JJNY : 5in1 วิโรจน์สวนวิสุทธิ์│จี้ให้โลกรู้กัมพูชารุกราน│อึ้ง!ร่อนหนังสือจัดซื้อจัดจ้าง│วิภาถล่มพังงา│วิภาขึ้นฝั่งฮ่องกง

วิโรจน์ สวน วิสุทธิ์ ไล่ไปพา สส.เพื่อไทย มาทำงาน แนะดูตัวเอง ยังเหมาะนั่งปธ.วิปมั้ย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9856772
.
.
วิโรจน์ สวนกลับ วิสุทธิ์ อย่าโทษฝ่ายค้าน ลั่นถ้าไม่อยากผลาญงบสภา ก็ไปพา สส.เพื่อไทย มาทำงาน แนะพิจารณาตัวเอง ยังเหมาะนั่งประธานวิปรัฐบาลหรือไม่
.
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่าการเสนอนับองค์ประชุมของฝ่ายค้าน แล้วประธานสั่งปิดประชุม ทำให้เกิดความเสียหายหลายแสนบาท สำหรับค่าอาหารที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมสภา
.
โดยนายวิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่านายวิสุทธิ์เข้าใจผิด การที่จะไม่ผลาญงบประมาณคือการมาประชุม ลองคิดดูถ้าไม่มีการนับองค์ประชุมก็จะไม่มีใครรู้ว่า สส.ฝ่ายรัฐบาลไม่มาทำงานเยอะขนาดไหน ซึ่งตนตั้งคำถามว่า ข้าวปลาอาหารที่เขาเตรียมไว้ ทำไมเขาต้องเตรียมไว้ให้กับคนที่ไม่มาหรือมาเซ็นชื่อแล้วกลับบ้านด้วย อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นการผลาญงบประมาณหรือ
.
เรื่องนี้จะไม่เกิดปัญหาใดๆ เลย ถ้าสส.ของพรรคเพื่อไทยมาทำงาน และไม่เซ็นชื่อแล้วหนีกลับบ้าน การแก้ปัญหานี้ง่ายมาก นายวิสุทธิ์ไม่ต้องไปพูดถึงคนอื่น การนับองค์ประชุมเป็นกระบวนการตรวจสอบที่พรรคเพื่อไทยก็เคยใช้ในสภาชุดที่แล้ว
.
ดังนั้น การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่ไปวิพากษ์วิจารณ์คนที่เขาขอนับองค์ประชุม ผมว่านายวิสุทธิ์ไปแก้ปัญหา พาสส.ของฟากฝ่ายตัวเอง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยมาทำงานดีกว่า หรือการที่นายวิสุทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์พรรคอื่นที่เขานับการประชุมโดยชอบตามข้อบังคับการประชุม
.
เป็นเพราะไม่มีความสามารถไม่มีสติปัญญาในฐานะประธานวิปรัฐบาลที่จะจูงใจหรือออกระเบียบ เพื่อให้สส.พรรคเพื่อไทยมาประชุมแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นนายวิสุทธิ์ก็ต้องพิจารณาตัวเองว่ายังเหมาะสมเป็นประธานวิปรัฐบาลอยู่หรือไม่ ไม่ต้องไปเพ่งโทษคนอื่น แต่ให้ดูตัวเอง” นายวิโรจน์ กล่าว
.
เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลอ้างว่า สส.ติดประชุมกมธ.งบประมาณฯ และกมธ.ต่างๆ นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ประธานกดปุ่มเรียกก็ลงมาได้ ห้องงบประมาณก็อยู่ชั้น 4 มีบันไดเลื่อนเดินลงมา ห้องประชุมกมธ.ก็อยูรอบๆ ห้องประชุมพระสุริยันอยู่แล้ว คุณอย่ามาหลอกประชาชนที่เขาไม่ได้อยู่ในสภาเลย
.
ข้าราชการที่เขาอยู่ในสภาเขารู้ดีว่า ถ้าประธานกดสัญญาณก็ต้องเข้ามาในห้องประชุมพระสุริยัน เพื่อแสดงตัวและโหวตกฎหมายสำคัญๆ ดังนั้น เขาจะเลือกห้องประชุมกมธ.ที่ใกล้กับห้องประชุมพระสุริยันให้อยู่แล้ว แต่การที่ประธานกดออดกี่ทีๆ ก็ไม่มีใครมานั้น แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาแล้ว เขาขับรถออกไปแล้ว
.
วันหลังผมว่าคุณวิสุทธิ์ก่อนที่จะตำหนิ ให้ลงไปดูที่ชั้นจอดรถ B2 เขาจะมีการล็อกเลขที่จอดรถให้กับ สส.เอาไว้ ไปดูได้เลย มันโหว่ มันแหว่งอย่างไร หรือว่าสส.ยังอยู่แต่มีการโจรกรรมรถยนต์ รถจึงหายไปหมดเกลี้ยงชั้น B2 หรือมีวิญญาณอะไรที่มาพารถไปโดยไม่ต้องมีคนขับ มันหลอนเกินไป คงเป็นไปไม่ได้ คุณวิสุทธิ์ก็รู้ ผมย้ำว่าให้คุณวิสุทธิ์ไปดูชั้น B2 แล้วจะรู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
.
ดังนั้น ต้องแก้ที่ตัวเอง ถ้าไม่อยากผลาญงบให้พาสส.ตัวเองมาทำงาน ถ้ายังอ้างว่าสส.ยังอยู่ในพื้นที่ ก็ให้ไปดูชั้น B2 เอาเลขช่องที่จอดรถไปดูเลย แล้วก็จะรู้ว่าอยู่หรือไม่อยู่ หรือถ้าเกิดยังยืนยันว่าอยู่ ก็ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีแล้วว่ามีบุคคลภายนอกมาขโมยรถของ สส.ในสภายกใหญ่เลย แต่โจรก็ใจดีเพราะวันพุธหน้าก็เอารถมาคืนให้” นายวิโรจน์กล่าว
.

.
อดีตรองเลขาฯสมช. จี้ไทยประกาศให้โลกรู้ กัมพูชารุกรานไทย วางทุ่นระเบิด
.
ขอแค่คำเดียว! “เสธ.โหน่ง” อดีตรองเลขาฯสมช. จี้รักษาการนายกฯ - รัฐบาลไทยประกาศให้โลกรู้ "กัมพูชา" รุกรานไทย วางทุ่นระเบิดบริเวณช่องบก
.
วันที่ 20 ก.ค.2568 พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ความเห็นกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณช่องบก จนบาดเจ็บ 3 คน และพบว่าเป็นระเบิดที่วางขึ้นมาใหม่นั้น พล.ท.พงศกร ระบุว่า ไทยควรประท้วงตั้งแต่หลังเกิดเหตุทันที โดยอ้างหลักเป็นประเทศภาคีของอนุสัญญาออตตาวา และไม่ต้องสนใจว่า เป็นพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ แต่ไทยต้องอ้างสิทธิ์พื้นที่ของเราทั้งหมด และต่างฝ่ายก็ต้องต่างถอยห่างกันออกไปตามข้อตกลงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก แต่ถ้าหากเกิดเหตุอีกครั้งไทยต้องประท้วงทันที
.
พร้อมบอกอีกว่า ทหารไทยบาดเจ็บถึง 3 คน ควรต้องออกข่าวไปทั่วโลกแล้วว่า “กัมพูชารุกราน” แต่ไทยยังไม่เคยระบุคำนี้ออกมาเลยสักครั้ง มีแต่นิ่งเท่านั้น โดยการนิ่งก็ตีความหมายว่าเป็นการยอมรับว่า ไทยวางระเบิดเอง ไปเหยียบเอง ตามที่กัมพูชาได้กล่าวหา จนกลายเป็นข้อเสียบเปรียบ
.
พล.ท.พงศกร มองว่า วางท่าทีของรัฐบาลโดยยึดหลักไม่ต้องการขยายความขัดแย้ง ถือว่าไม่ได้ แต่ควรจะสื่อสารให้ประชาคมโลกรู้ไปเลยว่า ที่ผ่านมามีการตกลงกันเรื่องเส้นปฏิบัติการที่แต่ละฝ่ายต้องอยู่ห่างกันเท่าไหร่ แต่กัมพูชามีใช้กำลังทหาร และมีการวางกับระเบิด ก็แสดงให้เห็นเจตนาว่า ต้องการรุกรานไทย เผื่อในอนาคตหากเกิดเหตุปะทะกันจริง ประชาคมโลกจะได้ไม่เข้าข้างกัมพูชา
.
การนิ่งถือว่ายอมรับ กัมพูชาพูดว่าเราวางของเราเอง เราเหยียบของเราเอง เราไปล้ำเขตเขา เขาก็พูดไป เราไม่พูดเลย เราก็เสียเปรียบ เท่ากับยอมรับ เพราะฉะนั้นเราต้องชิงพูดเสมอ เรื่องแบบนี้รัฐบาลน่าจะวางเกมผิด เขาตั้งเป้าว่า ไม่ขยายความขัดแย้ง ไม่พูด ไม่เถียง ซึ่งไม่ได้ เพราะเราต้องการสื่อสารให้ชาวโลก ประชาคมโลกรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดต้องการความสงบเรียบร้อยก็ต่างคนต่างไม่รุกราน คือ อย่าเพิ่งเข้ามาในเขตที่ยังไม่รู้แน่ว่าเป็นเขตของใคร มันมีเส้นปฏิบัติการที่ต่างคนต่างตกลงกัน ต้องออกห่างไปกี่ร้อยเมตร แต่เมื่อกัมพูชากำลังทหาร วางกับระเบิดเข้ามาบ่อยๆ ก็แสดงว่ามีเจตนาที่จะรุกราน เมื่อมีเจตนารุกราน เราต้องขยายผลให้ประชาคมโลกรู้ และเมื่อเกิดการปะทะจริงๆ เขาจะได้ไม่เข้าข้างกัมพูชา
.
สำหรับการวางท่าทีของรัฐบาลไทยที่ออกมาในลักษณะตั้งรับนั้น พล.ท.พงศกร กล่าวว่า สามารถทำได้ แต่ควรเป็นการตั้งรับเชิงรุก หากกัมพูชาละเมิดข้อตกลงก็ทำเรื่องประท้วงไปให้ประชาคมโลกรู้ทันที พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ขอแค่คำเดียวคือ “กัมพูชารุกรานไทย” แต่ตอนนี้คำนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลยสักครั้ง จากปากของนายกรัฐมนตรี หรือ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในกฎหมายระหว่างประเทศนั้นยอมรับว่า เป็นตัวแทนประเทศ มีแต่คำพูดของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ, โฆษกกองทัพบก, โฆษกกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเพียงระดับปฏิบัติการเท่านั้น ไม่มีน้ำหนักในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ จึงกลายเป็นจุดอ่อนที่ไทยเสียบเปรียบตลอดมา
.

.
อึ้ง! กรมบัญชีกลาง ร่อนหนังสือจัดซื้อจัดจ้างงบ 1.57 แสนล้าน ยื่นประมูลรายเดียว รับงานได้เลย
https://www.matichon.co.th/economy/news_5283427
.
อึ้ง! กรมบัญชีกลาง ร่อนหนังสือจัดซื้อจัดจ้างงบ 1.57 แสนล้าน ยื่นประมูลรายเดียว รับงานได้เลย
.
สุดอึ้ง! กรมบัญชีกลาง ทำหนังสือถึงปลัด อธิบดี ผู้ว่าฯ ผู้บริหารท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน จัดซื้อจัดจ้างงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ยื่นประมูลรายเดียว รับงานได้เลย
.
โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง 1.คณะรัฐมนตรีในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท และให้หน่วยรับงบประมาณดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปโดยให้ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ พ.ศ.2568 รวมทั้งกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐโดยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การจัดซื้อ จัดจ้างเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 29 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ซ้อมความเข้าใจการเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560กรณีการดำเนินโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการรับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ดังนี้
.
1. การที่จะถือว่าหน่วยงานของรัฐได้รับความเห็นชอบวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามระเบียบๆ ข้อ 11 ในกรณีที่เป็นรายจ่ายงบกลางที่หน่วยงานของรัฐได้รับอนุมัติแล้วตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ตามหนังสือที่อ้างถึง 2 ข้อ 2.3 การได้รับอนุมัติแล้วตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณนั้น หมายถึงการได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ดังนั้นกรณีโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้ว หน่วยรับงบประมาณสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปได้ ตามหนังสือที่อ้างถึง 2
.
2. สำหรับระยะเวลาการเผยแพร่ร่างประกาศและร่างเอกสารซื้อหรือจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ การเผยแพร่ประกาศและเอกสารซื้อ หรือจ้างโดยวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป และการพิจารณาผลกรณีที่มีผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติตามหนังสือที่อ้างถึง
.
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจ้งให้หน่วยงานในสังกัดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไปขอแสดงความนับถือ
.

.
ช็อก! เปิดภาพอิทธิพล ‘พายุวิภา’ พัดถล่ม ‘พังงา’ ต้นไม้-เสาไฟล้มระเนนระนาด
https://www.dailynews.co.th/news/4933842/
.
จ.พังงา เกิดพายุฝนถล่มหนัก ลมกระโชกแรง ต้นไม้-เสาไฟฟ้า ล้มทับรถยนต์เสียหายเพียบ ขณะที่กรมอุตุฯเตือนระวังอิทธิพลของพายุ “วิภา” ในช่วงวันที่ 20-24 ก.ค. 68
.
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานที่ จ.พังงา ได้เกิดพายุฝนถล่ม 2 ชั่วโมง ทำให้ต้นสนขนาดใหญ่หน้าชายหาดแหลมปะการัง ล้มทับสายไฟและรถยนต์ประชาชนได้รับความเสียหาย
.
โดยสภาพอากาศทั่วไปของ จ.พังงา ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ประกอบกับมีลมกระโชกแรงทำให้ต้นสนขนาดใหญ่ฉีกขาด โดยเฉพาะบริเวณถนนเลียบหาดแหลมปะการัง หมู่ 2 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า ต้นไม้หักโค่นล้มทับเสาไฟฟ้ารวมระยะทางกว่า 500 เมตร ไม่สามารถสัญจรได้ อีกทั้งต้นสนยังล้มทับรถยนต์ของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่จอดบริเวณชายหาดได้รับความเสียหาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่