ษัษฐรัมย์แนะ แยกประกันสังคมออกจากระบบราชการ ก่อนล้มละลายในอีก 27 ปี




ษัษฐรัมย์แนะ แยกประกันสังคมออกจากระบบราชการ ก่อนล้มละลายในอีก 27 ปี



กองทุนประกันสังคมกำลังเข้าขั้นวิกฤต เสี่ยงเงินหมด ‘ล้มละลาย’ หรือ ‘ถังแตก’ ในอีก 27 ปี ทั้งยังต้องเผชิญวิกฤตศรัทธา ซ้ำเติมความเชื่อมั่นที่กำลังดิ่งลงเรื่อยๆ ษัษฐรัมย์แนะแยกออกจากระบบราชการ เร่งสร้างความโปร่งใส ฟื้นฟูความเชื่อมั่น

ความท้าทายกำลังก่อตัวขึ้นกับกองทุนประกันสังคมในหลายด้าน ไม่ว่าจะมาจากสังคมสูงวัย ผลตอบแทนการลงทุนที่ต่ำ หรือความไม่โปร่งใสของการใช้จ่ายงบประมาณส่วนต่างๆ ที่ไม่ยึดโยงกับผู้ประกันตน

อย่างไรก็ตาม ยังมีบุคคลผู้เชื่อว่าประกันสังคมยังมีหวัง และสามารถฟื้นตัวได้ แม้ต้องเสี่ยงล้มละลายในอีก 27 ปี

รศ. ดร. ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน คณะกรรมการประกันสังคม ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ในรายการ Exclusive Interview ถึงความท้าทายต่างๆ ที่ประกันสังคมต้องเผชิญ รวมถึงวิกฤตต่างๆ ที่รออยู่ พร้อมด้วยแนวทางในการรับมือ และข้อเสนอแยกประกันสังคมออกจากระบบราชการ


เสี่ยงล้มละลายใน 27 ปี ยังไม่วิกฤต ชี้มีเวลาให้ปรับตัว

ถ้าภาครัฐไม่ทำอะไร ปล่อยกองทุนประกันสังคมไว้เฉยๆ นักคณิตศาสตร์ประกันภัยประเมินไว้ว่าเงินประกันสังคมจะหมดลงภายใน 27 ปี ทั้งจากปัญหาสังคมสูงวัย และจำนวนแรงงานถดถอย นับเป็นวิกฤตที่น่ากังวลใจ หากภาครัฐไม่สามารถแก้ไขได้

อย่างไรก็ตาม ษัษฐรัมย์มองว่า เป็นธรรมดาของกองทุนบำนาญทุกแห่งทั่วโลก ที่จะต้องเผชิญกับความท้าทาย เมื่อประเทศเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือมีจำนวนประชากรเกิดน้อยลง เพราะแรงงานที่น้อยลงย่อมหมายถึงเงินสมทบของผู้ประกันตนที่น้อยลงตามไปด้วย ซึ่งษัษฐรัมย์มองว่ายังไม่ใช่วิกฤต

ไม่เพียงเท่านั้น ษัษฐรัมย์ยังมองในแง่ดีว่า ไทยยังเหลือเวลาอีกมากในการปรับเปลี่ยนแก้ไข ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 27 ปี ไทยสามารถเพิ่มกลไกอุดหนุนของภาครัฐ หรือแม้แต่เพิ่มเงินสมทบได้เลยตั้งแต่วันนี้ ผ่านการปรับปรุงประกันสังคมให้มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ษัษฐรัมย์ จึงชี้ว่าปัญหาของประกันสังคมไทยทุกวันนี้ อยู่ที่วิกฤตความเชื่อมั่น เนื่องจากประกันสังคมยังไม่มีความโปร่งใสมากพอ รวมถึงยังไม่สามารถปรับตัวได้ทันต่อตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ Informal Economy มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานอย่างครอบคลุมในไทย

ษัษฐรัมย์กล่าวว่า แรงงานในภาค Informal Economy ส่วนใหญ่ไม่มีค่าจ้างประจำ แต่เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ทว่าต่างกับไทยตรงที่ ภาครัฐประเทศอื่นๆ มีการขยายความคุ้มครองประกันสังคมภาคบังคับแก่แรงงานกลุ่มนี้ด้วย ประกันสังคมในประเทศต่างๆ จึงสามารถปรับตัวได้

ษัษฐรัมย์จึงชี้ว่า นอกจากความท้าทายด้านประชากรสูงวัยแล้ว ไทยกำลังเผชิญความท้าทายอีกประการหนึ่งคือ กฎหมายแรงงานและกฎหมายประกันสังคมไทย ที่มีเงื่อนไขแบบเดิมมาตั้งแต่ปี 2533 ซึ่งยังไม่มีความคุ้มครองสภาพการจ้างงานที่ครอบคลุมมากพอ

ประกันสังคม งบสูงกว่ากระทรวงเกรดเอ

สำนักงานประกันสังคมมีสถานะเป็นเพียงกรมหนึ่งของกระทรวงแรงงาน ที่มักถูกมองว่าเป็นกระทรวงเกรดซี เพราะเป็นกระทรวงที่เต็มไปด้วยปัญหาร้องทุกข์ การจ้างงานไม่เป็นธรรม การเลิกจ้าง หรือการปรับขึ้นค่าแรง ทั้งหมดนี้ทำให้ประกันสังคมดูไม่น่าสนใจเท่าไรนักในสายตาคนทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ษัษฐรัมย์ชี้ว่า สำนักงานประกันสังคม เป็นองค์กรซึ่งดูแลกองทุนประกันสังคม ที่มีสินทรัพย์มหาศาลเป็นมูลค่ากว่า 2.7 ล้านล้านบาทเมื่อสิ้นปี 2567 โดยจะมีเงินเข้าจากทั้งฝั่งนายจ้างและผู้ประกันตนข้างละ 90,000 ล้านบาท รวมกันเป็น 180,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีเงินสมทบจากรัฐบาลอีก 50,000 ล้านบาท ทำให้มีเงินเข้าต่อปีรวมกันสูงถึง 230,000 ล้านบาท

สำหรับขาออก กองทุนประกันสังคมจะมีการจ่ายสิทธิประโยชน์ รวมถึงสำรองไว้เป็นเงินบำนาญในอนาคตอีกราว 100,000 กว่าล้านต่อปี คิดเป็นเกือบ 50% ของรายได้ต่อปี ขณะเดียวกัน สำนักงานประกันสังคมยังมีช่องให้สำรองเงินไว้เป็นงบประมาณสำหรับการบริหารจัดการได้สูงถึง 10% ของรายได้ต่อปี เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 6,000 ล้านบาท ซึ่งษัษฐรัมย์ชี้ว่าเยอะกว่างบประมาณของกระทรวงขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ หรือแม้แต่กระทรวงอุตสาหกรรมเสียอีก

ษัษฐรัมย์กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมมีงบประมาณต่อปีที่สูงกว่าประเทศขนาดเล็กอย่างกัมพูชา หรือเนปาลเสียอีก ทั้งยังเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ใหญ่กว่ากองทุนวายุภักดิ์ ซึ่งมีมูลค่าราว 6.7 พันล้าน หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 1.45 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ งบประมาณมูลค่ามหาศาลที่กล่าวมา แม้จะมีความสำคัญมาก แต่กลับเป็นงบที่ไม่ถูกชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎร มีเพียงเงินสมทบจากรัฐบาล 50,000 ล้านบาท รวมถึงเงินสมทบจากข้าราชการเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยของประกันสังคม

กลไกการบริหารของประกันสังคมไม่มีการเปิดเผยสู่สาธารณะเลย ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณค่าสาธารณูปโภค ค่าจ้างพนักงาน รวมถึงค่าจัดซื้อจัดจ้าง จึงทำให้งบประมาณที่ใช้ไปกับโครงการต่างๆ มักถูกตั้งข้อกังขาจากผู้จ่ายเงินสมทบประกันสังคมอยู่เสมอ ดังที่เกิดขึ้นกับงบประมาณในการจัดทviำปฏิทิน 8 ปีย้อนหลัง ซึ่งรวมแล้วไม่น้อยกว่า 450 ล้านบาท


ยังมีต่อ คลิกอ่านในลิงก์ข้างล่าง

ขอบคุณข่าวจาก :

THE STANDARD

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่