วันที่ 15 ก.ค. 68 นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ได้รับเรื่องร้องเรียน กับนายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิตะ และผู้เสียหายเป็นผู้หญิง 2 ราย โดยมีการยื่นหนังสือร้องเรียน ให้ตรวจสอบคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในจ.อุดรธานี
📌 09.30 น. ทนายโนบิตะ ได้พาหญิงผู้เสียหายจำนวน 6 ราย เข้าพบ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อติดต่อขอเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยผู้เสียหายทั้งหมดได้เข้าชี้แจงข้อมูลในเบื้องต้น
📌 10.30 น. เข้าตรวจสอบคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการร้องเรียน ตั้งอยู่ชั้น 3 ศูนย์การค้าชื่อดัง ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยมีหญิงรายหนึ่งอ้างตัวเป็นผู้จัดการสาขา นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ทนายโนบิตะ ให้ข้อมูลว่า..
📍ผู้เสียหายหลายรายอ้างว่า เมื่อใช้บริการแล้วพบว่าผู้ให้บริการและผู้ที่ทำหัตถการไม่ใช่แพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตประจำคลินิก
📍มีพฤติการสลับสับเปลี่ยนบุคคล ที่อ้างตัวว่าเป็นแพทย์เข้ามาทำหน้าให้ลูกค้าไม่ซ้ำคน ไม่รู้ว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่
📍บางเคสก็เป็นพนักงานเป็นคนทำเอง
📍ลูกค้าบางคนแพ้ถึงขั้นเป็นผื่นแดง แต่คลิกนิกกลับไม่สนใจรับผิดชอบ
📍ราคาคอร์สที่ตัดเงินลูกค้า ก็สูงกว่าคลินิกอื่น
📍ผลิตภัณฑ์บางตัวที่อ้างว่ามี ก่อนที่จะทำการซื้อคอร์ส เมื่อไปใช้บริการจริง กลับพบไม่มีเครื่องชนิดนั้น
📍ลูกค้าขอตรวจสอบตัวยาและผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้
📍คนที่ผสมยากับเป็นพนักงานไม่ใช่แพทย์
📍มีการกล่าวอ้างว่าค่า บริการแพงเนื่องจากเครื่องมือนำเข้ามาจากเยอรมัน เป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า
📍มีการใช้บัญชีม้าในการรับเงินกว่า 4 บริษัท
📍มีเงินหมุนเวียนในบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขยายผล ทั้งที่บริษัทฯ เพิ่งเปิดได้ไม่ถึง 1 ปี
เส้นทางการเงินพบว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงหลายคลินิกฯ ที่เปิดให้บริการในกรุงเทพฯ หลายแห่ง และมีพฤติกรรมในการจัดกิจกรรมเอาดารานักร้องมาอ้างแล้วชักชวนขายคอร์สเช่นเดียวกันกับ จ.อุดรธานี
เบื้องต้นทาง สสจ.อุดรธานี พบว่า..
📍คลินิกดังกล่าว มีการแสดงใบอนุญาตคนละชื่อกับคลินิก
📍ส่วนเรื่องการแสดงใบอนุญาตแพทย์ผู้ควบคุมดูแล แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน และผลิตภัณฑ์ยา ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
📍หากมีการกระทำความผิดจริง ต้องถูกดำเนินการตาม พรบ.สาธารณสุข และขยายผลในความผิดอื่นต่อไป
----------
👩🏻 น.ส.เอมมี่ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า..
วันที่ 23 พ.ย. 67 ได้เดินไปซื้อของในศูนย์การค้า ขณะเดินผ่านงานอีเว้นต์ของคลินิกดังกล่าว ได้มีพนักงานขายของคลินิกเวชกรรมเข้ามาทักทาย พูดจาหว่านล้อมว่าทางคลินิกฯ กำลังจัดโปรโมชั่นเสริมความงามอยู่ จึงได้สอบถามเกี่ยวกับคอร์สเสริมความงาม ฉีดหน้า ทำหน้าเรียวไหม
📌เขาบอกว่ามีคอร์สราคา 1 หมื่นบาท ทำได้ 5 ครั้ง ถ้าสนใจโอนเงินวันนี้จะทำให้ฟรีในครั้งแรก
📌ตนก็หลงเชื่อ ขึ้นไปคลินิกไปนวดหน้าฟรี
📌ระหว่างใช้บริการอยู่ พนักงานก็มาเสนอโปรโมชั่นเพิ่มเติม จะเลือกทำโปรแกรมใดก็ได้ เหมือนเป็นเจ้าของร้าน ในวงเงิน 9 แสนบาท
📌ตนหลงเชื่อจึงตอบตกลง
แต่เมื่อกลับไปใช้บริการในวันนัด ตนต้องการจะฉีดหน้ายกกระชับใบหน้า พนักงานบอกว่า..
📌ต้องเปิดโปรโมชั่นเพิ่มอีก 3 แสน เป็นแบบหัตถการ
📌ตนก็จ่ายไปอีก
📌เมื่อกลับไปใช้บริการอีกครั้ง เขาก็บอกว่ามีเซอร์ไพร์ ผู้จัดการมาจาก กทม. สั่งเครื่องยกกระชับหน้าท้องมาจากเยอรมัน คอร์สเต็มราคา 8 แสน แต่จะลดให้เหลือ 4 แสน
เมื่อรวมกับ 2 คอร์ส ที่ผ่านมา จะเพิ่มวงเงินการใช้บริการจาก 9 แสน เป็น 1 ล้านบาท รวมทั้งการเสนอขายยาฉีดหน้าอีกหลายครั้ง ครั้งละ 1 แสน
ตอนนั้นตนเริ่มไม่อยากจะทำต่อแล้ว เพราะเห็นว่าจ่ายเงินไปเยอะแล้ว จนครั้งสุดท้าย ตนเข้ามาใช้บริการอีกครั้ง พนักงานได้เอาน้ำมะตูมมาให้ดื่ม
📌ระหว่างที่ตนนวดตัวอยู่ ก็มีอาการสะลึมสะลือ📌เขาก็มาเสนอขายคอร์สฉีดสารลดความอ้วน ฉีดเข้าเส้นเลือด ส่วนเกินต่างๆจะออกมาทางปัสสาวะ จากราคา 8 แสน เหลือ 4 แสน
📌ตนก็ปฏิเสธเพราะกลัวการฉีด
📌แต่ก็มีพนักงานมาขอบัตรเครดิตตนไป อ้างว่าจะเอาไปเช็คโปรโมชั่น
📌เมื่อนวดตัวเสร็จเขาก็เอาบัตรมาคืน และให้เราเซ็น
ตนก็แปลกใจ พนักงานเขาก็บอกว่าพี่ตอบตกลงซื้อแล้ว ตรงนี้ตนไม่โอเค เพราะตนไม่ได้ตั้งใจซื้อ ที่เซ็นต์ไปก็เพราะอยากกลับบ้าน
เมื่อทบทวนแล้วก็มองว่าราคาแพงมาก นวดหน้า ทรีทเมนท์ที่อื่นราคาหลักร้อย แต่ที่นี่คำนวณแล้วเกือบ 5 พันบาท
เบ็ดเสร็จแล้วตนเสียเงินกับคลินิกนี้ไป 1.4 ล้านบาท
สอบถามผู้เสียหายรายอื่นๆ ก็มีพฤติกรรมคล้ายกัน คลินิกของเขาอยู่บนห้างดูน่าเชื่อถือ เขาบอกว่าเครื่องไม้เครื่องมือนำเข้ามาจากต่างประเทศมีคุณภาพ แต่ตนมองดูแล้วลักษณะเครื่องมือไม่น่าจะแพงขนาดนั้น ตนมองว่าเป็นเครื่องธรรมดา แต่เขาก็บอกว่าเป็นเครื่องอันดับ 1 ของประเทศ เรื่องหมอก็เห็นแค่มีหมอจริงมาแค่วันเสาร์หรืออาทิตย์
วันอื่นก็เห็นเป็นเด็ก ซึ่งเขาก็มาฉีดหน้าให้เราด้วย ตนเอะใจว่าอาจจะถูกหลอกลวง เลยไปเช็คการโอนเงินต่างๆ มีการโอนเข้าบัญชีหลายบัญชี เช็คดูชื่อคลินิกในเน็ต ก็มีคนบอกว่าเป็นการหลอกลวง ตนจึงไปปรึกษาทนายโนบิตะ ตนได้อยากได้เงินคืน และอยากให้เขาหยุดพฤติกรรมนี้ ตอนนี้ตนยังไม่ได้ติดต่อคลินิกไปเลย แต่เห็นผู้เสียหายรายอื่นไปขอเงินคืน เขาก็ไม่ให้ เขาบอกว่าให้ไปฟ้องเอา
ที่มา : ข่าวสด (จขกท.ย่อมาให้อีกทีนึงค่ะ)
คลินิกความงามหลอกขายคอร์ส 1.4ล้านบาท มีบัญชีม้ารับเงิน
วันที่ 15 ก.ค. 68 นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ได้รับเรื่องร้องเรียน กับนายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิตะ และผู้เสียหายเป็นผู้หญิง 2 ราย โดยมีการยื่นหนังสือร้องเรียน ให้ตรวจสอบคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในจ.อุดรธานี
📌 09.30 น. ทนายโนบิตะ ได้พาหญิงผู้เสียหายจำนวน 6 ราย เข้าพบ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อติดต่อขอเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยผู้เสียหายทั้งหมดได้เข้าชี้แจงข้อมูลในเบื้องต้น
📌 10.30 น. เข้าตรวจสอบคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการร้องเรียน ตั้งอยู่ชั้น 3 ศูนย์การค้าชื่อดัง ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยมีหญิงรายหนึ่งอ้างตัวเป็นผู้จัดการสาขา นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ทนายโนบิตะ ให้ข้อมูลว่า..
📍ผู้เสียหายหลายรายอ้างว่า เมื่อใช้บริการแล้วพบว่าผู้ให้บริการและผู้ที่ทำหัตถการไม่ใช่แพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตประจำคลินิก
📍มีพฤติการสลับสับเปลี่ยนบุคคล ที่อ้างตัวว่าเป็นแพทย์เข้ามาทำหน้าให้ลูกค้าไม่ซ้ำคน ไม่รู้ว่าเป็นแพทย์จริงหรือไม่
📍บางเคสก็เป็นพนักงานเป็นคนทำเอง
📍ลูกค้าบางคนแพ้ถึงขั้นเป็นผื่นแดง แต่คลิกนิกกลับไม่สนใจรับผิดชอบ
📍ราคาคอร์สที่ตัดเงินลูกค้า ก็สูงกว่าคลินิกอื่น
📍ผลิตภัณฑ์บางตัวที่อ้างว่ามี ก่อนที่จะทำการซื้อคอร์ส เมื่อไปใช้บริการจริง กลับพบไม่มีเครื่องชนิดนั้น
📍ลูกค้าขอตรวจสอบตัวยาและผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้
📍คนที่ผสมยากับเป็นพนักงานไม่ใช่แพทย์
📍มีการกล่าวอ้างว่าค่า บริการแพงเนื่องจากเครื่องมือนำเข้ามาจากเยอรมัน เป็นเครื่องที่ได้มาตรฐาน
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า
📍มีการใช้บัญชีม้าในการรับเงินกว่า 4 บริษัท
📍มีเงินหมุนเวียนในบัญชีม้าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขยายผล ทั้งที่บริษัทฯ เพิ่งเปิดได้ไม่ถึง 1 ปี
เส้นทางการเงินพบว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงหลายคลินิกฯ ที่เปิดให้บริการในกรุงเทพฯ หลายแห่ง และมีพฤติกรรมในการจัดกิจกรรมเอาดารานักร้องมาอ้างแล้วชักชวนขายคอร์สเช่นเดียวกันกับ จ.อุดรธานี
เบื้องต้นทาง สสจ.อุดรธานี พบว่า..
📍คลินิกดังกล่าว มีการแสดงใบอนุญาตคนละชื่อกับคลินิก
📍ส่วนเรื่องการแสดงใบอนุญาตแพทย์ผู้ควบคุมดูแล แพทย์ผู้ปฏิบัติงาน และผลิตภัณฑ์ยา ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
📍หากมีการกระทำความผิดจริง ต้องถูกดำเนินการตาม พรบ.สาธารณสุข และขยายผลในความผิดอื่นต่อไป
----------
👩🏻 น.ส.เอมมี่ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า..
วันที่ 23 พ.ย. 67 ได้เดินไปซื้อของในศูนย์การค้า ขณะเดินผ่านงานอีเว้นต์ของคลินิกดังกล่าว ได้มีพนักงานขายของคลินิกเวชกรรมเข้ามาทักทาย พูดจาหว่านล้อมว่าทางคลินิกฯ กำลังจัดโปรโมชั่นเสริมความงามอยู่ จึงได้สอบถามเกี่ยวกับคอร์สเสริมความงาม ฉีดหน้า ทำหน้าเรียวไหม
📌เขาบอกว่ามีคอร์สราคา 1 หมื่นบาท ทำได้ 5 ครั้ง ถ้าสนใจโอนเงินวันนี้จะทำให้ฟรีในครั้งแรก
📌ตนก็หลงเชื่อ ขึ้นไปคลินิกไปนวดหน้าฟรี
📌ระหว่างใช้บริการอยู่ พนักงานก็มาเสนอโปรโมชั่นเพิ่มเติม จะเลือกทำโปรแกรมใดก็ได้ เหมือนเป็นเจ้าของร้าน ในวงเงิน 9 แสนบาท
📌ตนหลงเชื่อจึงตอบตกลง
แต่เมื่อกลับไปใช้บริการในวันนัด ตนต้องการจะฉีดหน้ายกกระชับใบหน้า พนักงานบอกว่า..
📌ต้องเปิดโปรโมชั่นเพิ่มอีก 3 แสน เป็นแบบหัตถการ
📌ตนก็จ่ายไปอีก
📌เมื่อกลับไปใช้บริการอีกครั้ง เขาก็บอกว่ามีเซอร์ไพร์ ผู้จัดการมาจาก กทม. สั่งเครื่องยกกระชับหน้าท้องมาจากเยอรมัน คอร์สเต็มราคา 8 แสน แต่จะลดให้เหลือ 4 แสน
เมื่อรวมกับ 2 คอร์ส ที่ผ่านมา จะเพิ่มวงเงินการใช้บริการจาก 9 แสน เป็น 1 ล้านบาท รวมทั้งการเสนอขายยาฉีดหน้าอีกหลายครั้ง ครั้งละ 1 แสน
ตอนนั้นตนเริ่มไม่อยากจะทำต่อแล้ว เพราะเห็นว่าจ่ายเงินไปเยอะแล้ว จนครั้งสุดท้าย ตนเข้ามาใช้บริการอีกครั้ง พนักงานได้เอาน้ำมะตูมมาให้ดื่ม
📌ระหว่างที่ตนนวดตัวอยู่ ก็มีอาการสะลึมสะลือ📌เขาก็มาเสนอขายคอร์สฉีดสารลดความอ้วน ฉีดเข้าเส้นเลือด ส่วนเกินต่างๆจะออกมาทางปัสสาวะ จากราคา 8 แสน เหลือ 4 แสน
📌ตนก็ปฏิเสธเพราะกลัวการฉีด
📌แต่ก็มีพนักงานมาขอบัตรเครดิตตนไป อ้างว่าจะเอาไปเช็คโปรโมชั่น
📌เมื่อนวดตัวเสร็จเขาก็เอาบัตรมาคืน และให้เราเซ็น
ตนก็แปลกใจ พนักงานเขาก็บอกว่าพี่ตอบตกลงซื้อแล้ว ตรงนี้ตนไม่โอเค เพราะตนไม่ได้ตั้งใจซื้อ ที่เซ็นต์ไปก็เพราะอยากกลับบ้าน
เมื่อทบทวนแล้วก็มองว่าราคาแพงมาก นวดหน้า ทรีทเมนท์ที่อื่นราคาหลักร้อย แต่ที่นี่คำนวณแล้วเกือบ 5 พันบาท เบ็ดเสร็จแล้วตนเสียเงินกับคลินิกนี้ไป 1.4 ล้านบาท
สอบถามผู้เสียหายรายอื่นๆ ก็มีพฤติกรรมคล้ายกัน คลินิกของเขาอยู่บนห้างดูน่าเชื่อถือ เขาบอกว่าเครื่องไม้เครื่องมือนำเข้ามาจากต่างประเทศมีคุณภาพ แต่ตนมองดูแล้วลักษณะเครื่องมือไม่น่าจะแพงขนาดนั้น ตนมองว่าเป็นเครื่องธรรมดา แต่เขาก็บอกว่าเป็นเครื่องอันดับ 1 ของประเทศ เรื่องหมอก็เห็นแค่มีหมอจริงมาแค่วันเสาร์หรืออาทิตย์
วันอื่นก็เห็นเป็นเด็ก ซึ่งเขาก็มาฉีดหน้าให้เราด้วย ตนเอะใจว่าอาจจะถูกหลอกลวง เลยไปเช็คการโอนเงินต่างๆ มีการโอนเข้าบัญชีหลายบัญชี เช็คดูชื่อคลินิกในเน็ต ก็มีคนบอกว่าเป็นการหลอกลวง ตนจึงไปปรึกษาทนายโนบิตะ ตนได้อยากได้เงินคืน และอยากให้เขาหยุดพฤติกรรมนี้ ตอนนี้ตนยังไม่ได้ติดต่อคลินิกไปเลย แต่เห็นผู้เสียหายรายอื่นไปขอเงินคืน เขาก็ไม่ให้ เขาบอกว่าให้ไปฟ้องเอา
ที่มา : ข่าวสด (จขกท.ย่อมาให้อีกทีนึงค่ะ)