ขอพื้นที่ระบายหน่อยครับ ผมควรทำยังไงดีกับความรู้สึกบางอย่างกับพี่ที่อายุมากกว่า

สวัสดีครับ ไม่เคยนึกเลยว่าวันนึงผมจะต้องมาตั้งกระทู้ในพันทิปเพื่อขอรับฟังความเห็นจากคนอื่นแบบนี้ และนี่เป็นกระทู้แรกของผม
ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเขียนอธิบายหรือสื่อออกไปเพื่อขอความคิดเห็นได้ชัดเจนขนาดไหน แต่ผมจะพยายามเล่าออกไปให้ชัดเจนที่สุด

แบ็คกราวน์คร่าว ๆ ของผม ตอนนี้ผมทำงานในบ.เอกชน มหาชนแห่งหนึ่ง ตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานที่นี่มาตลอด 2 ปี ยังไม่เคยย้ายงานครับ เพราะเดินทางสะดวก และผมค่อนข้างจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยกับใครเท่าไร ไม่ถึงขั้นอินโทรเวิร์ทครับ เพราะเวลาประชุมผมสามารถคุยกับทุกคนได้ปกติ ผมอาจจะไม่ลงรายละเอียดมากเพราะคิดว่าไม่สำคัญกับเรื่องที่จะเล่าเท่าไรครับ

ปัญหานี้อยู่ก่อกวนภายในใจผมมาได้สักพักใหญ่ ๆ ราว ๆ 2 เดือน หลังจากที่เลิกกับแฟนที่คบกันมาตั้งแต่ตอนที่เรียน เราไม่ได้ทะเลาะกันแรง ๆ แต่อยู่ ๆ ความสัมพันธ์มันก็จืดลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายต่างคนก็ตัดสินใจแยกทางกัน หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้เริ่มพูดคุยและทำงานร่วมกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่งในทีมอื่น เธออายุมากกว่าผม 8 ปี ปีนี้เธออายุ 36 แล้วครับ เธอเป็นม่าย ไม่มีลูก หน้าตาธรรมดา ๆ แต่ใจดีและนิ่งมาก (ผมหมายถึงไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์)

ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ แค่รู้สึกว่าพี่เขาค่อนข้างเป็นคนที่ดูอบอุ่น ชอบช่วยเหลือคนอื่น และมีความเป็นผู้ใหญ่ที่ชวนให้รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้ ๆ
เราคุยกันเรื่องงานบ่อยขึ้น เวลาผมติดอะไร พี่เขาก็มักจะเข้ามาช่วยโดยที่ผมไม่ต้องร้องขอ บางวันก็ซื้อกาแฟมาให้ บางวันก็แวะถามว่า "เหนื่อยมั้ย" ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้หวาน แต่กลับรู้สึกจริงใจมาก ๆ

จนผมเริ่มสังเกตตัวเองว่า ผมรู้สึกดีเวลาได้เจอพี่เขา ผมเริ่มมองหาว่าเขาเข้ามาออฟฟิศหรือยัง วันไหนเขาลา ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็ก ๆ โดยไม่มีเหตุผล และที่สำคัญ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าพี่เขาก็เหมือนจะมีอะไรบางอย่างให้ผมเหมือนกัน อย่างเวลาคุยกัน พี่เขาจะสบตาผมนานกว่าปกติ
ช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวันครับ ผมเองก็ไม่ได้เอารถมาใช้ที่ทำงาน (ผมใช้รถมอเตอร์ไซต์ครับ ฝนตกถนนลื่นนผมกลัวเกิดอุบัติเหตุ) นั่งรถไฟฟ้าสะดวกกว่า แต่วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก ผมจำได้เลยว่าเลิกงานตอนเกือบสามทุ่ม ฝนก็ยังไม่มีวี่แววจะซา แท็กซี่ก็ไม่มีให้เรียก

ผมยืนรอฝนอยู่ในตึกพักใหญ่ พี่เขาเดินผ่านมาพอดี ผมไม่แน่ใจว่าเขาแค่จะมาขึ้นรถหรือเดินมาตั้งใจจะดูว่าผมโอเคมั้ย
ยังกลับไม่ได้เหรอ พี่เขาถามเสียงเรียบ ๆ ผมก็ตอบไปแบบเกรงใจว่า ครับกะว่ารออีกแป๊บนึง ถ้ายังไม่หยุดคงเดินฝ่าฝนไป BTS
พี่เขานิ่งไปแป๊บนึง แล้วพูดว่า ไปด้วยกันก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ตอนแรกผมก็ลังเล เพราะไม่อยากรบกวน และมันก็ไม่ใช่ทางเดียวกับพี่เขาแน่ ๆ แต่พอผมบอกว่าไม่เป็นไร พี่เขากลับพูดแค่ว่า พี่จะกลับทางนั้นพอดี ผมเลยขึ้นรถไปด้วยเพราะฝนก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ที่ผมเพิ่งรู้ก็คือ… คอนโดผมกับพี่เขาอยู่ห่างกันไม่ถึง 5 นาทีวันนั้นเลยกลายเป็นวันแรกที่เรากลับด้วยกัน พี่เขาขับรถเงียบ ๆ เปิดเพลงเบา ๆ ผมก็พูดคุยเรื่องทั่วไปไปเรื่อย ๆ แบบไม่ได้ตั้งใจจะจีบหรืออะไร แค่อยากขอบคุณเขาจริง ๆ
หลังจากวันนั้น พี่เขาก็เริ่มถามบ่อยขึ้นว่า วันนี้กลับยังไง หรือบางทีผมเดินสวนเขาตอนเลิกงาน เขาก็ชวนขึ้นรถเลยแบบไม่ต้องพูดเยอะ
ผมเกรงใจมากครับ ตอนแรกก็คิดว่าจะโอนค่าน้ำมันให้ หรือซื้ออะไรติดไม้ติดมือให้เขาบ้าง แต่พี่เขาปฏิเสธตลอด

ผมเลยเริ่มสังเกตว่า พี่เขาจะพูดว่า ทางเดียวกัน อยู่บ่อย ๆ จนผมไม่แน่ใจว่ามันคือแค่คำพูดที่ใช้ให้ผมรู้สึกไม่เกรงใจ หรือจริง ๆ พี่เขากำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างกับผมกันแน่บางวันฝนไม่ได้ตก พี่เขาก็ยังถามอยู่ดีว่าจะกลับยังไงเดี๋ยวพี่ไปส่ง

ผมเริ่มรู้สึกว่า… ความสัมพันธ์นี้มันค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ผมโดยที่ผมไม่ได้ทันรู้ตัว มันไม่หวือหวา ไม่โรแมนติกอะไรเลย แต่กลับทำให้ผมนึกถึงระยะยาวมากกว่าความสัมพันธ์แบบที่ผ่านมาแต่มันก็ยังมีความลังเล ความกลัวอยู่เหมือนเดิมครับ ผมไม่รู้ว่าผมควรคุยกับพี่เขาตรง ๆ ดีไหม หรือควรให้ทุกอย่างค่อย ๆ เป็นไปแบบนี้ หลังจากเริ่มกลับด้วยกันบ่อยขึ้น พี่เขาก็ค่อย ๆ เปิดเรื่องส่วนตัวมากขึ้นครับ ไม่ได้พูดแบบจริงจังอะไร แต่เหมือนเล่าให้ฟังระหว่างขับรถ เวลารถติดหรือเปิดเพลงแล้วเงียบไปสักพัก เขาก็จะพูดขึ้นมาเองอย่างวันหนึ่งฝนตกหนัก รถติดแบบขยับแทบไม่ได้ พี่เขาเล่าขึ้นมาว่า

"เมื่อก่อนพี่เคยขับรถคนเดียวไปต่างตังหวัดตอนกลางคืนคนเดียว เพราะอยากหนีความวุ่นวาย แล้วก็ร้องไห้บนทางหลวงแบบงง ๆ ไม่ได้มีใครมาทำอะไรหรอก แค่รู้สึกอยากหายไปเฉย ๆ"

ผมนั่งฟังเงียบๆไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยถามกลับไปว่าแล้วตอนนี้หายยังครับ พี่เขาหัวเราะนิดหน่อย แล้วตอบว่า น่าจะหายนานแล้วนะ
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าพี่เขาไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ผมคิดในตอนแรก เขาแค่เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเปลี่ยวเหงาได้ โดยไม่ต้องแสดงออกให้คนอื่นเห็น
อีกวันหนึ่ง ผมไม่สบายครับ เป็นไข้หวัดธรรมดา ๆ นี่แหละ แต่วันนั้นต้องเข้าออฟฟิศเพราะมีประชุมใหญ่ พี่เขามองหน้าผมแค่แวบเดียวตอนเจอกันหน้าออฟฟิศแล้วพูดว่า เสียงเปลี่ยนนะ เป็นหวัดเหรอ

ผมพยักหน้าเบา ๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ตอนเย็นก่อนเลิกงาน พี่เขาเดินเอายามาให้ บอกว่า กินหน่อย เดี๋ยวดีขึ้น พี่ซื้อมาเผื่อไว้
มันอาจจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนั้นผมรู้สึกจุก ๆ ในใจเหมือนกันครับ รู้สึกว่ามีคนมองเห็นในสิ่งที่ผมไม่ได้พูด
ตั้งแต่นั้นมา พี่เขาก็เหมือนค่อย ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวันผมมากขึ้นแบบเงียบ ๆบางวันก็แวะส่งข้าวกล่องมาให้ บอกว่า ทำไว้เหลือ กินหน่อยจะได้ไม่ต้องซื้อ
บางวันผมลืมร่ม พี่เขาก็ยื่นมาให้พร้อมบอกว่า เก็บไว้เลย พี่มีอีกคัน เขาไม่ได้พูดอะไรหวาน ๆ ไม่มีคำว่า "ห่วง" ไม่มีคำว่า "คิดถึง" ด้วยซ้ำ
แต่การกระทำของเขามันสื่อทุกอย่างออกมาชัดเจนกว่าคำพูด

ผมก็เลยเริ่มถามตัวเองมากขึ้นทุกวันว่าหรือจริง ๆ แล้วพี่เขากำลังให้ใจผมอยู่เงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยและคำถามที่ผมยังตอบตัวเองไม่ได้ก็คือ
- ผมควรจะทำยังไงกับหัวใจของตัวเองดีครับ? ผมก็ไม่อยากคิดไปเองเหมือนกันครับ
- ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า หรือทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเพิ่งเลิกกับแฟน แล้วไปเผลอพึ่งพาความอบอุ่นจากคนที่แค่ใจดีเฉย ๆ

แต่ลึก ๆ ผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่ความเหงาแน่ ๆ มันไม่เหมือนความรู้สึกที่ผมเคยมีตอนคบกับคนวัยเดียวกัน พี่เขาดูมั่นคงกว่า พูดน้อยแต่ฟังเก่ง และเวลาอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแต่ผมก็ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าถ้าผมเข้าใจผิด มันจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้หายไป และอีกอย่างผมก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมจะเริ่มต้นใหม่จริง ๆ หรือเปล่า

ผมเลยอยากมาถามความเห็นจากทุกคนครับ
ถ้าเป็นคุณ คุณคิดว่า "พี่เขามีใจให้ผม" หรือผมแค่คิดไปเอง?
อายุที่ต่างกันพอสมควรแบบนี้ มันจะเป็นอุปสรรคไหมครับ?
ผมควรลองเปิดใจคุยกับเขาตรง ๆ ดีไหม หรือควรปล่อยให้มันเป็นแค่มิตรภาพดี ๆ ไป?
ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้านะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่