"สแกนหน้า…ยังพอเข้าใจ เพราะหลายแอปมันใช้แค่ยืนยันตัวตน แต่สแกนม่านตา…พอเลย เพราะนั่นมันคือข้อมูลชีวมิติที่เปลี่ยนใหม่ไม่ได้ไปตลอดชีวิต มันไม่ใช่เบอร์โทร ไม่ใช่บัตรประชาชนที่หายแล้วขอใหม่ได้ ข้อมูลพวกนี้มันผูกกับตัวตนของเราตลอดกาล และเราไม่มีวันรู้เลยว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไรได้บ้าง"
"บางคนเถียงว่า ‘ข้อมูลมันหลุดอยู่แล้ว’ ใช่…มันหลุดเพราะคนอื่นทำพลาด ไม่ใช่เพราะเราเอาไปยื่นให้เขาเองด้วยมือ แต่ในกรณีนี้ คือคนยื่นหน้า ยื่นตาไปให้เขาเอง แลกกับเงินไม่กี่ร้อย แล้วอนาคตถ้ามีใครสวมรอยปลอมตัว โดนแฮก โดนยึดสิทธิ์ทางกฎหมาย หรือถูกผูกเข้ากับเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆที่ไม่รู้จัก ก็อย่ามานั่งโวยทีหลังว่าทำไมชีวิตถึงซวยขนาดนี้"
"Privacy ไม่ได้หายไปไหน แต่เอาไปแลกกับเงินเอง แล้วโลกนี้มันไม่เคยใจดีพอจะให้คนโง่ใช้ฟรีๆ หรอก ข้อมูลที่สำคัญที่สุดในชีวิตตัวเอง คนที่รู้เท่าทันเขาจะหวงยิ่งกว่าทรัพย์สิน เพราะทรัพย์สินหายยังหามาใหม่ได้ แต่ข้อมูลชีวมิติ…หลุดแล้ว หลุดเลย ไม่มีวันเอาคืน"
แสกนหน้าพอทน แสกนม่านตาพอเลย
"สแกนหน้า…ยังพอเข้าใจ เพราะหลายแอปมันใช้แค่ยืนยันตัวตน แต่สแกนม่านตา…พอเลย เพราะนั่นมันคือข้อมูลชีวมิติที่เปลี่ยนใหม่ไม่ได้ไปตลอดชีวิต มันไม่ใช่เบอร์โทร ไม่ใช่บัตรประชาชนที่หายแล้วขอใหม่ได้ ข้อมูลพวกนี้มันผูกกับตัวตนของเราตลอดกาล และเราไม่มีวันรู้เลยว่าอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไรได้บ้าง"
"บางคนเถียงว่า ‘ข้อมูลมันหลุดอยู่แล้ว’ ใช่…มันหลุดเพราะคนอื่นทำพลาด ไม่ใช่เพราะเราเอาไปยื่นให้เขาเองด้วยมือ แต่ในกรณีนี้ คือคนยื่นหน้า ยื่นตาไปให้เขาเอง แลกกับเงินไม่กี่ร้อย แล้วอนาคตถ้ามีใครสวมรอยปลอมตัว โดนแฮก โดนยึดสิทธิ์ทางกฎหมาย หรือถูกผูกเข้ากับเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆที่ไม่รู้จัก ก็อย่ามานั่งโวยทีหลังว่าทำไมชีวิตถึงซวยขนาดนี้"
"Privacy ไม่ได้หายไปไหน แต่เอาไปแลกกับเงินเอง แล้วโลกนี้มันไม่เคยใจดีพอจะให้คนโง่ใช้ฟรีๆ หรอก ข้อมูลที่สำคัญที่สุดในชีวิตตัวเอง คนที่รู้เท่าทันเขาจะหวงยิ่งกว่าทรัพย์สิน เพราะทรัพย์สินหายยังหามาใหม่ได้ แต่ข้อมูลชีวมิติ…หลุดแล้ว หลุดเลย ไม่มีวันเอาคืน"