เช็คลมยาง และตรวจเช็ค รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เบื้องต้นก่อนใช้งาน กันบ่อยแค่ไหนครับ

เคยตรวจเช็คกันบ้างไหมครับ  ตรวจกันบ่อยไหมครับ สำคัญนะครับ

1. ลมยาง  ดอกยาง  อันดับแรก ทุกเช้า ควรต้องดูยาง ให้ครบครับ
2. ระดับและลักษณะของน้ำมันเครื่อง
3. ระดับน้ำมันเบรก น้ำมันคลัทช์
4. น้ำกลั่นในแบตเตอรี่
5. ขั้วแบตเตอรี่
6. รอยรั่ว หรือ รอยหยดของน้ำมันใต้ท้องรถ
7. สัญญาณไฟ และไฟเตือนต่างๆ  ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟสูง-ต่ำ
8. เบรกมือ
9. ที่ปัดน้ำฝน น้ำในถังฉีดล้างกระจก
10. เสียงเครื่องยนต์ ผิดปกติไหม


ลองมาแชร์กันนะครับ
หน้าฝน ขับรถกันระมัดระวัง ด้วยนะครับ ขอให้เดินทางปลอดภัย ทุกๆท่านครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ขออนุญาตตอบจากความเห็นและพฤติกรรมส่วนตัวนะคะ

      ส่วนตัวเป็นคนรักรถ ชอบรถ ก่อนขึ้นรถก็เดินดูรอบ ๆ รถ ทุกครั้งก่อนขึ้นรถ สังเกตรอยเบื้องต้นด้วยสายตา ยาง แล้วค่อยขึ้นรถทุกครั้งไม่ว่าจะรีบแค่ไหนก็ตามค่ะ ต้องเดินวนรอบรถสัก 1 รอบค่ะ
      เวลาขึ้นรถจะล๊อครถทันที แล้วสตาร์ทรถก็จะนั่งรอ 5 - 10 นาทีก่อนออกรถให้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่หน้าจอดับ แสดงถึงระบบเครื่องยนต์ได้ทำงานเต็มระบบ และฟังเสียงสักครู่ ถ้าไม่มีเสียงอะไรผิดปกติ (เสียงแมว, หรือ เสียงอื่น ๆ ก็ออกรถปกติแบบค่อย ๆ เหยียบคันเร่ง ไม่กดแรงค่อย ๆ flow เผื่อมีสัตว์ หรือ มีปัญหาทับอะไร จะได้หยุดรถทันค่ะ)
      ส่วนการเช็คระยะ Maintenance จะตามคู่มือเลย

***  เน้นของเหลวต่าง ๆ เช่นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำยาหม้อน้ำ ก็จะประมาณ 50,000 Km. ใช้มากน้อยจะต้องถ่ายตรงเวลาเพราะช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ และการใช้งานได้ดีจริง ๆ ค่ะ ส่วนใหญ่รถแต่ละคันจะใช้ 5 -10 ปีขึ้น แต่ละคันยังไม่เคยซ่อมเกียร์ หรือ เครื่องยนต์เลยค่ะ รถเกียร์ Auto ก็จะมีระบบคลัตช์ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ (Automatic Transmission) ถ้าเราหมั่นเปลี่ยนน้ำมัน ของเหลวต่าง ๆ มักจะไม่มีปัญหาค่ะ ยอมเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพื่อยืดอายุการใช้งาน หรือ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนักเวลาใกล้เสียค่ะ จากแทนที่จะเสียเยอะ ก็ลดค่าใช้จ่าย Maintenance รถไปได้เยอะเลยค่ะ
*     ยาง รถที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นยาง Runflat Tire จะไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ
*     แบตเตอร์รี่จะเปลี่ยนทุก 2 ปีค่ะ
*     สัญญาณไฟ และไฟเตือนต่างๆ  ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟสูง-ต่ำ / ระบบเบรคต่าง ๆ จะมีแจ้งเตือนที่หน้าจอ console
*     ปัดน้ำฝน น้ำในถังฉีดล้างกระจก พอรู้สึกว่าน้ำน้อยไม่ฟุ้งกระจายก็จะเติมแล้วค่ะ
*     ยางปัดน้ำฝนก็ประมาณ 2 ปีเปลี่ยนค่ะ
*     ที่เหลือรายการอื่น ๆ ก็จะเช็คตามระยะค่ะ เช่น 50,000, 100,000 Km.
*     ส่วนแอร์จะยืดอายุคือ ก่อนถึงที่หมายจะปิดตัวทำความเย็นก่อน สัก 5 -10 นาที เปิดลมเป่า "flow free" แล้วจอดรถ Free เครื่องสัก 5 - 10 นาทีก่อนดับเครื่องยนต์ค่ะ แล้วกรณีที่แอร์ไม่เย็นจะไม่เข้าศูนย์ แต่จะเข้าร้านแอร์รถยนต์โดยตรงค่ะ แล้วไม่ใช่บริการล้างแอร์โดยไม่ถอดตู้เด็ดขาดค่ะ เพราะจะเป็นการเสียน้อย กลายเป็นเสียมาก แทนค่ะ (เหมือนกับการล้างแอร์บ้านค่ะ ก็ให้บริษัทมาล้างแอร์ หรือ ถอดล้างเลย ไม่ใช้วิธีฉีดน้ำยาแบบขวดกระป๋องล้าง เพราะทำให้แอร์ผุ แล้วใช้งานระยะเวลาสั้นลงกว่าเวลาจริงค่ะ)
***   สายพานไทม์มิ่ง (TIMING BELT) ค่อนข้างให้ความสำคัญเพราะถ้าชำรุด หรือ ขาดจะมีผลต่อเครื่องยนต์ก็จะเช็คตามระยะ หรือ ก่อนระยะนิดหน่อย ประมาณ 70,000 - 100,000 Km.(ไม่ให้พลาดเลยเรื่องนี้) เพราะค่าซ่อมแพงถ้ามีปัญหาค่ะ แล้วอันตรายต่อเราคนขับด้วยค่ะ
*      ส่วนพวกหัวฉีด จะโทรเช็คที่ศูนย์ก่อน เพราะที่ศูนย์จะให้เปลี่ยนยางเดียวไม่ซ่อม แต่เราไปร้านข้างนอกบางทียังไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนแค่ล้างหัวฉีดก็ใช้งานต่อไปได้อีกหลายปี (ยกตัวอย่างหัวฉีดยกชุดราคา 28,000.- เราไปล้างหัวฉีด 2,500 - 3,000 ก็ใช้งานได้นาน 2 - 3 ปี) ถ้าไม่หายค่อยเปลี่ยนยกชุดก็ยังดีกว่าค่ะ      
        คร่าว ๆ ก็จะประมาณนี้ค่ะ นอกเหนือจากนี้ถ้า accident ก็เข้าศูนย์ หรือ เรียกรถสไลด์เข้าศูนย์เป็นครั้ง ๆ ไปค่ะ

        ก็จะประมาณนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่