต้องเชิญ UNMAS เข้ามาร่วมตรวจพิสูจน์ทราบ ซึ่งจะทำให้รายงานมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ผมก็อยากรู้ว่าเป็นของใคร ถ้าเขาปฏิเสธว่าไม่ได้วาง ก็ต้องข้อสันนิษฐานไปก่อนก็ได้ คงจะมีสุนัขมากลบเอาไว้ แต่ถ้าตรวจพิสูจน์ทราบแล้วก็จะรู้ว่าเป็นของใคร ของ TMAC ผมก็เชื่อมั่น เพราะไม่ได้มีเหตุจูงใจอะไรในการที่เราต้องไปวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แต่เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือในเวทีนานาติมากขึ้น ควรเชิญ UNMAS มาทำงานร่วมกัน
.
นายวิโรจน์ ย้ำว่าต้องรีบดำเนินการมาตรการที่ตนกล่าวไปนี้ ก็ถือว่าแรงแล้ว ประเทศต่างๆ เขาจะได้ตระหนักว่าประเทศแบบนี้หรือที่ละเมินอนุสัญญาออตตาวา ประเทศแบบนี้หรือที่พยายามรณรงค์ยกเลิกการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเพราะเวลาคุณลงนามแล้ว คุณต้องยุติ ห้ามใช้ ห้ามสะสม คลังที่มีอยู่ก็ต้องยุติภายใน 4 ปี ประเทศไทยก็ยุติไปแล้วที่สำคัญคือต้องดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ฝังอยู่ ประเทศไทยเราก็ดำเนินการเรื่อยมา ตนถึงได้บอกเพราะกัมพูชาบาดเจ็บมาก พื้นที่เหล่านั้นพัฒนาอะไรไม่ได้เลย ไม่สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัย ให้กับประชาชนฟากฝั่งใดได้ เขาเป็นประเทศที่เดือดร้อนที่สุดเพราะพื้นที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด แล้ววันนี้คนที่ตระหนักที่สุดกลับใช้วิธีการต่ำทรามแบบนี้ ตนคิดว่าไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ซึ่งการแจ้งนานาชาติจะทำให้ประเทศแบบนี้ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ได้
.
เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุการณ์นี้มีการเกณฑ์คนมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นการกลบข่าวหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เขาทำอะไรก็ตาม ตราบใดที่ไม่ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย เขาจะมาเที่ยวแต่หากอยู่ในความระเบียบเรียบร้อยก็อย่าเอามาเป็นประเด็น ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นระหว่างรัฐบาล อย่าให้เป็นเรื่องประชาชนกับประชาชน
.
ถ้าจะเอาเป็นบุคคลที่เป็นปัญหากับเราก็คือฮุน เซน กับฮุน มาเนต ผมคิดว่าฮุน เซน ทันแน่นอนกับการลงนามออตตาวาคุณจะลงนามทำไม ถ้าคุณมีพฤติกรรมแบบนี้ อย่างนี้หรือที่คุณจะหยิบเอาประเด็นเรื่องนี้เข้าไปสู่ศาลโลก คนอย่างคุณหรือที่ให้ความเคารพนับถือกับอนุสัญญาที่คุณลงนาม เป็นภาคีกับสังคมโลก คุณยังไม่เคารพเลย แล้วคุณจะใช้เวทีโลกเวทีของนานาอารยประเทศเรียกร้องความเป็นธรรมอะไร ในเมื่อการลงนามของคุณมันไม่มีความหมาย แล้วโลกจะมองคุณอย่างไร ถ้าทำแบบนี้รัฐบาลกัมพูชาจะเสียความชอบธรรมในเวทีโลก เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศต้องเร่งดำเนินการ” นายวิโรจน์กล่าว
.

.
ไทยเสี่ยง ‘Twin Influx’ หากลดภาษี 0% สินค้าสหรัฐ-จีน ไหลท่วมตลาด
.
• การลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ให้เหลือ 0% เป็นทางเลือกเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี 36% แต่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เรียกว่า ‘Twin Influx’
• ‘Twin Influx’ คือสถานการณ์ที่สินค้าจากสหรัฐฯ และจีนจะไหลทะลักเข้าสู่ตลาดไทยพร้อมกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการลดภาษีให้สหรัฐฯ และการเกินอุปทานของสินค้าจีนที่มีอยู่เดิม
• ภาคส่วนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการนำเข้าคือภาคเกษตรและอาหาร ซึ่งมีการจ้างงานเกือบ 28.6% ของแรงงานทั้งหมด และอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
• สถานการณ์นี้ทำให้ไทยตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากระหว่างการรักษามูลค่าการส่งออก หรือการปกป้องภาคการผลิตในประเทศจากการแข่งขันที่รุนแรง
.
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การค้าครั้งสำคัญ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งจดหมายแจ้งเตรียมเก็บภาษีตอบโต้ 36% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าใหม่ได้ภายในวันที่ 1 ส.ค. นี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเวียดนาม การตัดสินใจครั้งนี้ของไทยจะนำมาซึ่งความท้าทายและผลกระทบที่ซับซ้อนต่อเศรษฐกิจไทย
.
Krungsri Research ประเมินว่าไทยอาจสูญเสียมูลค่าการส่งออกในระยะยาวถึง 1.62 แสนล้านบาท โดยภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดและพึ่งพาตลาดสหรัฐสูง ได้แก่ สิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า (ลดลง 7.5% จากฐานเดิม), อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า (-6.1%), สินค้าผลิตอื่น ๆ (เช่น ไม้ กระดาษ การพิมพ์ และเฟอร์นิเจอร์) (-4.8%), อาหารและเครื่องดื่ม (-3.2%) และ ยางและพลาสติก (-2.1%) โดยภาคส่วนเหล่านี้รวมกันคิดเป็น 13.6% ของ GDP ของไทยในปี 2566
.
ซึ่งผลกระทบโดยรวมคาดว่าจะทำให้การเติบโตของ GDP ของไทยในปี 2568 ชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.5% และการเติบโตของการส่งออกลดลงเหลือ 1.6% ซึ่งเป็นการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการเติบโตของการส่งออกที่ 14.9% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี
.
ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงจากภาษี 36% ประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอที่จะยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐในวงกว้าง เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว อากาศยาน ข้าวโพด และเครื่องจักรในอุตสาหกรรม เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงที่คล้ายกับสหรัฐ-เวียดนาม โดยที่สหรัฐเรียกเก็บภาษี 20% จากสินค้าไทย และไทยเรียกเก็บภาษี 0% จากสินค้าสหรัฐคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบต่อการส่งออกของไทยลงอย่างมาก เหลือการส่งออกที่สูญเสียเพียง 17.4 พันล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากรณีภาษี 36% ถึง 9.3 เท่า
.
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้ก็มาพร้อมกับผลกระทบด้านลบที่สำคัญ นั่นคือ "การหลั่งไหลสองทาง (Twin Influx)" แม้จะช่วยลดปัญหาการส่งออกได้ แต่การเสนอภาษี 0% ให้สหรัฐฯ อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่การนำเข้าของไทยจากสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่