เปิดเบื้องลึก เหตุแตกตื่นที่ปราสาทตาเมือนธม แม่ทัพภาคที่ 2 ขออย่าตกใจ ทหาร 2 ฝั่งคุยกันแล้ว สถานการณ์ยังปกติ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9849242
.
.
เปิดเบื้องลึก เหตุแตกตื่นที่ปราสาทตาเมือนธม แม่ทัพภาคที่ 2 ขออย่าตกใจ สถานการณ์ยังปกติ ทหารฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พูดคุยกันเรียบร้อย
.
จากกรณี กัน จอมพลัง ด้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กระบุว่า “ด่วน คนที่กำลังขึ้นปราสาทตาเมือนธมตอนนี้อย่าพึ่งขึ้น คนที่อยู่ด้านในลงมาด่วน” นอกจากนี้ ยังคอมเมนต์เพิ่มเติมด้วยว่า “ช่วยกันประชาสัมพันก่อนด่วน”
.
ต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์บนปราสาทตาเมือนธม บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากคลิปจะเห็นว่า ประชาชนที่เดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวบนปราสาทเกิดความแตกตื่นและเหมือนมีลักษณะวิ่งหนีอะไรบางอย่าง
.
โดยเจ้าของเฟซบุ๊กระบุข้อความไว้ว่า “ฉันอยู่ในจุดที่ทุกคนต้องวิ่ง ป่วนสุด 15/07/68 13:25 น. เขมรป่วน ปราสาทตาเมือนธม ทหารต้องควบคุมสถานการณ์ และเคลียร์นักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ด่วนค่ะ”
.
ต่อมามีรายงานว่า สำหรับเหตุการณ์นี้ มาจากมีนักท่องเที่ยวหญิงของกัมพูชา 1 คน นั่งมองกำลังพลทหารของฝ่ายไทย บริเวณต้นขี้เหล็กทางทิศใต้ประสาทตาเมือนธม บริเวณบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม จากนั้นตำหนิฝ่ายไทยว่ามายืนในดินแดนของประเทศกัมพูชา และไล่ทหารไทยให้ขึ้นไปข้างบนตัวปราสาทตาเมือนธม
.
จากนั้นชี้หน้าทหารไทยและใช้คำพูดที่หยาบคาย ทหารไทยจึงใช้คำพูดอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ฟัง และนำกำลังทหารที่เป็นชุดประสานงาน 60 นาย มารวมตัวที่บริเวณทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม บริเวณบันได
.
จากนั้นเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกันของเจ้าหน้าที่ชุดประสานงานทั้ง 2 ฝ่าย และฝ่ายไทยได้ยินเสียงเป็นภาษากัมพูชาว่า ให้หลบไปจะทำการตั้งปืน เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานฝ่ายไทย จึงรีบให้นักท่องเที่ยวออกจากปราสาท และนำออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัย
.
จากนั้นอีก 10 นาที ได้มีการพูดคุยกันของทั้ง 2 ประเทศ โดยฝ่ายกัมพูชา พ.ต.กง รุน รอง.ผบ.พัน.ร.422 และ ฝ่ายไทย มี พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผบ.พัน.ร.21 และ ร.อ.ภัทรกร กลั่นการดี ผบ.ร้อย.ร.211 พูดคุย และตกลงกันให้กลับสู่สภาวะปกติ และให้ลดการกระทบกระทั่งของ นักท่องเที่ยวของทั้ง2 ประเทศ
.
ด้านพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ตนได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว ขอยืนยันว่าสถานการณ์ยังปกติ ไม่มีเหตุการณ์ที่น่ากังวล ใดๆเกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชน อย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางเจ้าที่ทหารฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พูดคุยกันเรียบร้อยเป็นที่เข้าใจ
.
.
"ปกรณ์วุฒิ" กำชับ "ฝ่ายค้าน" พร้อมลงมติในสภาฯ ตลอด ลั่น ขอดูเวลาเหมาะสมยื่นซักฟอก 151 แน่
https://siamrath.co.th/n/636291
.
วันที่ 15 ก.ค.2568 เวลา 09.25 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการกำชับพรรคร่วมฝ่ายค้านในการเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า เรามีการกำชับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่จะมีการกำชับอีกครั้งเนื่องจากในการประชุมสภาฯ วันที่ 16 ก.ค.นี้จะมีวาระสำคัญเข้าเช่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม รวมถึงการยืนยันร่างพ.ร.บ.ประชามติตามเนื้อหาของสภาฯ โดยจะมีการกำชับสส.พรรคฝ่ายค้านทุกคนว่าให้มีความพร้อมในการลงมติ นอกจากนี้ ยังมีร่างพ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว
.
เมื่อถามถึง ความคืบหน้าในการทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันมาเกือบ 1 เดือนแล้ว นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีควาทคืบหน้าเรื่อยๆ และครั้งแรกที่เราได้คุยกันก็มีการตั้งคณะทำงานด้วยกันในหลายเรื่อง ตอนแรกที่มีการพูดคุยกันว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แต่ขณะนี้มีการเบรกไว้ก่อน เนื่องจากเราเห็นตรงกันว่าจะรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้มีข้อมูลที่รอบด้าน ครบถ้วน เราคงไม่ยึดฃเอาจังหวะทางการเมืองอย่างเดียวเพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เราต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วเราจะไม่มีการออมมือหรือถ่วงเวลาแน่นอน และเมื่อถึงเวลาแล้วเราเห็นตรงกันก็จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
.
เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่าจะมีการรัฐสภาก่อนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ประเมิน แต่การยุบสภาก็เป็นข้อเรียกร้องที่พรรค ปชน.เรียกร้องอยู่แล้ว ดังนั้น หากเกิดการยุบสภาขึ้นจริงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะยื่นอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151
.
เมื่อถามถึง การประชุม สส.พรรค ปชน.จะมีการกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้คงเป็นการเข้าร่วมประชุมสภาฯ เนื่องด้วยเสียงของรัฐบาลที่ปริ่มน้ำ โดยจากสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว เราจะเห็นได้ว่าประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านต้องการผลักดันก็มีโอกาสที่จะชนะการลงมติทุกมติ ซึ่งจะมีการกำชับทุกคนว่าให้มีความพร้อมในสภาฯ ตลอดเวลา
.
.
พิสิษฐ์ ไล่ นันทนา ไปหาหมอป่วย ย้ำคิดย้ำทำ เจอสวนกลับ ปชช.ลงโทษไปแล้วไม่สำนึก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5275446
.
เดือดประชุมวุฒิสภา! พิสิษฐ์ ไล่ “นันทนา” ไปหาหมอป่วย-ย้ำคิดย้ำทำ เหตุพูดแต่เรื่องชะลอเลือกองค์กรอิสระ ด้าน “นันทนา” ปรี๊ดแตก ตะโกนลั่น ประชาชนลงโทษไปแล้วไม่สำนึก สุดท้ายเลือกสำเร็จ “อิทธิพร แก้วทิพย์” ได้เป็น อสส.ด้วยคะแนนท่วมท้น
.
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.เวลา 10.55 น.ในการประชุมวุฒิสภา มีนาย
มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.) ตามที่คณะกรรมการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คือ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ ซึ่งมีนาย
ธวัช สุระบาล สว.เป็นประธาน ที่กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้ว
ทั้งนี้หลังจากนายธวัช ได้รายงานในส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ และกำลังจะเข้าสู่การประชุมลับ น.ส.
นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมวุฒิสภาก็มีการลงมติให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ คือ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตนก็อภิปรายเช่นเดียวกับวันนี้ วันนั้นมี สว.ท่านหนึ่งกล่าวหาตนว่าพูดเรื่องเดิม ซ้ำซาก พร้อมกับไล่ตนออกจากห้องประชุม ผลแห่งการกระทำของ สว.ท่านนั้น มีประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ ต่างพาแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลมากมาย และทัวร์ทั้งหลายก็ไปลงที่ สว.ท่านนั้น และยังพาดพิงไปถึงพลพรรคสีเดียวกับท่าน ดังนั้น ตนจึงอยากเตือนสติ สว.ที่เคนกระทำการดังกล่าว และ สว.อื่นที่คิดจะทำเช่นนั้นว่าการอภิปรายในสภาเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.และ สว. ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับการประชุมก็สามารถอภิปรายได้ในเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
.
น.ส.
นันทนา กล่าวว่า การที่ตนอภิปรายเรื่องการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จึงเป็นการทำหน้าที่ของ สว.ที่ดี ที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพราะฉะนั้น กรุณาตั้งใจฟังตนดีๆ อย่าลุกขึ้นมาประท้วง เพราะนั่นเท่ากับท่านขัดขวางการทำหน้าที่ของ สว.ที่กำลังรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่ และตนจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นอภิปรายในเรื่องการให้ สว. ชะลอการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ ตราบใดที่ท่านยืนยันลงมติ ตนจะลุกขึ้นอภิปรายเช่นนี้ทุกครั้ง จะส่งเสียงสื่อสาร ไปฟ้องประชาชน จนกว่าคดีฮั้ว สว.ที่ท่านถูกกล่าวหาจะสิ้นสุด
.
“
เมื่อพวกท่านไม่หยุดลงมติ ดิฉันก็ไม่หยุดอภิปราย ดิฉันมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนให้คุ้มค่ากับเงินเดือน เพราะสิ่งที่ท่านทำไม่ใช่เรื่องปกติ และสังคมก็ไม่ได้มองว่าปกติ ท่านมีสิทธิ์คิดได้ว่าการลงมติผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเป็นการทำหน้าที่ สว.อยู่ ท่านคิดได้ แต่อยากจะบอกว่าท่านคิดผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะการที่ท่านลงมติในขณะที่ท่านเป็นผู้ถูกกล่าวหา เท่ากับท่านกำลังก่อปัญหาให้กับบ้านเมืองอย่างมากมาย”
.
น.ส.
นันทนา กล่าวต่อว่า ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการที่ สว.เกือบครึ่งสภาถูกแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องที่มาที่ไม่ชอบ แล้วไปเลือกองค์กรอิสระ ผู้มาชี้เป็นชี้ตายให้กับประเทศและคดีของท่าน ย่อมเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน ปัญหาที่สองคือผลที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ท่านเห็นชอบ หากสุดท้ายแล้วพบว่า สว. ที่ลงมติไปขาดคุณสมบัติ แล้วผู้ที่ท่านไม่เห็นชอบก็ไม่อาจกลับไปดำรงตำแหน่งได้อีก จะเยียวยาเขาอย่างไร ส่วนผู้ที่ท่านเห็นชอบไปแล้วจะถือเป็นมรดกบาปที่ท่านได้ทิ้งไว้หรือไม่ ปัญหาที่สามคือกระบวนยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ดังนั้น ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้ สว.ทุกคนชะลอการลงมติเลือกองค์กรอิสระ และชะลอการตั้ง กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหลายออกไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
“
เมื่อท่านบริสุทธิ์ ถึงตอนนั้นค่อยมาลงมติแล้วประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญท่าน หากท่านยังดึงดันเลือด อสส.ในวันนี้ โปรดรู้ว่าท่านกำลังย่ำยีจิตใจของประชาชน ที่ไม่ต้องการเห็นกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ท่านจะเป็นที่ยอมรับของประชาชน หากใช้จิตสำนึกและจริยธรรมให้มาก” น.ส.
นันทนา กล่าว
.
จากนั้น นาย
มงคลได้วินิจฉัยว่าเรื่องนี้ เราได้มีการพิจารณาไปแล้ว แต่กลับถูก นาย
พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ลุกขึ้นพูดแทรกขอใช้สิทธิ์พาดพิง ทำให้นาย
มงคลต้องอนุญาตให้พูดแต่ขอให้พูดให้สุภาพด้วย
.
นาย
พิสิษฐ์ กล่าวว่า การที่ น.ส.นันทนากล่าวหาตนว่าไม่ควรประท้วงเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดซ้ำ แต่ตนฟังมา 3 รอบแล้ว และตนรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของ สว.บางท่าน อยากให้ไปพบแพทย์ คิดว่าท่านน่าจะป่วยเป็นโรค OCD ย้ำคิดย้ำทำ
.
จนนาย
มงคล ต้องเบรกไม่ให้พูด พร้อมกล่าวว่าประเด็นนี้ที่ประชุมได้มีการอภิปรายและมีมติแล้วในสมัยประชุมวิสามัญครั้งที่แล้ว ดังนั้น ขอให้หยุดพาดพิงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น เราจะเดินหน้าต่อลำบาก เราจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด
.
นาย
พิสิษฐ์ จึงลุกขึ้นขอว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ น.ส.
นันทนาจะพูดเรื่องนี้ ถ้าท่านประธานสัญญากับตน ตนจะไม่ขึ้นพูดอีกแล้ว นาย
มงคลจึงขอให้ยุติการอภิปรายในเรื่องนี้ แต่ น.ส.
นันทนา พยายามขออภิปราย นาย
มงคลจึงได้ปิดไมค์ แต่ น.ส.
นันทนา ตะโกนว่า การที่นาย
พิสิษฐ์อภิปรายเป็นการด้อยค่า สว.ในสภา ตนต้องฟ้องประชาชน ถ้าประธานปล่อยให้คนเหล่านี้พูด ขอให้เขาถอนคำพูดด้วย
.
“
ตอนถอน ครั้งที่แล้วก็ด้อยค่าดิฉัน ประชาชนลงโทษไปแล้วไม่สำนึก วันนี้ดิฉันต้องให้ถอนค่ะ” น.ส.นันทนา กล่าว
.
นาย
มงคลจึงขอให้นาย
พิสิษฐ์ถอนคำพูด ซึ่งนาย
พิสิษฐ์ก็ยินดีถอน แต่ขอให้ น.ส.
นันทนาหยุดอภิปรายเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้นาย
มงคลพยายามเบรกให้ทั้งสองคนหยุดพูด อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม สว. ได้ลุกขึ้นมาทั้ง นพ.
เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนาย
ปริญญา วงศ์เชิดขวัญ ขอให้ดำเนินการประชุมต่อ เพื่อให้มีผลต่อการดำเนินการ
.
ต่อมาเป็นการประชุมลับ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะลงมติเห็นด้วย 172 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 14 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จึงถือว่านาย
อิทธิพรได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้เป็น อสส.
JJNY : เหตุแตกตื่นที่ตาเมือนธม│"ปกรณ์วุฒิ"กำชับ พร้อมลงมติ│พิสิษฐ์ไล่นันทนา เจอสวนกลับ│"ฮุน เซน"ร่อนจม.ถึงฝรั่งเศส
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9849242
.
.
"ปกรณ์วุฒิ" กำชับ "ฝ่ายค้าน" พร้อมลงมติในสภาฯ ตลอด ลั่น ขอดูเวลาเหมาะสมยื่นซักฟอก 151 แน่
https://siamrath.co.th/n/636291
.
.
เมื่อถามถึง ความคืบหน้าในการทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันมาเกือบ 1 เดือนแล้ว นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีควาทคืบหน้าเรื่อยๆ และครั้งแรกที่เราได้คุยกันก็มีการตั้งคณะทำงานด้วยกันในหลายเรื่อง ตอนแรกที่มีการพูดคุยกันว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แต่ขณะนี้มีการเบรกไว้ก่อน เนื่องจากเราเห็นตรงกันว่าจะรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้มีข้อมูลที่รอบด้าน ครบถ้วน เราคงไม่ยึดฃเอาจังหวะทางการเมืองอย่างเดียวเพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เราต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระด้วย เมื่อถึงเวลาแล้วเราจะไม่มีการออมมือหรือถ่วงเวลาแน่นอน และเมื่อถึงเวลาแล้วเราเห็นตรงกันก็จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
.
เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่าจะมีการรัฐสภาก่อนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ประเมิน แต่การยุบสภาก็เป็นข้อเรียกร้องที่พรรค ปชน.เรียกร้องอยู่แล้ว ดังนั้น หากเกิดการยุบสภาขึ้นจริงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะยื่นอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151
.
เมื่อถามถึง การประชุม สส.พรรค ปชน.จะมีการกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้คงเป็นการเข้าร่วมประชุมสภาฯ เนื่องด้วยเสียงของรัฐบาลที่ปริ่มน้ำ โดยจากสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว เราจะเห็นได้ว่าประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านต้องการผลักดันก็มีโอกาสที่จะชนะการลงมติทุกมติ ซึ่งจะมีการกำชับทุกคนว่าให้มีความพร้อมในสภาฯ ตลอดเวลา
.
พิสิษฐ์ ไล่ นันทนา ไปหาหมอป่วย ย้ำคิดย้ำทำ เจอสวนกลับ ปชช.ลงโทษไปแล้วไม่สำนึก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5275446
.
เดือดประชุมวุฒิสภา! พิสิษฐ์ ไล่ “นันทนา” ไปหาหมอป่วย-ย้ำคิดย้ำทำ เหตุพูดแต่เรื่องชะลอเลือกองค์กรอิสระ ด้าน “นันทนา” ปรี๊ดแตก ตะโกนลั่น ประชาชนลงโทษไปแล้วไม่สำนึก สุดท้ายเลือกสำเร็จ “อิทธิพร แก้วทิพย์” ได้เป็น อสส.ด้วยคะแนนท่วมท้น
.
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.เวลา 10.55 น.ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.) ตามที่คณะกรรมการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด คือ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ ซึ่งมีนายธวัช สุระบาล สว.เป็นประธาน ที่กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้ว
ทั้งนี้หลังจากนายธวัช ได้รายงานในส่วนที่สามารถเปิดเผยได้ และกำลังจะเข้าสู่การประชุมลับ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมวุฒิสภาก็มีการลงมติให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ คือ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตนก็อภิปรายเช่นเดียวกับวันนี้ วันนั้นมี สว.ท่านหนึ่งกล่าวหาตนว่าพูดเรื่องเดิม ซ้ำซาก พร้อมกับไล่ตนออกจากห้องประชุม ผลแห่งการกระทำของ สว.ท่านนั้น มีประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ ต่างพาแสดงความคิดเห็นในโลกโซเชียลมากมาย และทัวร์ทั้งหลายก็ไปลงที่ สว.ท่านนั้น และยังพาดพิงไปถึงพลพรรคสีเดียวกับท่าน ดังนั้น ตนจึงอยากเตือนสติ สว.ที่เคนกระทำการดังกล่าว และ สว.อื่นที่คิดจะทำเช่นนั้นว่าการอภิปรายในสภาเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.และ สว. ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับการประชุมก็สามารถอภิปรายได้ในเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
.
น.ส.นันทนา กล่าวว่า การที่ตนอภิปรายเรื่องการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จึงเป็นการทำหน้าที่ของ สว.ที่ดี ที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพราะฉะนั้น กรุณาตั้งใจฟังตนดีๆ อย่าลุกขึ้นมาประท้วง เพราะนั่นเท่ากับท่านขัดขวางการทำหน้าที่ของ สว.ที่กำลังรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่ และตนจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นอภิปรายในเรื่องการให้ สว. ชะลอการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ ตราบใดที่ท่านยืนยันลงมติ ตนจะลุกขึ้นอภิปรายเช่นนี้ทุกครั้ง จะส่งเสียงสื่อสาร ไปฟ้องประชาชน จนกว่าคดีฮั้ว สว.ที่ท่านถูกกล่าวหาจะสิ้นสุด
.
“เมื่อพวกท่านไม่หยุดลงมติ ดิฉันก็ไม่หยุดอภิปราย ดิฉันมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนให้คุ้มค่ากับเงินเดือน เพราะสิ่งที่ท่านทำไม่ใช่เรื่องปกติ และสังคมก็ไม่ได้มองว่าปกติ ท่านมีสิทธิ์คิดได้ว่าการลงมติผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเป็นการทำหน้าที่ สว.อยู่ ท่านคิดได้ แต่อยากจะบอกว่าท่านคิดผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะการที่ท่านลงมติในขณะที่ท่านเป็นผู้ถูกกล่าวหา เท่ากับท่านกำลังก่อปัญหาให้กับบ้านเมืองอย่างมากมาย”
.
น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการที่ สว.เกือบครึ่งสภาถูกแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องที่มาที่ไม่ชอบ แล้วไปเลือกองค์กรอิสระ ผู้มาชี้เป็นชี้ตายให้กับประเทศและคดีของท่าน ย่อมเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจน ปัญหาที่สองคือผลที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ท่านเห็นชอบ หากสุดท้ายแล้วพบว่า สว. ที่ลงมติไปขาดคุณสมบัติ แล้วผู้ที่ท่านไม่เห็นชอบก็ไม่อาจกลับไปดำรงตำแหน่งได้อีก จะเยียวยาเขาอย่างไร ส่วนผู้ที่ท่านเห็นชอบไปแล้วจะถือเป็นมรดกบาปที่ท่านได้ทิ้งไว้หรือไม่ ปัญหาที่สามคือกระบวนยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ดังนั้น ดิฉันจึงขอเรียกร้องให้ สว.ทุกคนชะลอการลงมติเลือกองค์กรอิสระ และชะลอการตั้ง กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหลายออกไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
“เมื่อท่านบริสุทธิ์ ถึงตอนนั้นค่อยมาลงมติแล้วประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญท่าน หากท่านยังดึงดันเลือด อสส.ในวันนี้ โปรดรู้ว่าท่านกำลังย่ำยีจิตใจของประชาชน ที่ไม่ต้องการเห็นกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว ท่านจะเป็นที่ยอมรับของประชาชน หากใช้จิตสำนึกและจริยธรรมให้มาก” น.ส.นันทนา กล่าว
.
จากนั้น นายมงคลได้วินิจฉัยว่าเรื่องนี้ เราได้มีการพิจารณาไปแล้ว แต่กลับถูก นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ลุกขึ้นพูดแทรกขอใช้สิทธิ์พาดพิง ทำให้นายมงคลต้องอนุญาตให้พูดแต่ขอให้พูดให้สุภาพด้วย
.
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า การที่ น.ส.นันทนากล่าวหาตนว่าไม่ควรประท้วงเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดซ้ำ แต่ตนฟังมา 3 รอบแล้ว และตนรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของ สว.บางท่าน อยากให้ไปพบแพทย์ คิดว่าท่านน่าจะป่วยเป็นโรค OCD ย้ำคิดย้ำทำ
.
จนนายมงคล ต้องเบรกไม่ให้พูด พร้อมกล่าวว่าประเด็นนี้ที่ประชุมได้มีการอภิปรายและมีมติแล้วในสมัยประชุมวิสามัญครั้งที่แล้ว ดังนั้น ขอให้หยุดพาดพิงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น เราจะเดินหน้าต่อลำบาก เราจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด
.
นายพิสิษฐ์ จึงลุกขึ้นขอว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ น.ส.นันทนาจะพูดเรื่องนี้ ถ้าท่านประธานสัญญากับตน ตนจะไม่ขึ้นพูดอีกแล้ว นายมงคลจึงขอให้ยุติการอภิปรายในเรื่องนี้ แต่ น.ส.นันทนา พยายามขออภิปราย นายมงคลจึงได้ปิดไมค์ แต่ น.ส.นันทนา ตะโกนว่า การที่นายพิสิษฐ์อภิปรายเป็นการด้อยค่า สว.ในสภา ตนต้องฟ้องประชาชน ถ้าประธานปล่อยให้คนเหล่านี้พูด ขอให้เขาถอนคำพูดด้วย
.
“ตอนถอน ครั้งที่แล้วก็ด้อยค่าดิฉัน ประชาชนลงโทษไปแล้วไม่สำนึก วันนี้ดิฉันต้องให้ถอนค่ะ” น.ส.นันทนา กล่าว
.
นายมงคลจึงขอให้นายพิสิษฐ์ถอนคำพูด ซึ่งนายพิสิษฐ์ก็ยินดีถอน แต่ขอให้ น.ส.นันทนาหยุดอภิปรายเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้นายมงคลพยายามเบรกให้ทั้งสองคนหยุดพูด อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม สว. ได้ลุกขึ้นมาทั้ง นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ และนายปริญญา วงศ์เชิดขวัญ ขอให้ดำเนินการประชุมต่อ เพื่อให้มีผลต่อการดำเนินการ
.
ต่อมาเป็นการประชุมลับ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะลงมติเห็นด้วย 172 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 14 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จึงถือว่านายอิทธิพรได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้เป็น อสส.