สวัสดีครับทุกๆคน ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะน้อย
แต่สำหรับเรา ฤดูนี้แหล่ะคือช่วงที่เราชอบที่สุด ทำไมหน่ะหรอ? ก็เพราะว่า ราคาที่พักถูก สถานที่ท่องเที่ยวคนน้อย
และเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป
สำหรับทริปนี้จะเป็นการเที่ยวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองแห่งสายหมอก
จังหวัดแรกของกลุ่มเราที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นทริปแรกที่ทุกคนประทับใจ และเกิดทริปถัดๆไป
เราจึงเลือกที่จะกลับมาอีกครั้ง แต่เป็นการมาคนเดียว และไปในจุดที่ยังไม่เคยไป กับ จุดที่เป็นความทรงจำของทริปแรก
เดินทางตั้งแต่วันที่ 5 - 13 ก.ค. ระยะเวลา 1 อาทิตย์ (แต่เป็นการผสมกันระหว่างทำงาน Work From Anywhere ในวันธรรมดา และท่องเที่ยวในวันหยุด) ซึ่งทำให้ได้พบเจอกับประสบการณ์ดีๆ และความสวยงามของธรรมชาติ เลยอยากจะมารีวิวให้เพื่อนๆได้เห็นกันครับ

สรุป ค่าใช้จ่ายรวม อยู่ที่ 8,270.25 บาท แบ่งเป็นหมวดหลักๆคือ
- ค่าเดินทาง (รถเช่า รถทัวร์ น้ำมัน) 3,037 บาท
- ค่าที่พัก 2,203.25 บาท
- ค่าอาหาร และเครื่องดื่ม (ติดหรูไปนิดนึง ส่วนนี้ถ้ากินอาหารปกติ หรือไม่ได้กินกาแฟบ่อย น่าจะลดได้อีก ~500 บาท) 1,925 บาท
- ค่าจ้างไกด์ และทิป 600 บาท
- ค่าของฝาก 505 บาท
Chapter 1: ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพ สู่แม่ฮ่องสอน ด้วยรถบัสซึ่งมีอยู่เจ้าเดียวคือ สมบัติทัวร์ ราคาอยู่ที่ 947 บาท เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 16.00 น. ถึง 08.30 น. ของอีกวัน สำหรับใครที่กลัวเมารถ แนะนำให้ทานยาแก้เมารถในช่วงที่รถจอดให้ผู้โดยสารกินข้าวที่กำแพงเพชร เพราะหลังจากนี้ ถนนจะเริ่มโค้งและมีความชันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรถจะเริ่มจอดส่งผู้โดยสารที่ อำเภอลี้ ลำพูน -> แม่สะเรียง -> แม่ลาน้อย -> ขุนยวม -> ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ
8.30 น. ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เราก็เดินทางไปที่พัก เพื่อเก็บกระเป๋าและอาบน้ำพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางไปสถานที่ต่างๆ
สำหรับที่พักในตัวเมือง เราพักที่ Styles Stay เป็นที่พักเปิดใหม่ ประมาณช่วงต้นปีนี้เอง บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ แต่ก็แลกมากับการที่มียุงค่อนข้างเยอะเช่นกัน มีโต๊ะพูลให้เล่นได้ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และบริการพาเที่ยว เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่ได้เน้นหรูหรามาก ห่างจากสถานีขนส่งแม่ฮ่องสอนประมาณ 1 กิโลเมตร เราพักที่นี่ทั้งหมด 4 คืน จ่ายไป ~680 บาท! ตกคืนละ 170 บาท
ทางเข้าจะดูค่อนข้างมืดหน่อย เดินเข้าไปจนสุดจะถึงที่พัก

ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ หรือนักเดินทางที่พักยาวๆ มากกว่า อาจจะเพราะ ไม่ได้ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมาก (ประมาณ 2 กิโลเมตร) และห้องน้ำจะเป็นแบบใช้ร่วมกัน (แต่มีค่อนข้างเยอะ และหลายมุม)
หลังจากเข้าที่พัก Check-In อาบน้ำ พักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเท้าไปยังสถานที่แรก หนองจองคำ
เดินไปเรื่อยๆ อากาศไม่ร้อน มองเห็นภูเขา ต้นไม้เขียวๆ ระหว่างทางมีตลาดนัดขายของกิน
เดินมาประมาณ 30 นาที ก็ถึง หนองจองคำ เป็นหนองน้ำใจกลางเมือง บริเวณนั้นมีวัดจองคำ บรรยากาศดูเงียบสงบ สวยงาม
แวะเข้าวัดจองคำ ไหว้พระ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์รูปปั้น แสดงเกี่ยวกับนิทานชาดกตอนหนึ่ง ถ้ามากลางคืนน่ากลัวมากก
จริงๆ เป้าหมายของการเดินมาที่หนองจองคำคือ อยากจะแวะมาคาเฟ่ i.b. ตั้งอยู่แถวหนองจองคำเลย อยากมาลอง Matcha ตัว Yame ซะหน่อย สรุปว่าทาง
ร้านปิดทุกวันอาทิตย์...
ไม่เป็นไร ค่อยมาวันหลังก็ได้ เลยเดินไปวัดพระธาตุดอยกองมู สถานที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ทุกคนที่มาเที่ยวต้องไปกันทุกคน แต่เราเปิดจาก Google Maps ไปปรากฎว่าต้องเดินขึ้นบันไดจากวัดพระนอน
อืมม เห็นทางแล้วก็คิดในใจว่าจะขึ้นดีไหมนะ ไหนๆก็มาละ ขึ้นก็ขึ้น
ถึงแล้ว จุดที่ 1 จะมีพระพุทธรูปอยู่ และเห็นวิวเมืองในระดับนึง
หลังจากนั้นมองหาทางไปต่อ แต่ไม่เห็นทางขึ้น (จริงๆต้องเดินตามทางไปด้านขวาอีก แต่วันนั้นมีกิ่งไม้ล้มมาปิดทาง เลยเข้าใจว่าเขาไม่ให้ไป) กว่าจะขึ้นมาถึงตรงนี้ เหนื่อยมากก

เลยลองสังเกตทางขึ้นหลังพระพุทธรูป ที่เป็นต้นไม้เยอะๆ เหมือนจะมีร่องรอยทางเดิน เลยลองเดินเข้าไปทางนั้น แต่ยิ่งเดินยิ่งชัน ตัวแมลงและยุงก็เยอะ สุดท้ายตัดสินใจลงมาดีกว่า รูปก็ไม่ได้ถ่าย เพราะตอนนั้นคือเหนื่อยมาก สรุปคือขึ้นไปไม่ถึงวัดพระธาตุดอยกองมู

หลังจากลงมาแล้วตัดสินใจกลับที่พัก ไปคุยกับเจ้าของที่พักให้เขาพาไปเที่ยวดีกว่า นัดกันไว้ตอน 15.00 น.
จุดแรกที่พาไปคือ จุดชมวิวผาบ่อง เป็นจุดพักคนหลังผ่านมาหลายพันโค้ง รอบๆมีอาหารและเครื่องดื่มขาย แต่วิวมีจุดเดียวประมาณนี้
จุดที่ 2 คือ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ผาบ่อง แต่ช่วงที่ไปถึงประมาณ 16.00 แล้วซึ่งทางศูนย์การเรียนรู้ปิดให้บริการแล้ว เลยไม่ได้เข้า

จุดที่ 3 ไป น้ำพุร้อนผาบ่อง แวะเอาเท้าจุ่มน้ำหน่อย หลังจากเดินมาหลายกิโล น้ำร้อนมากก แต่บรรยากาศคือดี ภายในมีที่พัก และบริการนวดด้วย
หากต้องการแช่น้ำร้อนแยกห้องจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถ้าแช่ข้างนอกสามารถแช่ได้ฟรี (ไม่ได้ถ่ายราคามา ขออภัยครับ)
หลังจากแช่เท้าแล้ว ขับรถต่อไปอีกนิดนึงก็จะเป็น สะพานข้าว ๙ ก้าวเพื่อสุข มีจุดให้ถ่ายรูป และคาเฟ่สวย
แวะชมวิวที่นี่ถึงประมาณ 17.30 น. ก็ไปยังจุดสุดท้ายเพื่อชมพระอาทิตย์ตกที่ จุดชมวิวดอยสันฟ้า
ทางค่อนข้างชันโค้งเยอะ ระหว่างทางเกิดฝนตก และหมอกมาพอดี เลยทำให้ไม่เห็นวิวด้านล่าง ก็ได้ฟิลหน้าหนาวไปอีก
ถ้าตามปกติ วิวตรงนี้จะสามารถมองเห็นภูเขาลูกอื่นๆ ไปจนถึงพม่าได้เลย
รอจนถึง 18.30 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าหมอกจะจางลง มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยกลับที่พักดีกว่า

ค่าบริการพาเที่ยวรวมกับบิงซู อยู่ที่ 350 บาท (ราคาเฉพาะค่านำเที่ยว ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่)
กลับถึงที่พักก็ไปเล่นพูลกันต่อ ในวันทำงาน ช่วงว่างๆก็มาเล่นพูลอย่างเดียว
เช้าวันที่ 2 เริ่มต้นทำงานตามปกติ แต่ช่วงพักเที่ยงลองเดินมากินอาหารที่ร้าน Country กาแฟแก้วละ 35 บาททุกเมนู
และมีข้าวซอยหมูกรอบ/ไก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ชามละ 50 บาท งงที่หมูกรอบกับไก่ ก็ราคาเท่ากัน

ถ้าใครจะมากินข้าวซอยหมูกรอบ ทางร้านทำเสร็จประมาณ 9.30 น. นะ ตอนเช้าว่าจะลองมาทานดู แต่คุณป้ายังทำไม่เสร็จ เลยได้กินขนมจีนน้ำเงี้ยวมาแทน รสชาติอร่อยดี คุณป้าแถมข้าวเกรียบให้เอากลับไปกินที่พักถุงนึงด้วย
วันจันทร์ อังคารนั่งทำงานที่ที่พัก
ซึ่งบรรยากาศที่พักก็มองเห็นต้นไม้เขียวๆ ทำงานเครียดๆ ก็เงยหน้ามองภูเขาฟินๆ
เดินเล่นแถวที่พัก
วันพุธ (ทำงานวันสุดท้ายก่อนที่จะหยุดยาว) เลยลองเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งทำงานที่คาเฟ่สักหน่อย เดินไม่ไกลจากที่พัก ชื่อคาเฟ่ เว|ตัว|ลา
สถานที่ตกแต่งสวยงาม สามารถนั่งได้ทั้งข้างนอกและข้างใน มีขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของทานเล่น ราคาก็ไม่ได้แพงอยู่ที่ 50-70 บาท
สามารถนั่งทำงานได้ พนักงานน่ารัก บริการดี และข้างๆจะมี Kid zone ที่พึ่งเปิดใหม่ สำหรับพาเด็กน้อยมาเล่นของเล่น
[CR] แม่ฮ่องสอน: เส้นทางสายหมอก จากเมืองถึงกิกอคอ
เริ่มต้นการเดินทางจากกรุงเทพ สู่แม่ฮ่องสอน ด้วยรถบัสซึ่งมีอยู่เจ้าเดียวคือ สมบัติทัวร์ ราคาอยู่ที่ 947 บาท เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 16.00 น. ถึง 08.30 น. ของอีกวัน สำหรับใครที่กลัวเมารถ แนะนำให้ทานยาแก้เมารถในช่วงที่รถจอดให้ผู้โดยสารกินข้าวที่กำแพงเพชร เพราะหลังจากนี้ ถนนจะเริ่มโค้งและมีความชันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรถจะเริ่มจอดส่งผู้โดยสารที่ อำเภอลี้ ลำพูน -> แม่สะเรียง -> แม่ลาน้อย -> ขุนยวม -> ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ
8.30 น. ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เราก็เดินทางไปที่พัก เพื่อเก็บกระเป๋าและอาบน้ำพักผ่อนก่อนที่จะเดินทางไปสถานที่ต่างๆ
สำหรับที่พักในตัวเมือง เราพักที่ Styles Stay เป็นที่พักเปิดใหม่ ประมาณช่วงต้นปีนี้เอง บรรยากาศร่มรื่น มีต้นไม้เยอะ แต่ก็แลกมากับการที่มียุงค่อนข้างเยอะเช่นกัน มีโต๊ะพูลให้เล่นได้ ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และบริการพาเที่ยว เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่ได้เน้นหรูหรามาก ห่างจากสถานีขนส่งแม่ฮ่องสอนประมาณ 1 กิโลเมตร เราพักที่นี่ทั้งหมด 4 คืน จ่ายไป ~680 บาท! ตกคืนละ 170 บาท
ทางเข้าจะดูค่อนข้างมืดหน่อย เดินเข้าไปจนสุดจะถึงที่พัก
ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ หรือนักเดินทางที่พักยาวๆ มากกว่า อาจจะเพราะ ไม่ได้ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมาก (ประมาณ 2 กิโลเมตร) และห้องน้ำจะเป็นแบบใช้ร่วมกัน (แต่มีค่อนข้างเยอะ และหลายมุม)
หลังจากเข้าที่พัก Check-In อาบน้ำ พักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเท้าไปยังสถานที่แรก หนองจองคำ
เดินไปเรื่อยๆ อากาศไม่ร้อน มองเห็นภูเขา ต้นไม้เขียวๆ ระหว่างทางมีตลาดนัดขายของกิน
เดินมาประมาณ 30 นาที ก็ถึง หนองจองคำ เป็นหนองน้ำใจกลางเมือง บริเวณนั้นมีวัดจองคำ บรรยากาศดูเงียบสงบ สวยงาม
แวะเข้าวัดจองคำ ไหว้พระ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์รูปปั้น แสดงเกี่ยวกับนิทานชาดกตอนหนึ่ง ถ้ามากลางคืนน่ากลัวมากก
จริงๆ เป้าหมายของการเดินมาที่หนองจองคำคือ อยากจะแวะมาคาเฟ่ i.b. ตั้งอยู่แถวหนองจองคำเลย อยากมาลอง Matcha ตัว Yame ซะหน่อย สรุปว่าทางร้านปิดทุกวันอาทิตย์...
ไม่เป็นไร ค่อยมาวันหลังก็ได้ เลยเดินไปวัดพระธาตุดอยกองมู สถานที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ทุกคนที่มาเที่ยวต้องไปกันทุกคน แต่เราเปิดจาก Google Maps ไปปรากฎว่าต้องเดินขึ้นบันไดจากวัดพระนอน
อืมม เห็นทางแล้วก็คิดในใจว่าจะขึ้นดีไหมนะ ไหนๆก็มาละ ขึ้นก็ขึ้น
ถึงแล้ว จุดที่ 1 จะมีพระพุทธรูปอยู่ และเห็นวิวเมืองในระดับนึง
หลังจากนั้นมองหาทางไปต่อ แต่ไม่เห็นทางขึ้น (จริงๆต้องเดินตามทางไปด้านขวาอีก แต่วันนั้นมีกิ่งไม้ล้มมาปิดทาง เลยเข้าใจว่าเขาไม่ให้ไป) กว่าจะขึ้นมาถึงตรงนี้ เหนื่อยมากก
เลยลองสังเกตทางขึ้นหลังพระพุทธรูป ที่เป็นต้นไม้เยอะๆ เหมือนจะมีร่องรอยทางเดิน เลยลองเดินเข้าไปทางนั้น แต่ยิ่งเดินยิ่งชัน ตัวแมลงและยุงก็เยอะ สุดท้ายตัดสินใจลงมาดีกว่า รูปก็ไม่ได้ถ่าย เพราะตอนนั้นคือเหนื่อยมาก สรุปคือขึ้นไปไม่ถึงวัดพระธาตุดอยกองมู
หลังจากลงมาแล้วตัดสินใจกลับที่พัก ไปคุยกับเจ้าของที่พักให้เขาพาไปเที่ยวดีกว่า นัดกันไว้ตอน 15.00 น.
จุดแรกที่พาไปคือ จุดชมวิวผาบ่อง เป็นจุดพักคนหลังผ่านมาหลายพันโค้ง รอบๆมีอาหารและเครื่องดื่มขาย แต่วิวมีจุดเดียวประมาณนี้
จุดที่ 2 คือ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ผาบ่อง แต่ช่วงที่ไปถึงประมาณ 16.00 แล้วซึ่งทางศูนย์การเรียนรู้ปิดให้บริการแล้ว เลยไม่ได้เข้า
จุดที่ 3 ไป น้ำพุร้อนผาบ่อง แวะเอาเท้าจุ่มน้ำหน่อย หลังจากเดินมาหลายกิโล น้ำร้อนมากก แต่บรรยากาศคือดี ภายในมีที่พัก และบริการนวดด้วย
หากต้องการแช่น้ำร้อนแยกห้องจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถ้าแช่ข้างนอกสามารถแช่ได้ฟรี (ไม่ได้ถ่ายราคามา ขออภัยครับ)
หลังจากแช่เท้าแล้ว ขับรถต่อไปอีกนิดนึงก็จะเป็น สะพานข้าว ๙ ก้าวเพื่อสุข มีจุดให้ถ่ายรูป และคาเฟ่สวย
แวะชมวิวที่นี่ถึงประมาณ 17.30 น. ก็ไปยังจุดสุดท้ายเพื่อชมพระอาทิตย์ตกที่ จุดชมวิวดอยสันฟ้า
ทางค่อนข้างชันโค้งเยอะ ระหว่างทางเกิดฝนตก และหมอกมาพอดี เลยทำให้ไม่เห็นวิวด้านล่าง ก็ได้ฟิลหน้าหนาวไปอีก
ถ้าตามปกติ วิวตรงนี้จะสามารถมองเห็นภูเขาลูกอื่นๆ ไปจนถึงพม่าได้เลย
รอจนถึง 18.30 ก็ยังไม่มีทีท่าว่าหมอกจะจางลง มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยกลับที่พักดีกว่า
ค่าบริการพาเที่ยวรวมกับบิงซู อยู่ที่ 350 บาท (ราคาเฉพาะค่านำเที่ยว ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่)
กลับถึงที่พักก็ไปเล่นพูลกันต่อ ในวันทำงาน ช่วงว่างๆก็มาเล่นพูลอย่างเดียว
เช้าวันที่ 2 เริ่มต้นทำงานตามปกติ แต่ช่วงพักเที่ยงลองเดินมากินอาหารที่ร้าน Country กาแฟแก้วละ 35 บาททุกเมนู
และมีข้าวซอยหมูกรอบ/ไก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ชามละ 50 บาท งงที่หมูกรอบกับไก่ ก็ราคาเท่ากัน
ถ้าใครจะมากินข้าวซอยหมูกรอบ ทางร้านทำเสร็จประมาณ 9.30 น. นะ ตอนเช้าว่าจะลองมาทานดู แต่คุณป้ายังทำไม่เสร็จ เลยได้กินขนมจีนน้ำเงี้ยวมาแทน รสชาติอร่อยดี คุณป้าแถมข้าวเกรียบให้เอากลับไปกินที่พักถุงนึงด้วย
วันจันทร์ อังคารนั่งทำงานที่ที่พัก
ซึ่งบรรยากาศที่พักก็มองเห็นต้นไม้เขียวๆ ทำงานเครียดๆ ก็เงยหน้ามองภูเขาฟินๆ
เดินเล่นแถวที่พัก
วันพุธ (ทำงานวันสุดท้ายก่อนที่จะหยุดยาว) เลยลองเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งทำงานที่คาเฟ่สักหน่อย เดินไม่ไกลจากที่พัก ชื่อคาเฟ่ เว|ตัว|ลา
สถานที่ตกแต่งสวยงาม สามารถนั่งได้ทั้งข้างนอกและข้างใน มีขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของทานเล่น ราคาก็ไม่ได้แพงอยู่ที่ 50-70 บาท
สามารถนั่งทำงานได้ พนักงานน่ารัก บริการดี และข้างๆจะมี Kid zone ที่พึ่งเปิดใหม่ สำหรับพาเด็กน้อยมาเล่นของเล่น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้