ในยามที่พระสงฆ์เพลี่ยงพล้ำ เมื่อพระภิกษุประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ชาวพุทธต้องทำใจให้หนักแน่น ให้รู้จักแยกแยะว่า นั่น! เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนมีกิเลสคนหนึ่ง อย่าได้หลงประเด็น ไปประณามพระสงฆ์ ไปตำหนิพระสงฆ์ ตำหนิศาสนาว่า ศาสนาไม่ดี ศาสนาเสื่อม จะเป็นการสร้างบาปสร้างกรรมให้กับตัวเองเสียเปล่า
ศาสนาจะเจริญหรือเสื่อมอยู่ที่ใจคน เราคิดดี ทำดี พูดดี ศาสนาก็เจริญในใจเรา เราเป็นผู้ทำให้ศาสนาเจริญเอง เราเป็นผู้ทำให้ศาสนาเสื่อมเอง ไม่ได้อยู่ที่การกระทำของบุคคลอื่น เราได้พยายามอธิบายเรื่องนี้โดยละเอียดในบทความก่อน กรณีของสีกา!! สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ ลองไปอ่านดู จะช่วยให้เข้าใจอะไรดีขึ้น
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ผู้เป็นปาราชิกแล้ว ไม่สำนึกผิด ยังทำตัวเป็นพระปกติหลอกลวงพระสงฆ์ หลอกลวงญาติโยม จัดว่าเป็นกรรมหนักจริง ๆ ยิ่งถ้าใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ไปทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์บวชพระ หลังจากเป็นปาราชิกแล้ว กุลบุตรนั้นก็พลอยขาดจากความเป็นพระไปด้วย
ดังนั้น หากใครได้บวชกับพระอุปัชฌาย์ที่เป็นปาราชิก เมื่อรู้ความจริงแล้ว ให้ลาสิกขาไปบวชใหม่เสีย ก็ไม่มีความผิดอันใด จงอย่าเสียดายพรรษา แต่จงกลัวบาปกรรมที่จะติดไปกับจิตให้มากที่สุด
ข้อสำคัญที่น่าเป็นห่วงคือ อย่าให้คนชั่วนักการเมืองชั่ว แอบแฝงเข้ามาเอาเรื่องไม่ดีที่พระไม่กี่รูปทำเสียหาย มาเป็นเหตุแล้วหาเรื่องแก้กฎหมายทำลายพระพุทธศาสนา โดยอ้างว่า เป็นกฎหมายอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยออกกฏระเบียบมาควบคุมพระสงฆ์ เอาผิดพระสงฆ์ต่าง ๆ นานา อันนี้อาจทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายทั้งพระดี และพระไม่ดีให้หมดสิ้นไปได้อย่างแนบเนียน
กฎหมายฉบับนี้เคยถูกองค์หลวงตาคัดค้านจนถูกปัดตกไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเขียนหมกเม็ดจะเอาเงินของวัด เงินของศาสนา จะเอาศาสนสมบัติกลางของศาสนาไปบริหารจัดการโดยคนมีกิเลสหัวดำ ซึ่งมูลค่าเป็นหลายล้านล้านบาท เพื่อจะได้โกงกินกันอย่างสนุกสนาน
ฝากนักกฎหมายที่เป็นคนดี จงช่วยกันดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาด้วย อย่าให้นักการเมืองชั่วฉวยโอกาสใช้กฎหมายมาก้าวล่วงพระธรรมวินัย เรื่องของสงฆ์ให้สงฆ์จัดการ สงฆ์ต้องมีอำนาจเต็ม อย่าให้คนมีกิเลสหัวดำมามีอำนาจเหนือสงฆ์ และอย่าเอากฎหมายมาใหญ่เหนือพระธรรมวินัย กฎหมายใดขัดต่อพระธรรมวินัย กฎหมายนั้นต้องถือเป็นโมฆะ
จงตระหนักรู้ไว้ว่า พระภิกษุถึงแม้ท่านจะปฏิบัติไม่ดี เสพเมถุน ก็เป็นโทษเพียงแค่ทำร้ายตัวท่านเอง ท่านลาสิกขาถูกสังคมประณามจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคมก็ถือว่าหนักมากแล้ว เหลือที่ให้ท่านยืน และกลับตัวได้บ้าง ท่านมิได้ทำลายศาสนา เว้นไว้แต่แก๊งค์ทิฏฐิวิปลาส ที่สอนธรรมผิดบิดเบือนพระธรรมวินัย เอาเรือรั่วมาช่วยคนจมน้ำ พวกนี้ที่ทำลายศาสนาจริงแท้
ถ้าจะลงโทษพระภิกษุที่ทำผิดให้ติดคุก ก็จงเอาแต่เฉพาะพระที่เป็นปาราชิกแล้วไม่ยอมสละสมณเพศ ยังทำตัวเป็นพระภิกษุหลอกลวงเขาเลี้ยงชีพ ก็ติดคุกไปเถอะ
ส่วนผู้หญิงที่มาเสพเมถุนกับพระ จะติดคุกด้วยก็ไม่เป็นปัญหา อันใดที่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ก็มีบทลงโทษตามพระธรรมวินัยซึ่งดีอยู่แล้ว อย่าก้าวล่วงด้วยการต่อเติมหรือตัดทอน จะเป็นบาปกรรมหนัก
ส่วนเรื่องการเงินของวัดของพระ ก็ปล่อยให้คณะสงฆ์จัดการกันเอง ฆราวาสหัวดำอย่าเข้ามาก้าวก่าย จงดูกรณีเงินทอนของวัดเป็นตัวอย่าง อดีต ผอ.สำนักพุทธที่หลบหนีคดีไปต่างประเทศ โกงเงินไปเท่าไหร่??
ยังมีเรื่องภิกษุณีปลอมที่ปล่อยให้แพร่ระบาดอยู่ในตอนนี้อย่างไม่มีการควบคุม ยิ่งนานไปก็จะมีจำนวนมากขึ้น ยิ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อการพระพุทธศาสนาในภายภาคหน้า เพราะถ้าไม่ปฏิเสธ นานไปก็จะกลายเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย ของผิดก็จะถูกบิดเบือนให้กลายเป็นของถูกได้ เท่ากับเราทิ้งระเบิดเวลาไว้ให้ลูกหลานในอนาคต
มหาเถรสมาคม ต้องไม่นิ่งดูดายในเรื่องนี้ เราเสนอแนะให้ออกกฎหมายห้ามใช้คำว่า ภิกษุณี สามเณรี ในประเทศไทย ห้ามประพฤติเลียนแบบข้อวัตรปฏิบัติของภิกษุณี ห้ามใช้บริขารเลียนแบบภิกษุณี มีการเอาบาตรพระไปเดินบินฑบาต เป็นต้น
เราควรส่งต่อพระพุทธศาสนาที่บอบช้ำน้อยที่สุดให้แก่ลูกหลานของเราในภายภาคหน้า เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของเราส่งต่อพระพุทธศาสนาที่ดีงามมาให้พวกเราในยุคนี้
จงคิดดี ทำดี พูดดี ช่วยกันปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ศาสนาพุทธก็เจริญอยู่ภายในใจเราตลอดไป เรากำจัดคนชั่วให้หมดไปไม่ได้ แต่เราช่วยกันส่งเสริมคนดีได้ เราช่วยกันป้องกันระวัง! อย่าให้คนชั่วมีอำนาจ และใช้อำนาจไปทำความชั่วได้
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘_๐๗
พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช
บทความจากใจพระ พูดถึงประเด็นที่กำลังมีกระแสอยู่ตอนนี้
ศาสนาจะเจริญหรือเสื่อมอยู่ที่ใจคน เราคิดดี ทำดี พูดดี ศาสนาก็เจริญในใจเรา เราเป็นผู้ทำให้ศาสนาเจริญเอง เราเป็นผู้ทำให้ศาสนาเสื่อมเอง ไม่ได้อยู่ที่การกระทำของบุคคลอื่น เราได้พยายามอธิบายเรื่องนี้โดยละเอียดในบทความก่อน กรณีของสีกา!! สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ ลองไปอ่านดู จะช่วยให้เข้าใจอะไรดีขึ้น
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ผู้เป็นปาราชิกแล้ว ไม่สำนึกผิด ยังทำตัวเป็นพระปกติหลอกลวงพระสงฆ์ หลอกลวงญาติโยม จัดว่าเป็นกรรมหนักจริง ๆ ยิ่งถ้าใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ไปทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์บวชพระ หลังจากเป็นปาราชิกแล้ว กุลบุตรนั้นก็พลอยขาดจากความเป็นพระไปด้วย
ดังนั้น หากใครได้บวชกับพระอุปัชฌาย์ที่เป็นปาราชิก เมื่อรู้ความจริงแล้ว ให้ลาสิกขาไปบวชใหม่เสีย ก็ไม่มีความผิดอันใด จงอย่าเสียดายพรรษา แต่จงกลัวบาปกรรมที่จะติดไปกับจิตให้มากที่สุด
ข้อสำคัญที่น่าเป็นห่วงคือ อย่าให้คนชั่วนักการเมืองชั่ว แอบแฝงเข้ามาเอาเรื่องไม่ดีที่พระไม่กี่รูปทำเสียหาย มาเป็นเหตุแล้วหาเรื่องแก้กฎหมายทำลายพระพุทธศาสนา โดยอ้างว่า เป็นกฎหมายอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยออกกฏระเบียบมาควบคุมพระสงฆ์ เอาผิดพระสงฆ์ต่าง ๆ นานา อันนี้อาจทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายทั้งพระดี และพระไม่ดีให้หมดสิ้นไปได้อย่างแนบเนียน
กฎหมายฉบับนี้เคยถูกองค์หลวงตาคัดค้านจนถูกปัดตกไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเขียนหมกเม็ดจะเอาเงินของวัด เงินของศาสนา จะเอาศาสนสมบัติกลางของศาสนาไปบริหารจัดการโดยคนมีกิเลสหัวดำ ซึ่งมูลค่าเป็นหลายล้านล้านบาท เพื่อจะได้โกงกินกันอย่างสนุกสนาน
ฝากนักกฎหมายที่เป็นคนดี จงช่วยกันดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาด้วย อย่าให้นักการเมืองชั่วฉวยโอกาสใช้กฎหมายมาก้าวล่วงพระธรรมวินัย เรื่องของสงฆ์ให้สงฆ์จัดการ สงฆ์ต้องมีอำนาจเต็ม อย่าให้คนมีกิเลสหัวดำมามีอำนาจเหนือสงฆ์ และอย่าเอากฎหมายมาใหญ่เหนือพระธรรมวินัย กฎหมายใดขัดต่อพระธรรมวินัย กฎหมายนั้นต้องถือเป็นโมฆะ
จงตระหนักรู้ไว้ว่า พระภิกษุถึงแม้ท่านจะปฏิบัติไม่ดี เสพเมถุน ก็เป็นโทษเพียงแค่ทำร้ายตัวท่านเอง ท่านลาสิกขาถูกสังคมประณามจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคมก็ถือว่าหนักมากแล้ว เหลือที่ให้ท่านยืน และกลับตัวได้บ้าง ท่านมิได้ทำลายศาสนา เว้นไว้แต่แก๊งค์ทิฏฐิวิปลาส ที่สอนธรรมผิดบิดเบือนพระธรรมวินัย เอาเรือรั่วมาช่วยคนจมน้ำ พวกนี้ที่ทำลายศาสนาจริงแท้
ถ้าจะลงโทษพระภิกษุที่ทำผิดให้ติดคุก ก็จงเอาแต่เฉพาะพระที่เป็นปาราชิกแล้วไม่ยอมสละสมณเพศ ยังทำตัวเป็นพระภิกษุหลอกลวงเขาเลี้ยงชีพ ก็ติดคุกไปเถอะ
ส่วนผู้หญิงที่มาเสพเมถุนกับพระ จะติดคุกด้วยก็ไม่เป็นปัญหา อันใดที่เกี่ยวกับพระธรรมวินัย ก็มีบทลงโทษตามพระธรรมวินัยซึ่งดีอยู่แล้ว อย่าก้าวล่วงด้วยการต่อเติมหรือตัดทอน จะเป็นบาปกรรมหนัก
ส่วนเรื่องการเงินของวัดของพระ ก็ปล่อยให้คณะสงฆ์จัดการกันเอง ฆราวาสหัวดำอย่าเข้ามาก้าวก่าย จงดูกรณีเงินทอนของวัดเป็นตัวอย่าง อดีต ผอ.สำนักพุทธที่หลบหนีคดีไปต่างประเทศ โกงเงินไปเท่าไหร่??
ยังมีเรื่องภิกษุณีปลอมที่ปล่อยให้แพร่ระบาดอยู่ในตอนนี้อย่างไม่มีการควบคุม ยิ่งนานไปก็จะมีจำนวนมากขึ้น ยิ่งเป็นภัยร้ายแรงต่อการพระพุทธศาสนาในภายภาคหน้า เพราะถ้าไม่ปฏิเสธ นานไปก็จะกลายเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย ของผิดก็จะถูกบิดเบือนให้กลายเป็นของถูกได้ เท่ากับเราทิ้งระเบิดเวลาไว้ให้ลูกหลานในอนาคต
มหาเถรสมาคม ต้องไม่นิ่งดูดายในเรื่องนี้ เราเสนอแนะให้ออกกฎหมายห้ามใช้คำว่า ภิกษุณี สามเณรี ในประเทศไทย ห้ามประพฤติเลียนแบบข้อวัตรปฏิบัติของภิกษุณี ห้ามใช้บริขารเลียนแบบภิกษุณี มีการเอาบาตรพระไปเดินบินฑบาต เป็นต้น
เราควรส่งต่อพระพุทธศาสนาที่บอบช้ำน้อยที่สุดให้แก่ลูกหลานของเราในภายภาคหน้า เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของเราส่งต่อพระพุทธศาสนาที่ดีงามมาให้พวกเราในยุคนี้
จงคิดดี ทำดี พูดดี ช่วยกันปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ศาสนาพุทธก็เจริญอยู่ภายในใจเราตลอดไป เรากำจัดคนชั่วให้หมดไปไม่ได้ แต่เราช่วยกันส่งเสริมคนดีได้ เราช่วยกันป้องกันระวัง! อย่าให้คนชั่วมีอำนาจ และใช้อำนาจไปทำความชั่วได้
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘_๐๗
พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช