ทริปที่สองหลังเรียนจบ Kajaani → Rovaniemi → Kilpisjärvi → Tromsø → Alta → Honningsvåg (Nordkapp) → Alta → Tromsø → Kajaani
สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน
EP.9 นี้ หนูถิ่นตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมาอัพเดทชีวิตในฟินแลนด์ให้เพื่อนสมาชิกอย่างน้อยปีล่ะครั้งค่ะ ที่ยังต้องขึ้นต้นชื่อเรื่องว่าชีวิตนักเรียนนอกในวัยเกษียณ เป็นเพราะว่ามีผู้อ่านที่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวของหนูถิ่น จะได้เห็นหัวเรื่องปุ๊บ จะได้คิดถึงหนูถิ่นปั๊บค่ะ หากท่านใดเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้ของหนูถิ่น และยังไม่ทราบที่มาที่ไปของหนูถิ่น ไล่อ่านลิงค์ข้างล่างนี้ก่อนนะคะ
https://pantip.com/topic/41372528 (EP.1)
https://pantip.com/topic/41446525 (EP.2)
https://pantip.com/topic/41556664 (EP.3)
https://pantip.com/topic/41799671 (EP.4)
https://pantip.com/topic/42084467 (EP.5)
https://pantip.com/topic/42779140 (EP.6)
https://pantip.com/topic/42973755 (EP.7)
https://pantip.com/topic/43183763 (EP.8)
เวลาผ่านไปเร็วมาก หนูถิ่นทำงานที่ร้านใหม่นี้จะครบหนึ่งปีแล้วค่ะ เนื่องจากที่ฟินแลนด์ ส่วนใหญ่จะหยุดพักร้อนประมาณเดือนกรกฎาคม ทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการที่ร้านน้อย ทางร้านเลยปิดบริการหนึ่งเดือน เพื่อให้พนักงานลาหยุดพักร้อน หนูถิ่นมีวันหยุดพักร้อนสะสม 20 วัน รออะไร ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ
Let’s go……
เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถไฟจาก Kajaani ไป Rovaniemi นั่งประมาณ 5 ชั่วโมงค่ะ หนูถิ่นเคยมาเที่ยวแล้วเมื่อหกเจ็ดปีก่อน แต่เนื่องจากมาเที่ยวหน้าหนาว ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นอะไร เพราะมืดเร็วมากและอากาศก็หนาวสุด ๆ ได้ไปแค่หมู่บ้านซานต้าคลอส ได้แวะกลับไปเที่ยวที่หมู่บ้านซานตาคลอสอีกครั้ง ได้ไปถ่ายรูปกับซานต้าด้วย เพราะรอคิวไม่นานค่ะ กิจกรรมที่จะต้องทำคือขี่สโนวโมบิล นั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์หรือฮัสกี้ หรือไม่ก็ไปเที่ยวเรือตัดน้ำแข็ง ว่ายน้ำในทะเลน้ำแข็ง ทริปพวกนี้หนูถิ่นเคยไปมาหมดแล้วค่ะ ก็เป็นอันตัดไป ทริปนี้แค่เดินเล่นในเมือง เช่น Lordi’s Square, Rovaniemi Church, Angry Bird Park, Arktikum Museum และ Lumberjacks Candle Bridge ค่ะ หนูถิ่นเคยเขียนรีวิวไว้ในทริปฟินแลนด์ครั้งแรก ถ้าสนใจอ่านได้ในลิงค์นี้เลยค่ะ https://pantip.com/topic/38761721

Santa Claus Village

ทุกท่านที่มาที่นี่ ต้องมาถ่ายรูปข้ามเส้น Arctic Circle กันค่ะ

Lordi's Square

Lumberjacks Candle Bridge

Angry Bird Park

Angry Bird Park

Angry Bird

Rovaniemi Church

Arktikum Museum
หนูถิ่นจะพักเมืองล่ะสองคืนค่ะ ต่อจากโรวาเนียมิ หนูถิ่นนั่งรถบัสไปที่เมือง Kilpisjärvi นั่งประมาณหกชั่วโมง จองตั๋วรถบัสกับ https://www.eskelisen.fi/en/timetables-and-routes/ ค่ารถ 85.90 ยูโร เมืองนี้จะเป็นเมืองที่ชายแดนสามประเทศมาบรรจบกัน คือประเทศฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ ถ้าเราไม่แวะเมืองนี้ สามารถนั่งรถบัสยิงยาวเข้าทรอมโซ่ ประเทศนอร์เวย์ได้เลยค่ะ นั่งเกือบแปดชั่วโมง ค่ารถ 133.90 ยูโร หนูถิ่นแวะเที่ยวก่อน เพราะเพื่อนคนฟินน์เล่าให้ฟังว่า ถ้ามาฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะสวยมาก เป็นสีส้มไปทั้งหมด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน แต่มาครั้งนี้มาเดือนกรกฏาคม จึงยังไม่เห็นใบไม้เปลี่ยนสี มาถึงที่นี่แล้ว ก็ขอไปชมหลักหินที่สามประเทศมาบรรจบกันซะหน่อย (Three Kingdoms Border Cairn) โดยต้องนั่งเรือไป รายละเอียดอ่านได้ในลิงค์ที่แปะไว้นี้ค่ะ https://www.mallalaiva.com/
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงในการไปที่นี่ โดยนั่งเรือไปครึ่งชั่วโมง นั่งเรือกลับอีกครึ่งชั่วโมง เรือให้เวลาในการเดินหกกิโลเมตรไปกลับอีกสองชั่วโมงค่ะ ทางเดินก็เดินไม่ยาก ที่เมืองนี้จะมีภูเขาชื่อว่า Saana ซึ่งมีชื่อเสียงมากในฟินแลนด์

Saana Fell

Wild Reindeer

M/S Malla Boat

ทางเดินเดินไปหลักหินสามประเทศ
Three Kingdoms Border Cairn
Three Kingdoms Border Cairn
ต่อจากนั้นหนูถิ่นก็นั่งรถบัสเข้า Tromsø ประเทศนอร์เวย์อีกสองชั่วโมงกว่า ๆ พอรถเริ่มวิ่งเข้าเขตประเทศนอร์เวย์ เปลี่ยนโหมดเลยค่ะจากทะเลสาบในฟินแลนด์ กลายเป็นทะเลและภูเขาในนอร์เวย์ ทรอมโซ่เป็นเมืองน่ารัก ๆ จะมีนักท่องเที่ยวที่มากับเรือสำราญมาจอดเทียบที่ท่าเรือ มีร้านแมคโดนัลด์ที่เขาบอกว่าเป็นร้านแมคที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก และมีบาร์ที่เล็กที่สุดในโลกด้วยค่ะ
วันต่อมาหนูถิ่นจองทัวร์ล่องเรือชมฟยอร์ด และไปดูอุตสาหกรรมประมงของเขา แต่ไปถึงวันนั้นแผงตากปลา ไม่มีปลาสักตัวเลยค่ะ ไกด์บอกว่าก็โชคดี ไม่งั้นจะมีกลิ่นเหม็นปลามาก ไกด์เล่าว่าเวลาชาวประมงจับปลามาได้ ก็จะทำการแยกชิ้นส่วนปลาก่อนตากแห้ง ตัดหัวปลาออก ควักไส้ออก และแยกตับปลา เพื่อเอาไปทำน้ำมันตับปลา การทานน้ำมันตับปลา เป็นเคล็ดลับสุขภาพดีของคนนอร์เวย์ค่ะ ส่วนหัวปลาก็เอาไปตากแห้ง และส่งออกไปขายที่ประเทศไนจีเรียทั้งหมด คนที่ไนจีเรียจะเอาหัวปลาตากแห้งไปต้มซุปค่ะ ขากลับมาที่ฟินแลนด์ หนูถิ่นเลยซื้อเนื้อปลาคอดตากแห้งกลับมาต้มซุปค่ะ คิดว่าน้ำซุปน่าจะหวาน และซื้อบราวน์ชีสกลับมาด้วย อันนี้หนูถิ่นชอบมากของขึ้นชื่อของนอร์เวย์ค่ะ
หลังกลับจากล่องเรือ หนูถิ่นก็เดินข้ามสะพานข้ามทะเลในเมืองทรอมโซ่ Tromsø Bridge เพื่อจะไปที่ Arctic Cathedral และ Fjellheisen Cable Car เป็นจุดชมวิวของเมืองนี้ ทีแรกกะว่าจะอยู่ดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นี่เลย แต่ลมแรงและหนาวมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม วิวมุมสูงที่มองลงมาสวยมากค่ะ วิวตรงท่าเรือก็สวยมากเช่นกันค่ะ ชอบบรรยากาศแบบนี้มีเรือ มีทะเล มีภูเขา

วิวที่ทรอมโซ่

วิวฟยอร์ดที่ทรอมโซ่

วิวท่าเรือที่ทรอมโซ่

บาร์ที่เล็กที่สุดในโลก
ต่อจากนั้นหนูถิ่นก็นั่งรถบัสต่อไปที่เมือง Alta ซึ่งเป็นเมืองแห่งแสงเหนือและมีมรดกโลกอยู่ที่เมืองนี้ด้วย นั่นก็คือ Rock art of Alta การเดินทางมาเมืองนี้ ซื้อตั๋วรถบัสจากแอพ Svipper โดยเลือก Zone Tromsø to Zone Alta ค่ารถ 576 Nok นั่งประมาณหกชั่วโมงกว่า ๆ ข้ามภูเขา ลอดอุโมงค์ รถบัสลงแพมาด้วย ตลอดเส้นทางที่นั่งรถบัสมา วิวก็สวยงามมาก ๆ ค่ะ
วันต่อมาหนูถิ่นได้ไป Rock art of Alta เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งกับในร่มค่ะ ค่าบัตร 160 Nok ได้ไปดูร่องรอยคนสมัยโบราณเมื่อเจ็ดพันปีก่อนเล่าเรื่องราววิถีชีวิตในช่วงนั้นมีการล่ากวางเรนเดียร์ ล่องเรือทำประมง โดยบันทึกเรื่องราวผ่านการแกะสลักรูปต่าง ๆ ลงบนก้อนหินค่ะ อันนี้ก็ต้องชื่นชมนักสำรวจที่ค้นพบว่าเขาดูอย่างไรให้เป็นรูปต่าง ๆ เพราะการแกะสลักรูป ก็จะเริ่มจาง ๆ ลง ต่อมาคนในยุคปัจจุบันก็เลยลงสีไว้บางส่วน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นกันชัด ๆ ค่ะ

รูปแกะสลักที่ยังไม่ได้ลงสี เห็นลาง ๆ

ลงสีเพื่อให้เห็นชัดขึ้น

บันทึกเรื่องราวในประวัติศาสตร์เมื่อ 7,000 ปีก่อน
ต่อจากนั้นหนูถิ่นนั่งรถบัสต่อไปที่เมือง Honningsvåg (Gateway to Nordkapp) การซื้อตั๋วไปเมืองนี้ต้องซื้อตั๋วผ่านแอพ Mobillett Snelandia ค่ารถ 334 Nok นั่งเกือบสามชั่วโมงค่ะ
วันต่อมาหนูถิ่นจองทัวร์ไป Nordkapp อยู่ห่างจาก Honningsvåg สามสิบกว่ากิโลเมตร ทัวร์นี้รวมไปดู King Crab ด้วยค่ะ ที่ Nordkapp มีพิพิธภัณฑ์ไทย มีรูปภาพที่รัชกาลที่ห้าเสด็จประพาสยุโรปแล้วไปถึงที่นี่ สมัยก่อนคงเดินทางลำบากมาก ๆ ขนาดหนูถิ่นไป ยังต้องนั่งรถต่อไปแต่ล่ะเมืองนานมาก กว่าจะมาถึง

วิวที่
Honningsvåg

King Crab

Troll

Bamse - The heroic dog

The Famous Globe at Nordkapp

The Famous Globe at Nordkapp
หลังจากนั้นหนูถิ่นก็บินกลับไปตั้งหลักที่ทรอมโซ่อีก เพื่อบินกลับฟินแลนด์ค่ะ ขากลับนี้ยังได้แวะเที่ยวเกาะ Sommarøy อยู่ห่างจากตัวเมืองทรอมโซ่ นั่งรถประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ ที่เกาะนี้ก็จะมีวิวสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะค่ะ
วิวที่เกาะ Sommarøy น้ำใสมาก

นั่งมองวิวเพลิน ๆ ค่ะ

ถ่ายอีกมุมหนึ่ง

บนเกาะมีเลี้ยงม้ากับหมูด้วยค่ะ
หนูถิ่นไม่มีภาพพระอาทิตย์เที่ยงคืนเลย เพราะแต่ล่ะวันเดินมากจนเมื่อย พอกลับถึงที่พัก ก็ไม่อยากออกไปอีก ข้างนอกสว่างไสวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายที่นอร์เวย์สูงจริง ๆ เลยค่ะ สูงกว่าที่ฟินแลนด์มาก ๆ ตามความรู้สึกนะคะ ตอนที่จะบินกลับมาที่ทรอมโซ่ ไฟลท์แคนเซิล เพราะทัศนวิสัยไม่ดี และลมแรงมาก ทางสายการบินเลยจัดให้นั่งรถตู้เพื่อไปขึ้นเครื่องที่อีกสนามบินหนึ่ง จ่ายคูปองอาหารให้คนล่ะ 150 Nok กะว่าจะซื้อเบอร์เกอร์สักชิ้นกับโค้กหนึ่งขวด เฉพาะเบอร์เกอร์ก็ 141 Nok แล้ว สรุปต้องออกเงินเพิ่มเพื่อซื้อโค้กเองจ้า
หลังกลับจากทริปด้วยความสุข มีความสุขต่อเนื่องอีก เพราะว่าทางร้านได้ต่อสัญญาว่าจ้างการทำงานให้หนูถิ่นอีก แต่ครั้งนี้ต่อให้เป็นถาวรเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ปีเดียวเหมือนตอนเริ่มต้น ทำให้มีงานที่มั่นคงทำ ยิ่งกฎหมายใหม่ที่ฟินแลนด์เปลี่ยนแปลงใหม่ในปีนี้ ห้ามตกงานเกินสามเดือน ต่อให้วีซ่าทำงานยังไม่หมดอายุ ถ้าเราตกงานเกินสามเดือน เขาจะเพิกถอนวีซ่าเรา และต้องโดนกลับประเทศเลยค่ะ หนูถิ่นยังไม่อยากกลับ ยังอยากทำงาน หาเงินไปเที่ยวในแถบ ๆ นี้อีกค่ะ ขอจบเท่านี้ก่อนนะคะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวจะมาเล่าอีกค่ะ
REVIEW: ชีวิตนักเรียนนอกในวัยเกษียณ ท่องเที่ยวช่วงซัมเมอร์หลังเรียนจบ ทริปที่สอง (EP.9)
สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกพันทิปทุกท่าน
EP.9 นี้ หนูถิ่นตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมาอัพเดทชีวิตในฟินแลนด์ให้เพื่อนสมาชิกอย่างน้อยปีล่ะครั้งค่ะ ที่ยังต้องขึ้นต้นชื่อเรื่องว่าชีวิตนักเรียนนอกในวัยเกษียณ เป็นเพราะว่ามีผู้อ่านที่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวของหนูถิ่น จะได้เห็นหัวเรื่องปุ๊บ จะได้คิดถึงหนูถิ่นปั๊บค่ะ หากท่านใดเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้ของหนูถิ่น และยังไม่ทราบที่มาที่ไปของหนูถิ่น ไล่อ่านลิงค์ข้างล่างนี้ก่อนนะคะ
https://pantip.com/topic/41372528 (EP.1)
https://pantip.com/topic/41446525 (EP.2)
https://pantip.com/topic/41556664 (EP.3)
https://pantip.com/topic/41799671 (EP.4)
https://pantip.com/topic/42084467 (EP.5)
https://pantip.com/topic/42779140 (EP.6)
https://pantip.com/topic/42973755 (EP.7)
https://pantip.com/topic/43183763 (EP.8)
เวลาผ่านไปเร็วมาก หนูถิ่นทำงานที่ร้านใหม่นี้จะครบหนึ่งปีแล้วค่ะ เนื่องจากที่ฟินแลนด์ ส่วนใหญ่จะหยุดพักร้อนประมาณเดือนกรกฎาคม ทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการที่ร้านน้อย ทางร้านเลยปิดบริการหนึ่งเดือน เพื่อให้พนักงานลาหยุดพักร้อน หนูถิ่นมีวันหยุดพักร้อนสะสม 20 วัน รออะไร ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ
Let’s go……
เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถไฟจาก Kajaani ไป Rovaniemi นั่งประมาณ 5 ชั่วโมงค่ะ หนูถิ่นเคยมาเที่ยวแล้วเมื่อหกเจ็ดปีก่อน แต่เนื่องจากมาเที่ยวหน้าหนาว ก็เลยไม่ค่อยได้เห็นอะไร เพราะมืดเร็วมากและอากาศก็หนาวสุด ๆ ได้ไปแค่หมู่บ้านซานต้าคลอส ได้แวะกลับไปเที่ยวที่หมู่บ้านซานตาคลอสอีกครั้ง ได้ไปถ่ายรูปกับซานต้าด้วย เพราะรอคิวไม่นานค่ะ กิจกรรมที่จะต้องทำคือขี่สโนวโมบิล นั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์หรือฮัสกี้ หรือไม่ก็ไปเที่ยวเรือตัดน้ำแข็ง ว่ายน้ำในทะเลน้ำแข็ง ทริปพวกนี้หนูถิ่นเคยไปมาหมดแล้วค่ะ ก็เป็นอันตัดไป ทริปนี้แค่เดินเล่นในเมือง เช่น Lordi’s Square, Rovaniemi Church, Angry Bird Park, Arktikum Museum และ Lumberjacks Candle Bridge ค่ะ หนูถิ่นเคยเขียนรีวิวไว้ในทริปฟินแลนด์ครั้งแรก ถ้าสนใจอ่านได้ในลิงค์นี้เลยค่ะ https://pantip.com/topic/38761721
Santa Claus Village
ทุกท่านที่มาที่นี่ ต้องมาถ่ายรูปข้ามเส้น Arctic Circle กันค่ะ
Lordi's Square
Lumberjacks Candle Bridge
Angry Bird Park
Angry Bird Park
Angry Bird
Rovaniemi Church
Arktikum Museum
หนูถิ่นจะพักเมืองล่ะสองคืนค่ะ ต่อจากโรวาเนียมิ หนูถิ่นนั่งรถบัสไปที่เมือง Kilpisjärvi นั่งประมาณหกชั่วโมง จองตั๋วรถบัสกับ https://www.eskelisen.fi/en/timetables-and-routes/ ค่ารถ 85.90 ยูโร เมืองนี้จะเป็นเมืองที่ชายแดนสามประเทศมาบรรจบกัน คือประเทศฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ ถ้าเราไม่แวะเมืองนี้ สามารถนั่งรถบัสยิงยาวเข้าทรอมโซ่ ประเทศนอร์เวย์ได้เลยค่ะ นั่งเกือบแปดชั่วโมง ค่ารถ 133.90 ยูโร หนูถิ่นแวะเที่ยวก่อน เพราะเพื่อนคนฟินน์เล่าให้ฟังว่า ถ้ามาฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่จะสวยมาก เป็นสีส้มไปทั้งหมด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน แต่มาครั้งนี้มาเดือนกรกฏาคม จึงยังไม่เห็นใบไม้เปลี่ยนสี มาถึงที่นี่แล้ว ก็ขอไปชมหลักหินที่สามประเทศมาบรรจบกันซะหน่อย (Three Kingdoms Border Cairn) โดยต้องนั่งเรือไป รายละเอียดอ่านได้ในลิงค์ที่แปะไว้นี้ค่ะ https://www.mallalaiva.com/
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงในการไปที่นี่ โดยนั่งเรือไปครึ่งชั่วโมง นั่งเรือกลับอีกครึ่งชั่วโมง เรือให้เวลาในการเดินหกกิโลเมตรไปกลับอีกสองชั่วโมงค่ะ ทางเดินก็เดินไม่ยาก ที่เมืองนี้จะมีภูเขาชื่อว่า Saana ซึ่งมีชื่อเสียงมากในฟินแลนด์
Saana Fell
Wild Reindeer
M/S Malla Boat
ทางเดินเดินไปหลักหินสามประเทศ
Three Kingdoms Border Cairn
Three Kingdoms Border Cairn
ต่อจากนั้นหนูถิ่นก็นั่งรถบัสเข้า Tromsø ประเทศนอร์เวย์อีกสองชั่วโมงกว่า ๆ พอรถเริ่มวิ่งเข้าเขตประเทศนอร์เวย์ เปลี่ยนโหมดเลยค่ะจากทะเลสาบในฟินแลนด์ กลายเป็นทะเลและภูเขาในนอร์เวย์ ทรอมโซ่เป็นเมืองน่ารัก ๆ จะมีนักท่องเที่ยวที่มากับเรือสำราญมาจอดเทียบที่ท่าเรือ มีร้านแมคโดนัลด์ที่เขาบอกว่าเป็นร้านแมคที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก และมีบาร์ที่เล็กที่สุดในโลกด้วยค่ะ
วันต่อมาหนูถิ่นจองทัวร์ล่องเรือชมฟยอร์ด และไปดูอุตสาหกรรมประมงของเขา แต่ไปถึงวันนั้นแผงตากปลา ไม่มีปลาสักตัวเลยค่ะ ไกด์บอกว่าก็โชคดี ไม่งั้นจะมีกลิ่นเหม็นปลามาก ไกด์เล่าว่าเวลาชาวประมงจับปลามาได้ ก็จะทำการแยกชิ้นส่วนปลาก่อนตากแห้ง ตัดหัวปลาออก ควักไส้ออก และแยกตับปลา เพื่อเอาไปทำน้ำมันตับปลา การทานน้ำมันตับปลา เป็นเคล็ดลับสุขภาพดีของคนนอร์เวย์ค่ะ ส่วนหัวปลาก็เอาไปตากแห้ง และส่งออกไปขายที่ประเทศไนจีเรียทั้งหมด คนที่ไนจีเรียจะเอาหัวปลาตากแห้งไปต้มซุปค่ะ ขากลับมาที่ฟินแลนด์ หนูถิ่นเลยซื้อเนื้อปลาคอดตากแห้งกลับมาต้มซุปค่ะ คิดว่าน้ำซุปน่าจะหวาน และซื้อบราวน์ชีสกลับมาด้วย อันนี้หนูถิ่นชอบมากของขึ้นชื่อของนอร์เวย์ค่ะ
หลังกลับจากล่องเรือ หนูถิ่นก็เดินข้ามสะพานข้ามทะเลในเมืองทรอมโซ่ Tromsø Bridge เพื่อจะไปที่ Arctic Cathedral และ Fjellheisen Cable Car เป็นจุดชมวิวของเมืองนี้ ทีแรกกะว่าจะอยู่ดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นี่เลย แต่ลมแรงและหนาวมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม วิวมุมสูงที่มองลงมาสวยมากค่ะ วิวตรงท่าเรือก็สวยมากเช่นกันค่ะ ชอบบรรยากาศแบบนี้มีเรือ มีทะเล มีภูเขา
วิวที่ทรอมโซ่
วิวฟยอร์ดที่ทรอมโซ่
วิวท่าเรือที่ทรอมโซ่
บาร์ที่เล็กที่สุดในโลก
ต่อจากนั้นหนูถิ่นก็นั่งรถบัสต่อไปที่เมือง Alta ซึ่งเป็นเมืองแห่งแสงเหนือและมีมรดกโลกอยู่ที่เมืองนี้ด้วย นั่นก็คือ Rock art of Alta การเดินทางมาเมืองนี้ ซื้อตั๋วรถบัสจากแอพ Svipper โดยเลือก Zone Tromsø to Zone Alta ค่ารถ 576 Nok นั่งประมาณหกชั่วโมงกว่า ๆ ข้ามภูเขา ลอดอุโมงค์ รถบัสลงแพมาด้วย ตลอดเส้นทางที่นั่งรถบัสมา วิวก็สวยงามมาก ๆ ค่ะ
วันต่อมาหนูถิ่นได้ไป Rock art of Alta เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งกับในร่มค่ะ ค่าบัตร 160 Nok ได้ไปดูร่องรอยคนสมัยโบราณเมื่อเจ็ดพันปีก่อนเล่าเรื่องราววิถีชีวิตในช่วงนั้นมีการล่ากวางเรนเดียร์ ล่องเรือทำประมง โดยบันทึกเรื่องราวผ่านการแกะสลักรูปต่าง ๆ ลงบนก้อนหินค่ะ อันนี้ก็ต้องชื่นชมนักสำรวจที่ค้นพบว่าเขาดูอย่างไรให้เป็นรูปต่าง ๆ เพราะการแกะสลักรูป ก็จะเริ่มจาง ๆ ลง ต่อมาคนในยุคปัจจุบันก็เลยลงสีไว้บางส่วน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นกันชัด ๆ ค่ะ
รูปแกะสลักที่ยังไม่ได้ลงสี เห็นลาง ๆ
ลงสีเพื่อให้เห็นชัดขึ้น
บันทึกเรื่องราวในประวัติศาสตร์เมื่อ 7,000 ปีก่อน
ต่อจากนั้นหนูถิ่นนั่งรถบัสต่อไปที่เมือง Honningsvåg (Gateway to Nordkapp) การซื้อตั๋วไปเมืองนี้ต้องซื้อตั๋วผ่านแอพ Mobillett Snelandia ค่ารถ 334 Nok นั่งเกือบสามชั่วโมงค่ะ
วันต่อมาหนูถิ่นจองทัวร์ไป Nordkapp อยู่ห่างจาก Honningsvåg สามสิบกว่ากิโลเมตร ทัวร์นี้รวมไปดู King Crab ด้วยค่ะ ที่ Nordkapp มีพิพิธภัณฑ์ไทย มีรูปภาพที่รัชกาลที่ห้าเสด็จประพาสยุโรปแล้วไปถึงที่นี่ สมัยก่อนคงเดินทางลำบากมาก ๆ ขนาดหนูถิ่นไป ยังต้องนั่งรถต่อไปแต่ล่ะเมืองนานมาก กว่าจะมาถึง
วิวที่ Honningsvåg
King Crab
Troll
Bamse - The heroic dog
The Famous Globe at Nordkapp
The Famous Globe at Nordkapp
หลังจากนั้นหนูถิ่นก็บินกลับไปตั้งหลักที่ทรอมโซ่อีก เพื่อบินกลับฟินแลนด์ค่ะ ขากลับนี้ยังได้แวะเที่ยวเกาะ Sommarøy อยู่ห่างจากตัวเมืองทรอมโซ่ นั่งรถประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ ที่เกาะนี้ก็จะมีวิวสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะค่ะ
วิวที่เกาะ Sommarøy น้ำใสมาก
นั่งมองวิวเพลิน ๆ ค่ะ
ถ่ายอีกมุมหนึ่ง
บนเกาะมีเลี้ยงม้ากับหมูด้วยค่ะ
หนูถิ่นไม่มีภาพพระอาทิตย์เที่ยงคืนเลย เพราะแต่ล่ะวันเดินมากจนเมื่อย พอกลับถึงที่พัก ก็ไม่อยากออกไปอีก ข้างนอกสว่างไสวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยค่ะ ค่าใช้จ่ายที่นอร์เวย์สูงจริง ๆ เลยค่ะ สูงกว่าที่ฟินแลนด์มาก ๆ ตามความรู้สึกนะคะ ตอนที่จะบินกลับมาที่ทรอมโซ่ ไฟลท์แคนเซิล เพราะทัศนวิสัยไม่ดี และลมแรงมาก ทางสายการบินเลยจัดให้นั่งรถตู้เพื่อไปขึ้นเครื่องที่อีกสนามบินหนึ่ง จ่ายคูปองอาหารให้คนล่ะ 150 Nok กะว่าจะซื้อเบอร์เกอร์สักชิ้นกับโค้กหนึ่งขวด เฉพาะเบอร์เกอร์ก็ 141 Nok แล้ว สรุปต้องออกเงินเพิ่มเพื่อซื้อโค้กเองจ้า
หลังกลับจากทริปด้วยความสุข มีความสุขต่อเนื่องอีก เพราะว่าทางร้านได้ต่อสัญญาว่าจ้างการทำงานให้หนูถิ่นอีก แต่ครั้งนี้ต่อให้เป็นถาวรเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ปีเดียวเหมือนตอนเริ่มต้น ทำให้มีงานที่มั่นคงทำ ยิ่งกฎหมายใหม่ที่ฟินแลนด์เปลี่ยนแปลงใหม่ในปีนี้ ห้ามตกงานเกินสามเดือน ต่อให้วีซ่าทำงานยังไม่หมดอายุ ถ้าเราตกงานเกินสามเดือน เขาจะเพิกถอนวีซ่าเรา และต้องโดนกลับประเทศเลยค่ะ หนูถิ่นยังไม่อยากกลับ ยังอยากทำงาน หาเงินไปเที่ยวในแถบ ๆ นี้อีกค่ะ ขอจบเท่านี้ก่อนนะคะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวจะมาเล่าอีกค่ะ