ในกรณีเช่นนี้ พระพุทธองค์ไม่เคยตำหนิมาตุคามนะครับ ตำหนิแต่ภิกษุฝ่ายเดียว และเรียกว่า "โมฆะบุรุษ"

ผู้ไม่รู้อยู่ ไม่เห็นอยู่ ซึ่งรากเหง้าของอุปธิ. .............................. หลงว่าเป็นอรหันต์ เพราะมีใจน้อมไปนิพพาน แต่ขาดความเพียร ผลคือ.. ..................... สุนักขัตตะ เป็นไปได้ที่ภิกษุบางรูป

ความหมายของคำว่า โมฆะบุรุษเป็นคำที่พระพุทธองค์ใช้ตำหนิติเตียนบรรดาสาวก ที่ชอบทำตัวเป็นผู้ทรงภูมิ แต่พูดธรรมผิดๆถูกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ผิด กรณีของ "อัตตา"ก็เช่นกัน บรรดาพระเปรียญมักจะสอนว่า อัตตาไ

ในสมัยพุทธกาล มีนักบวชนอกพระพุทธศาสนากลุ่มหนึ่ง มากล่าวร้าย มาตำหนิติเตียน คุณของพระพุทธ ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ พระภิกษุที่ยังไม่หมดกิเลส พอได้ยินได้ฟังคำตำหนินั้น ก็รู้สึกไม่พ

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อให้ภิกษุทั้งหลายพิจารณากายนี้ตามความเป็นจริง มิให้หลงยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นของงาม หรือเป็นสิ่งควรยึดมั่น ทรงสอนให้ตั้งสติพิจารณากายโดยแยกออกเป็นส่วน ๆ ตามที่กายนี้มี

พระพุทธเจ้ตรัสไว้อย่างนี้ ว่า เช่น ๒. รูปสูตร ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล พระนครสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา เสียงไม

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตุคามมีกำลัง ๕ ประการเหล่านี้ คือ กำลังคือรูป ๑ กำลังคือทรัพย์ ๑ กำลังคือญาติ ๑ กำลังคือบุตร ๑ กำลังคือศีล ๑ มาตุคามผู้ประกอบด้วยกำลัง ๕ ประการนี้แล ย่อมสามาร

รวมฟังธรรมหัวข้อความต่างของ "เถรวาท" และ "มหายาน" https://www.youtube.com/watch?v=rsPtQH2dwp0พุทธแค่ไหนคือเถรวาท พุทธอย่างไรเป็นมหายาน ตอนที่๑ - ป อ ปยุตฺโต (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์