ออกอากาศโกยเรตติ้งให้ช่อง 7HD อยู่ขณะนี้ สำหรับละคร “เมืองแก้ว” ผลิตโดยค่ายมีเดีย สตูดิโอ ได้ ‘เข้ม’ หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล และ ‘พิ้งค์พลอย’ ปภาวดี ชาญสมอน นำแสดง ผลงานการกำกับฯ ของ ต่อพงศ์ ตันกำแหง
โดยวันนี้ผู้กำกับฯ ‘ต่อพงศ์’ จะมาเล่าเบื้องหลังการทำงานให้ฟัง
• เสน่ห์ เมืองแก้ว ในมุมมองของผู้กำกับฯ?
ต่อพงศ์ – “ละครเรื่องนี้เล่าถึงเมืองเมืองหนึ่งที่มีความเหลื่อมล้ำของชนชั้น ระบบราชการ การเมืองที่ไม่ยุติธรรม เนื้อหาแตกต่างจากละครทั่วๆ ไปก็เลยน่าสนใจ เนื้อหาไม่ล้าสมัยเลย ครบรส ไม่ถึงกับเป็นเรื่องการเมืองจ๋า ยังคงมีเรื่องความรัก การให้กำลังใจ การต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง การไม่ยอมรับการบริหารที่เต็มไปด้วยการทุจริต การคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรตื่นตัวกับมัน เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว”
• สิ่งที่ยากในการถ่ายทำ?
ต่อพงศ์ – “มุมของผมคือการที่นักแสดงทุกคนต้องปรับตัว ด้วยบทเข้มข้น ไดอะล็อกค่อนข้างยาว เป็นสไตล์การเขียนของครูแดง ศัลยา นักแสดงต้องปรับวิธีพูดให้เข้ากับตัวละคร ต้องพูดให้เข้าปากมากที่สุด เราอยากให้เขารู้สึกอินรู้สึกว่าตัวเองคือคนคนนั้น ตอนถ่ายทำจะย้ำเสมอว่าให้มองสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้วลองคิดว่า เรารู้สึกกับมันยังไง เมื่อถึงเวลาที่เขาพูดออกมาทุกอย่างก็เลยมาจากความรู้สึก ไม่ใช่เป็นแค่การอ่านบท
รวมถึงรูปแบบการถ่ายทำไม่ได้เป็นระบบสวิตช์ ดังนั้นเวลาเราเก็บหน้าคนหนึ่ง อีกคนที่อยู่ในฉากก็ยังคงต้องเล่นจริงด้วย ทำให้นักแสดงได้รู้สึกจริงๆ กับการที่เขาเห็นตรงหน้า เลยเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวต้องทำการบ้านมาอย่างตั้งใจ เพื่อจะได้ผ่านไปพร้อมกัน”
• การจับคู่กันครั้งแรกของ เข้ม หัสวีร์ และ พิ้งค์พลอย ปภาวดี เป็นอย่างไร?
ต่อพงศ์ – “เรื่องนี้เข้มกับพิ้งค์พลอยเล่นคู่กันครั้งแรก ผมว่าเขาทั้งคู่เข้ากันมากๆ อย่างตัวละคร นักสิทธิ์ ที่เข้มรับบท แบ๊กกราวด์ตัวละครเป็นข้าราชการในเมืองแก้ว มีปัญหาเรื่องการยอมรับผิดแทนลูกน้องจนต้องติดคุก เข้มถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว เวลาเล่นเขาอินไปกับความรู้สึกตัวละครได้เร็ว เล่นเป็นธรรมชาติ
ส่วน ภวานี ที่พิ้งค์พลอยรับบท ตัวละครนี้ไม่ง่าย ต้องมีความมั่นใจ เป็นครูภาษาอังกฤษหัวก้าวหน้าที่จบจากนอก พิ้งค์พลอยต้องทำการบ้านหนักในช่วงแรก กว่าที่จะเข้าถึงตัวละครใช้เวลาพอสมควร แต่พิ้งค์พลอยเป็นคนตั้งใจ รวมถึงเข้มด้วยนะ คือเราให้เขามานั่งทำการบ้านด้วยกัน ลองให้วิเคราะห์ตัวละครของตัวเองออกมา
ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนมีความเป็นเจ้าของในตัวละครตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องดูว่าเขามองตัวละครนี้อย่างไร จากนั้นก็มาปรับจูนกัน ซึ่งตัวละครภวานี ค่อนข้างยาก เพราะต้องเป็นคนพูดมาก แต่จะทำอย่างไรให้เป็นผู้หญิงพูดมากที่ไม่น่ารำคาญ ต้องมีจริตบางอย่าง เป็นวิธีการพูดที่พิ้งค์พลอยทำออกมาได้ดี ทุกอย่างอยู่ในเลเวลที่เหมาะสม”
• ในละครยังอัดแน่นนักแสดงอีกคับคั่ง?
ต่อพงศ์ – “ครับ นักแสดงทุกคนทุ่มเท อย่างน้ำผึ้ง (ณัฐริกา) เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ทุ่มเทแล้วตั้งใจมาก บทน้ำผึ้งจะยาวมาก แต่เขาก็ทำการบ้านมาก่อนเสมอ เต็มที่จริงๆ รวมถึงบางฉากที่ดูไม่มีอะไร แต่เวลาน้ำผึ้งใส่อารมณ์ใส่ความรู้สึกเข้าไป มันทำให้ฉากนั้นดูน่าสนใจขึ้นมาทันที ซึ่งนักแสดงในเรื่องนี้เป็นแบบนี้กันทุกคน ทั้งแจ๊บ (เพ็ญเพ็ชร) เอิร์ธ (ณัฐนันท์) คือเวลารุ่นพี่กับรุ่นน้องต้องใส่อารมณ์กันหรือต้องเข้าด้วยกัน มันมีความลื่นไหล สิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือเขาไม่กลัวกัน น้องๆ ก็ทำการบ้านมาพร้อมจะปะทะ และพี่ๆ ก็พร้อมตั้งรับ ทำให้ฉากแต่ละฉากออกมาสมบูรณ์น่าชม”
• โลเกชั่นของละคร?
ต่อพงศ์ – “ด้วยละครย้อนไปยุค 70s โลเกชั่นเลยค่อนข้างยาก จำเป็นต้องเซ็ตฉากบางส่วนขึ้นในกรุงเทพฯ แต่ส่วนใหญ่ละครเรื่องนี้ ต้องออกไปตามจังหวัด ซึ่งยังมีกลิ่นอายยุคนั้นอยู่บ้าง เรามีไปถ่ายที่ลำปาง ลำพูน เชียงราย เชียงใหม่ เป็นละครอีกเรื่องที่ทีมโลเกชั่นทำการบ้านค่อนข้างหนัก แต่ก็จะทำให้เราได้เห็นเสน่ห์ซึ่งย้อนกลับไปในยุค 70s เป็นเสน่ห์ที่คนรุ่นนี้อาจจะไม่เคยเห็น”
• โลเกชั่นของละคร?
ต่อพงศ์ – “ด้วยละครย้อนไปยุค 70s โลเกชั่นเลยค่อนข้างยาก จำเป็นต้องเซ็ตฉากบางส่วนขึ้นในกรุงเทพฯ แต่ส่วนใหญ่ละครเรื่องนี้ ต้องออกไปตามจังหวัด ซึ่งยังมีกลิ่นอายยุคนั้นอยู่บ้าง เรามีไปถ่ายที่ลำปาง ลำพูน เชียงราย เชียงใหม่ เป็นละครอีกเรื่องที่ทีมโลเกชั่นทำการบ้านค่อนข้างหนัก แต่ก็จะทำให้เราได้เห็นเสน่ห์ซึ่งย้อนกลับไปในยุค 70s เป็นเสน่ห์ที่คนรุ่นนี้อาจจะไม่เคยเห็น”
.
.
.
เครดิตที่มา :
https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_9845344
เบื้องหลังมายา - ‘เมืองแก้ว’เสน่ห์ย้อนยุค70s ‘ต่อพงศ์’ชมเคมี‘เข้ม-พิ้งค์พลอย’
ออกอากาศโกยเรตติ้งให้ช่อง 7HD อยู่ขณะนี้ สำหรับละคร “เมืองแก้ว” ผลิตโดยค่ายมีเดีย สตูดิโอ ได้ ‘เข้ม’ หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล และ ‘พิ้งค์พลอย’ ปภาวดี ชาญสมอน นำแสดง ผลงานการกำกับฯ ของ ต่อพงศ์ ตันกำแหง
โดยวันนี้ผู้กำกับฯ ‘ต่อพงศ์’ จะมาเล่าเบื้องหลังการทำงานให้ฟัง
• เสน่ห์ เมืองแก้ว ในมุมมองของผู้กำกับฯ?
ต่อพงศ์ – “ละครเรื่องนี้เล่าถึงเมืองเมืองหนึ่งที่มีความเหลื่อมล้ำของชนชั้น ระบบราชการ การเมืองที่ไม่ยุติธรรม เนื้อหาแตกต่างจากละครทั่วๆ ไปก็เลยน่าสนใจ เนื้อหาไม่ล้าสมัยเลย ครบรส ไม่ถึงกับเป็นเรื่องการเมืองจ๋า ยังคงมีเรื่องความรัก การให้กำลังใจ การต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง การไม่ยอมรับการบริหารที่เต็มไปด้วยการทุจริต การคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรตื่นตัวกับมัน เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว”
• สิ่งที่ยากในการถ่ายทำ?
ต่อพงศ์ – “มุมของผมคือการที่นักแสดงทุกคนต้องปรับตัว ด้วยบทเข้มข้น ไดอะล็อกค่อนข้างยาว เป็นสไตล์การเขียนของครูแดง ศัลยา นักแสดงต้องปรับวิธีพูดให้เข้ากับตัวละคร ต้องพูดให้เข้าปากมากที่สุด เราอยากให้เขารู้สึกอินรู้สึกว่าตัวเองคือคนคนนั้น ตอนถ่ายทำจะย้ำเสมอว่าให้มองสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้วลองคิดว่า เรารู้สึกกับมันยังไง เมื่อถึงเวลาที่เขาพูดออกมาทุกอย่างก็เลยมาจากความรู้สึก ไม่ใช่เป็นแค่การอ่านบท
รวมถึงรูปแบบการถ่ายทำไม่ได้เป็นระบบสวิตช์ ดังนั้นเวลาเราเก็บหน้าคนหนึ่ง อีกคนที่อยู่ในฉากก็ยังคงต้องเล่นจริงด้วย ทำให้นักแสดงได้รู้สึกจริงๆ กับการที่เขาเห็นตรงหน้า เลยเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวต้องทำการบ้านมาอย่างตั้งใจ เพื่อจะได้ผ่านไปพร้อมกัน”
• การจับคู่กันครั้งแรกของ เข้ม หัสวีร์ และ พิ้งค์พลอย ปภาวดี เป็นอย่างไร?
ต่อพงศ์ – “เรื่องนี้เข้มกับพิ้งค์พลอยเล่นคู่กันครั้งแรก ผมว่าเขาทั้งคู่เข้ากันมากๆ อย่างตัวละคร นักสิทธิ์ ที่เข้มรับบท แบ๊กกราวด์ตัวละครเป็นข้าราชการในเมืองแก้ว มีปัญหาเรื่องการยอมรับผิดแทนลูกน้องจนต้องติดคุก เข้มถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว เวลาเล่นเขาอินไปกับความรู้สึกตัวละครได้เร็ว เล่นเป็นธรรมชาติ
ส่วน ภวานี ที่พิ้งค์พลอยรับบท ตัวละครนี้ไม่ง่าย ต้องมีความมั่นใจ เป็นครูภาษาอังกฤษหัวก้าวหน้าที่จบจากนอก พิ้งค์พลอยต้องทำการบ้านหนักในช่วงแรก กว่าที่จะเข้าถึงตัวละครใช้เวลาพอสมควร แต่พิ้งค์พลอยเป็นคนตั้งใจ รวมถึงเข้มด้วยนะ คือเราให้เขามานั่งทำการบ้านด้วยกัน ลองให้วิเคราะห์ตัวละครของตัวเองออกมา
ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนมีความเป็นเจ้าของในตัวละครตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องดูว่าเขามองตัวละครนี้อย่างไร จากนั้นก็มาปรับจูนกัน ซึ่งตัวละครภวานี ค่อนข้างยาก เพราะต้องเป็นคนพูดมาก แต่จะทำอย่างไรให้เป็นผู้หญิงพูดมากที่ไม่น่ารำคาญ ต้องมีจริตบางอย่าง เป็นวิธีการพูดที่พิ้งค์พลอยทำออกมาได้ดี ทุกอย่างอยู่ในเลเวลที่เหมาะสม”
• ในละครยังอัดแน่นนักแสดงอีกคับคั่ง?
ต่อพงศ์ – “ครับ นักแสดงทุกคนทุ่มเท อย่างน้ำผึ้ง (ณัฐริกา) เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ทุ่มเทแล้วตั้งใจมาก บทน้ำผึ้งจะยาวมาก แต่เขาก็ทำการบ้านมาก่อนเสมอ เต็มที่จริงๆ รวมถึงบางฉากที่ดูไม่มีอะไร แต่เวลาน้ำผึ้งใส่อารมณ์ใส่ความรู้สึกเข้าไป มันทำให้ฉากนั้นดูน่าสนใจขึ้นมาทันที ซึ่งนักแสดงในเรื่องนี้เป็นแบบนี้กันทุกคน ทั้งแจ๊บ (เพ็ญเพ็ชร) เอิร์ธ (ณัฐนันท์) คือเวลารุ่นพี่กับรุ่นน้องต้องใส่อารมณ์กันหรือต้องเข้าด้วยกัน มันมีความลื่นไหล สิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือเขาไม่กลัวกัน น้องๆ ก็ทำการบ้านมาพร้อมจะปะทะ และพี่ๆ ก็พร้อมตั้งรับ ทำให้ฉากแต่ละฉากออกมาสมบูรณ์น่าชม”
• โลเกชั่นของละคร?
ต่อพงศ์ – “ด้วยละครย้อนไปยุค 70s โลเกชั่นเลยค่อนข้างยาก จำเป็นต้องเซ็ตฉากบางส่วนขึ้นในกรุงเทพฯ แต่ส่วนใหญ่ละครเรื่องนี้ ต้องออกไปตามจังหวัด ซึ่งยังมีกลิ่นอายยุคนั้นอยู่บ้าง เรามีไปถ่ายที่ลำปาง ลำพูน เชียงราย เชียงใหม่ เป็นละครอีกเรื่องที่ทีมโลเกชั่นทำการบ้านค่อนข้างหนัก แต่ก็จะทำให้เราได้เห็นเสน่ห์ซึ่งย้อนกลับไปในยุค 70s เป็นเสน่ห์ที่คนรุ่นนี้อาจจะไม่เคยเห็น”
• โลเกชั่นของละคร?
ต่อพงศ์ – “ด้วยละครย้อนไปยุค 70s โลเกชั่นเลยค่อนข้างยาก จำเป็นต้องเซ็ตฉากบางส่วนขึ้นในกรุงเทพฯ แต่ส่วนใหญ่ละครเรื่องนี้ ต้องออกไปตามจังหวัด ซึ่งยังมีกลิ่นอายยุคนั้นอยู่บ้าง เรามีไปถ่ายที่ลำปาง ลำพูน เชียงราย เชียงใหม่ เป็นละครอีกเรื่องที่ทีมโลเกชั่นทำการบ้านค่อนข้างหนัก แต่ก็จะทำให้เราได้เห็นเสน่ห์ซึ่งย้อนกลับไปในยุค 70s เป็นเสน่ห์ที่คนรุ่นนี้อาจจะไม่เคยเห็น”
.
.
.
เครดิตที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_9845344