พ่อของหญิง เขามีความเจ็บปวดในใจ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เขารู้สึกเจ็บปวดใจ ที่เถ้าแก่ เคยบอกว่า จะให้เงินเกษียณเขาในยามแก่ พ่อหญิงอยากได้เงินเกษียณ 5 ล้านบาท เพื่อใช้ในบั้นปลายชีวิต
แต่เมื่อถึงเวลาที่พ่อของหญิง แก่ตัวลง ทำงานไม่ได้อีกแล้ว เพราะอายุเยอะ และมีปัญหาสายตา พ่อของหญิง กลับได้รับเงินเพียง ไม่กี่หมื่นบาท และเถ้าแก่ก็หูเบา หลงเชื่อคำยุยงของคนใกล้ตัว จนทะเลาะกับพ่อของหญิง และไม่ได้เห็นพ่อของหญิงเป็นเพื่อนอีกต่อไป
พ่อของหญิง รู้สึกเจ็บปวดใจ ที่ทะเลาะกับเถ้าแก่ เพราะพ่อ เห็นเถ้าแก่เป็นเพื่อน ช่วยเถ้าแก่ ทำงานดูแลเครื่องจักรผลิตพลาสติก ตั้งแต่สมัยสร้างโรงงานกับเถ้าแก่ใหม่ๆ และพ่อก็รู้สึกประทับใจ ซาบซึ้งใจ ที่เถ้าแก่เคยออกเงินเป็นค่าซื้อบ้าน ให้กับพ่อของหญิง ประมาณ 400,000 บาท (เมื่อ 40 ปีก่อน)
จนเถ้าแก่สร้างกิจการโรงงาน ขยายการผลิต มีรายได้หลายร้อยล้าน โดยที่พ่อ ไม่เคยโกงเงิน เถ้าแก่เลยแม้แต่บาทเดียว ขณะที่พ่อทำงานรับออเดอร์จากลูกค้า
พ่อของหญิงต้องทำงานจันทร์ถึงเสาร์ และวันอาทิตย์มักจะพาหญิงกับแม่ มาโรงงานด้วยเสมอ เพราะต้องแวะ มาจ่ายค่าแรง และเลี้ยงน้ำลูกน้อง ก่อนแวะไปซื้อของที่ห้างเสมอ
พ่อของหญิงแทบไม่เคยลาหยุด เลยสักวันเดียว ตลอดที่ทำงานมา 30 กว่าปี พ่อสอนพวกเราเสมอ ว่าถ้าไม่จำเป็น อย่าหยุดทำงาน อย่าหยุดเรียน เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ถ้าเราหยุดทำงาน โดยไม่จำเป็น มันจะทำให้งานเสีย
พ่อของหญิงรู้สึกเจ็บปวดใจ ที่ความซื่อสัตย์ ความขยัน ถูกตอบแทนด้วยเงินแค่ไม่กี่หมื่นบาท ในวัยเกษียณ แถมต้องมาทะเลาะ ผิดใจกับเถ้าแก่ เพราะคำยุแยง ของคนในที่ทำงาน จนพ่อถึงกับพูดว่า พ่อช่วยเขาสร้างสะพานมาด้วยกัน พอเขาข้ามฝั่งไปได้แล้ว เขากลับพังสะพานนั้นทิ้ง เพื่อทิ้งพ่อไว้อีกฝั่ง
นี่คือเหตุผลว่าทำไม คนรุ่นใหม่ ไม่ได้อยากภักดี กับองค์กรอีกต่อไป เพราะองค์กร เห็นคนทำงาน เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำ ราคาถูก แม้ว่าเขาจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด อย่างขยันขันแข็ง แต่กลับถูกตอบแทนด้วยความเจ็บปวดในบั้นปลายชีวิต
ความเจ็บปวดของพ่อ ทำไมคนรุ่นใหม่ ถึงไม่อยากภักดีกับองค์กรอีกต่อไป
แต่เมื่อถึงเวลาที่พ่อของหญิง แก่ตัวลง ทำงานไม่ได้อีกแล้ว เพราะอายุเยอะ และมีปัญหาสายตา พ่อของหญิง กลับได้รับเงินเพียง ไม่กี่หมื่นบาท และเถ้าแก่ก็หูเบา หลงเชื่อคำยุยงของคนใกล้ตัว จนทะเลาะกับพ่อของหญิง และไม่ได้เห็นพ่อของหญิงเป็นเพื่อนอีกต่อไป
พ่อของหญิง รู้สึกเจ็บปวดใจ ที่ทะเลาะกับเถ้าแก่ เพราะพ่อ เห็นเถ้าแก่เป็นเพื่อน ช่วยเถ้าแก่ ทำงานดูแลเครื่องจักรผลิตพลาสติก ตั้งแต่สมัยสร้างโรงงานกับเถ้าแก่ใหม่ๆ และพ่อก็รู้สึกประทับใจ ซาบซึ้งใจ ที่เถ้าแก่เคยออกเงินเป็นค่าซื้อบ้าน ให้กับพ่อของหญิง ประมาณ 400,000 บาท (เมื่อ 40 ปีก่อน)
จนเถ้าแก่สร้างกิจการโรงงาน ขยายการผลิต มีรายได้หลายร้อยล้าน โดยที่พ่อ ไม่เคยโกงเงิน เถ้าแก่เลยแม้แต่บาทเดียว ขณะที่พ่อทำงานรับออเดอร์จากลูกค้า
พ่อของหญิงต้องทำงานจันทร์ถึงเสาร์ และวันอาทิตย์มักจะพาหญิงกับแม่ มาโรงงานด้วยเสมอ เพราะต้องแวะ มาจ่ายค่าแรง และเลี้ยงน้ำลูกน้อง ก่อนแวะไปซื้อของที่ห้างเสมอ
พ่อของหญิงแทบไม่เคยลาหยุด เลยสักวันเดียว ตลอดที่ทำงานมา 30 กว่าปี พ่อสอนพวกเราเสมอ ว่าถ้าไม่จำเป็น อย่าหยุดทำงาน อย่าหยุดเรียน เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ถ้าเราหยุดทำงาน โดยไม่จำเป็น มันจะทำให้งานเสีย
พ่อของหญิงรู้สึกเจ็บปวดใจ ที่ความซื่อสัตย์ ความขยัน ถูกตอบแทนด้วยเงินแค่ไม่กี่หมื่นบาท ในวัยเกษียณ แถมต้องมาทะเลาะ ผิดใจกับเถ้าแก่ เพราะคำยุแยง ของคนในที่ทำงาน จนพ่อถึงกับพูดว่า พ่อช่วยเขาสร้างสะพานมาด้วยกัน พอเขาข้ามฝั่งไปได้แล้ว เขากลับพังสะพานนั้นทิ้ง เพื่อทิ้งพ่อไว้อีกฝั่ง
นี่คือเหตุผลว่าทำไม คนรุ่นใหม่ ไม่ได้อยากภักดี กับองค์กรอีกต่อไป เพราะองค์กร เห็นคนทำงาน เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำ ราคาถูก แม้ว่าเขาจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด อย่างขยันขันแข็ง แต่กลับถูกตอบแทนด้วยความเจ็บปวดในบั้นปลายชีวิต