กรุงเทพมหานคร เตรียมคุมเข้มการคัดแยกขยะในครัวเรือน ด้วยการสุ่มตรวจบ้านเรือนที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การแยกขยะ โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเก็บขนขยะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า หากพบว่าไม่แยกขยะอย่างถูกต้อง โดยจะเริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังในอีก 79 วันข้างหน้า
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแยกขยะว่า “เพราะว่าขยะไม่ได้เกิดจากธรรมชาติมันเกิดจากพวกเรา ขยะทุกชิ้นมีเจ้าของ ถ้าเราเริ่มตั้งแต่ต้นทาง ช่วยกันคัดแยกขยะ ถ้าแยกขยะเปียก ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ได้เพราะขยะมีมูลค่า แต่ถ้ารวมกันจะไร้มูลค่า หากประชาชนและ กทม. รวมมือกันก็จะทำให้เมืองเราดีขึ้นมาได้”
กทม.เดินหน้าโครงการ "บ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียม"
พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” ในพื้นที่เขตสวนหลวงและเขตประเวศ เพื่อส่งเสริมการคัดแยกขยะเศษอาหารจากต้นทาง
โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด โดยเฉพาะขยะเศษอาหารซึ่งมีปริมาณมากและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ หากมีการคัดแยกอย่างถูกวิธี ประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY ทั้งในระบบ iOS และ Android
[img]https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/contents/w1024/2025/07/yAw8xqNNdHDeE3hJ0igr.webp?x-image-process=style/lg-webp[/img]
ผลลัพธ์ที่น่าพอใจในพื้นที่นำร่อง
เขตสวนหลวง: มีพื้นที่ 27.03 ตร.กม. มีประชากร 123,289 คน และมีปริมาณขยะที่ต้องส่งกำจัดมากกว่า 200 ตันต่อวัน สำหรับขยะเศษอาหารมีการจัดเก็บใน 45 เส้นทาง โดยตั้งแต่เดือน ต.ค. 2567 ถึง มิ.ย. 2568 สามารถจัดเก็บขยะเศษอาหารได้รวม 2,729.353 ตัน เฉลี่ยวันละ 10 ตัน ขยะเหล่านี้จะถูกนำไปทำปุ๋ยบำรุงดินและส่งต่อให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ เช่น เลี้ยงปลา ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนในแอปฯ BKK WASTE PAY แล้ว 1,065 ราย คิดเป็น 22% ของเป้าหมาย
เขตประเวศ: มีการจัดรถ 1 คัน เพื่อเก็บขยะเศษอาหารตามเส้นทาง และติดตั้งถังขยะแยกประเภทบนรถขยะทุกคัน ในเดือนมิถุนายน 2568 สามารถจัดเก็บขยะเศษอาหารได้ 532.5 ตัน เฉลี่ยวันละ 17.75 ตัน โดยขยะเศษอาหารที่จัดเก็บได้จะนำไปใช้ประโยชน์เป็นอาหารสัตว์สำหรับเกษตรกร ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนแอปฯ BKK WASTE PAY จำนวน 3,341 ราย (ณ วันที่ 14 ก.ค. 68)
นอกจากนี้ กทม. ยังได้ร่วมมือกับนิติบุคคล หมู่บ้านจัดสรร และโรงเรียนในสังกัด รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนในการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการลดปริมาณขยะและส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน
เช็กด่วน หลักเกณฑ์และบทลงโทษ
ประชาชนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการและแยกขยะอย่างถูกต้อง ควรเร่งดำเนินการ เนื่องจากในอีก 79 วันข้างหน้า กทม. จะเริ่มสุ่มตรวจและบังคับใช้มาตรการอย่างจริงจัง หากพบว่าบ้านเรือนใดไม่ปฏิบัติตาม จะถูกปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมเก็บขนขยะเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะและร่วมมือกันทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น
เกณฑ์สำหรับบ้านเดี่ยว
ที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตร หรือประมาณ 4 กิโลกรัมต่อวัน
ถ้าแยกขยะอย่างถูกต้อง เสียค่าธรรมเนียมเพียง 20 บาทต่อเดือน (ค่าเก็บขยะ 10 บาทและค่ากำจัดขยะ 10 บาท)
ถ้าไม่แยกขยะ ต้องจ่ายเต็มจำนวน 60 บาทต่อเดือน หรือ 720 บาทต่อปี (ค่าเก็บขยะ 30 บาทและค่ากำจัดขยะ 30 บาท)
เกณฑ์สำหรับคอนโด ร้านค้า และร้านอาหาร
ที่มีปริมาณขยะระหว่าง 20 ลิตร – 1 ลูกบาศก์เมตร (ประมาณ 4–200 กิโลกรัม/วัน)
ค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อ 20 ลิตร (ค่าเก็บขยะ 60 บาท และค่ากำจัดขยะ 60 บาท)
เกณฑ์สำหรับหมู่บ้านหรือองค์กร
ที่มีปริมาณขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร/วัน หรือเกิน 200 กิโลกรัม/วัน
ค่าธรรมเนียม 8,000 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร (ค่าเก็บขยะ 3,250 บาท และค่ากำจัดขยะ 4,750 บาท)
การแยกขยะจะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด ทำให้ค่าธรรมเนียมลดลง
วิธีการลงทะเบียน
การลงทะเบียนแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
1. ลงทะเบียนแบบเดี่ยว
สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน หรือ 4 กิโลกรัม/วัน โดยเจ้าของบ้านหรือผู้เช่าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้ผ่านแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay หรือสามารถลงทะเบียนที่สำนักงานเขต หากไม่มีสมาร์ทโฟน โดยการลงทะเบียนจะใช้ รหัสบ้าน (House ID) 11 หลัก, ชื่อ-สกุล, เบอร์โทรศัพท์ และภาพถ่ายการคัดแยกขยะ (เศษอาหาร, ขยะรีไซเคิล, ขยะอันตราย, ขยะทั่วไป)
บ้านที่ลงทะเบียนจะได้รับถุงใส่ขยะเศษอาหารฟรีในปีแรกระบบจะสุ่มตรวจการคัดแยกขยะทุก 3 เดือน การเก็บค่าธรรมเนียมใหม่จะเริ่มต้นหลังจากที่ข้อบัญญัติใหม่มีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2568
2. ลงทะเบียนแบบกลุ่ม
สำหรับหมู่บ้านจัดสรรที่มีนิติบุคคลหรือชุมชนที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วันต่อหลังหรือห้อง โดยจะเริ่มการลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคม 2568
ต้องมีการประชุมจากนิติบุคคลเพื่อแจ้งรายละเอียดและวิธีการจัดการขยะที่คัดแยก 4 ประเภท
หลักฐานที่ต้องใช้ในการลงทะเบียนรวมถึงรายงานการประชุมและรหัสบ้าน (House ID)
ขยะที่ต้องแยก และวิธีตรวจสอบ
ขยะที่ต้องแยก: แบ่งเป็น ขยะอินทรีย์ / เศษอาหาร, ขยะรีไซเคิล, ขยะอันตราย และขยะทั่วไป
วิธีตรวจสอบว่าคุณแยกขยะถูกต้อง
ถ่ายรูปการแยกขยะ 4 ประเภท
ส่งภาพผ่านแอปฯ เพื่อรอการตรวจสอบ (ระบบจะเริ่มตรวจ 1 สิงหาคม 2568)
ต้องปักหมุดตำแหน่งบ้านเพื่อให้ กทม. วางแผนจัดเก็บเศษอาหาร
การติดตามผล
กทม. จะมีระบบ สุ่มตรวจ พฤติกรรมการแยกขยะ
หากพบว่าไม่ปฏิบัติตาม จะถูกตัดสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียม และต้องกลับไปจ่าย 60 บาท/เดือน
หากต้องการกลับมาใช้สิทธิ์จ่าย 20 บาทอีกครั้ง ต้องลงทะเบียนใหม่
https://www.bangkokbiznews.com/environment/1189498
'รู้ก่อนเสียเงิน' กทม. สุ่มตรวจจริงจัง บ้านไม่แยกขยะ จ่ายค่าธรรมเนียมแพงกว่า 3 เท่า