เราเชื่อว่าหลายคนก็คงไม่เข้าใจ YG ในประเด็นเหล่านี้สักเท่าไหร่ เพราะถ้าทำตามแบบอย่างมาตรฐานการสร้างวง Rookie Kpop โดยทั่วไป สิ่งเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นที่จะสร้างฐานแฟนคลับในประเทศให้แข็งแรง เมื่อแกร่งมากพอแล้วก็ลุยตลาดต่างประเทศต่อไป มันน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ
เราว่ามันมีประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ YG อาจจะต้องเลือกแนวทางใหม่ เพื่อให้วงประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุดในระดับโลก ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศเพียงอย่างเดียว
ประเด็นที่ 1 : อายุของสมาชิก
ข้อดีของ BM คือสมาชิกแต่ละคนอายุยังน้อยมาก ทำให้สามารถมีเวลาอยู่ในวงการได้อีกนาน ครบ 7 ปี ก็ยังอายุไม่เยอะมาก แต่ข้อเสียเองก็คือมันจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการทำงานอยู่ด้วย อย่างชิกิต้า โรร่า อายอน รามิ อายุยังไม่ถึง 18 และมีแค่รุกะที่อายุเกิน 20 แล้ว ดังนั้นด้วยกฏหมายเกาหลีค่อนข้างเข้มงวดกับการใช้แรงงานผู้เยาว์ ทำให้ต้องประเมินเรื่องชั่วโมงการทำงานให้ดี ถ้าละเมิดกฏหมายขึ้นมา จะโดนสังคมโจมตีเรื่องการใช้แรงงานเด็กทันที และจะส่งผลเสียกับภาพลักษณ์ และโดนแอนตี้โจมตีแน่นอน
ทำให้ไม่สามารถเดินสายโปรโมทได้มากเท่าที่ควร ต้องเลือกรายการที่จะไปโปรโมทให้ดี ว่าไปแล้วได้ Engagement กลับมาคุ้มค่าหรือเปล่า ไม่ใช่ไปจนมันไม่มี Impact อะไรเหลือ
----
ประเด็นที่ 2 : การสร้างฐานแฟนคลับ
วง Rookie Kpop ส่วนมากจะเริ่มจากสร้างฐานแฟนคลับในเกาหลีก่อน เดินสายโปรโมทในรายการเกาหลี ขึ้นเวทีรายการเพลง เดินสายเวทีคอนมหาลัย เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับคนเกาหลีเป็นอันดับแรก จากนั้นก็หวังให้เพลงติดชาร์ตในประเทศสูงๆ เพื่อให้กระแสของวงแข็งแรง สิ่งที่จะตามมาก็คือการได้โฆษณาสินค้าดังๆ ในประเทศ แล้วค่อยลุ้นเรื่องยอดขายอัลบั้ม และมาตรวัดอื่นๆ ในประเทศต่อไป
จากนั้นเมื่อฐานในประเทศเข้มแข็งแล้ว ค่อยขยายไปตลาดต่างประเทศต่อ
แต่ BM ต่างจากวงอื่นๆ มาก เนื่องจากเป็นวงที่มีฐานแฟนคลับเยอะมากๆ ตั้งแต่ก่อนเดบิ้ว จากการเป็นของ YG หรือบางคนก็เรียกว่าวงน้องสาว BP ฐานแฟนคลับก็เลยแน่นมากมาตั้งแต่เริ่มต้นทำ Survival เพราะวงที่มีสมาชิกเยอะ การสร้างความรับรู้ให้คนฟังรู้จักว่าใครชื่ออะไร หน้าตาแบบไหน เก่งด้านไหน บุคลิกส่วนตัวเป็นอย่างไร และความสามารถดีจริงหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้จะปูพื้นให้คนตามเชียร์ ตามเอาใจช่วยเด็กๆ แล้วกลายเป็นแฟนคลับไปแบบไม่รู้ตัว
ผลก็คือมีฐานแฟนคลับไม่ว่าจะเป็น Blink หรือคนที่ชอบเพลงแนว YG มาตามเชียร์เด็กๆ มากขึ้น จนเรียกว่าฐานแฟนคลับเติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างโดดเด่น
ทีนี้พอฐานแฟนคลับมันเติบโตรวดเร็ว ก็สามารถเลือกแนวทางโปรโมทที่หลากหลายได้ โดยประเมินว่าต้องการตีตลาดแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่างตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ
----
ประเด็นที่ 3 : รูปแบบการโปรโมท
จากที่พูดไปในประเด็นที่ 1 เรื่องเวลาการทำงาน ดังนั้นเมื่อวงนี้สามารถสร้างฐานแฟนคลับได้แข็งแรงแล้ว และไม่ได้เป็นแค่ฐานแฟนคลับในประเทศ แต่มีฐานแฟนคลับทั่วโลกแล้ว ก็ต้องตัดสินใจว่าจะเน้นอย่างไร ให้ใช้เวลาในการทำงานของเด็กๆ แล้วคุ้มค่าที่สุด
YG มันก็เลยเลือกเน้นการโปรโมทผ่าน Social Platform ต่างๆ มากกว่า โดยเฉพาะ Youtube และเน้นออกรายการทีวีที่ดังๆ และมียอดคนดูเยอะๆ เท่านั้น ไม่ได้หว่านแหไปทุกรายการจนหน้าช้ำ แต่เลือกอย่างดีว่าควรต้องไปรายการไหน ซึ่งผลตอบรับที่เราเห็นได้ชัดเจนคือไม่ว่าจะไปรายการไหน ยอดวิว ยอด Engegement ก็เยอะมากๆ อย่างรายการใน Youtube หลายรายการ ตอนที่ BM ไป ก็สร้างสถิติยอดคนดูสูงมากๆ บางรายกลายเป็นยอดวิวสูงสุดของรายการก็บ่อยไป
การโปรโมทหลักๆ ของ BM ที่ทาง YG เลือก กลับกลายเป็นการโปรโมทผ่านทาง Youtube ของช่อง BM เองนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำ MV และ Dance Performance หลายๆ เพลง เพราะทำแล้วคุ้ม เนื่องจากมีรายได้จากยอดวิว และได้ฐานข้อมูลของคนดูที่ชัดเจน ว่าเป็นใคร มาจากไหน ดูจนจบคลิปมากน้อยกี่ % ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้มันเอาไปวิเคราะห์ต่อยอดได้มาก
อย่างอัลบั้มล่าสุด ก็ทำ MV และ Dance Performance เกือบทุกเพลงเลย นี่ยังคาใจว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วทำไมไม่ทำ Love, Maybe ไปอีกเพลงเลย ทำแบบ Stuck in the middle ก็ได้ ยืนร้องกันสวยๆ ยอดวิวก็น่าจะเยอะเหมือนกัน
หากเข้าไปดูยอดวิวในช่อง Youtube ของ BM จะเห็นว่ายอดวิวรวมของช่องทะลุห้าพันล้านวิวขึ้นไปแล้ว ถือว่าสูงมากๆ และสะท้อนว่ามันไม่ได้แค่ยอดปั่นของแฟนคลับแน่ๆ แต่มันเป็นยอดที่มาจากคนสนใจในระดับทั่วโลกจริงๆ
----
ประเด็นที่ 4 : การไม่ขึ้นรายการเพลง และไม่ไปขึ้นเวทีมหาลัย ไม่เต้น Challenge ร่วมกับวงอื่นๆ
ในส่วนของรายการเพลง อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า YG มันมีปัญหากับช่องสถานีหลายช่องพอสมควร และก็ไม่ขึ้นรายการเพลงช่องเคเบิ้ลสักเท่าไหร่ ทำให้ก็เหลือขึ้นเวทีแค่สองรายการเท่านั้น คือ SBS INKIGAYO กับ MusicCore แค่สองรายการเท่านั้น ส่วนรายการปลายปีก็ขึ้นแค่เวทีของ SBS รายการเดียว
ถามว่าอยากให้ขึ้นเวทีเยอะกว่านี้หรือเปล่า ก็อยากแหละ แต่ถ้าขึ้นหลายรายการ มันก็ต้องใช้งบทำฉากหลัง ทำเวทีเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่ายต้องเป็นคนจ่ายในการตบแต่งเวที และถ้าขึ้นหลายเวที มันก็ช้ำ ทำให้ยอด engagement เวทีหลังๆ ก็จะน้อยลง
สิ่งที่ YG เลือกที่จะทำก็คือการส่งไปสองช่องแสดงเวทีละ 2 รอบ แล้วก็จบโปรโมทในรายการเพลงไป จากนั้นเอางบไปทุ่มทำ Dance Performance ลงช่องตัวเองดีกว่า ซึ่งตรงนี้รายได้จากยอดวิวก็จะเข้าค่าย และเข้าศิลปินโดยตรง
ในส่วนของเวทีมหาลัย หากตามเด็กๆ ก็จะรู้ดีว่ามันคาบเกี่ยวกับช่วงเด็กๆ ออกทัวร์ตลอด ทำให้ไปไม่ได้ อย่างตอน SHEESH แล้วเดบิ้วอย่างเป็นทางการ จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาก็เดินสาย Fanmeet เอเชีย ซึ่งก็ตรงกับช่วงเวทีมหาลัยพอดี หรืออย่างปีล่าสุดตอนออกอัลบั้ม Drip ก็มี World Tour แล้ว และตารางก็ชนกับงานมหาลัยพอดี มันก็เป็ฯไปได้ยากที่จะให้เด็กเอาเวลาพักผ่อนไปขึ้นงานมหาลัย แค่นี้ก็งอม ป่วยกันเป็นระยะๆ แล้ว ไหนจะเรื่องชั่วโมงการทำงานอีก
ส่วนเรื่องการเต้น Challenge ร่วมกับวงอื่นๆ อันนี้ส่วนตัวก็อยากให้ทำเหมือนกัน อยากเห็นเด็กๆ สนิทกับวงอื่นๆ มีโอกาสใช้เวลา สร้าง Connection ร่วมกับวงอื่นๆ เอาแค่ GG ก็ได้ แต่ YG ก็ดูเหมือนจะไม่ต้องการให้ศิลปินตัวเองไปเต้นกับวงอื่นๆ นอกค่ายสักเท่าไหร่ จะเป็นเพราะกลัวดราม่าที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น เช่นไปเต้นแรงเกินหน้าเกินตาวงต้นฉบับอะไรทำนองนี้ให้มีปัญหาเข้ามา ก็เลยให้แค่ไปอัดรายการบนเวที จบแล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนน่าจะดีกว่า คงคิดแบบนี้มั้ง แต่ยังไงส่วนตัวก็อยากเห็นเด็กๆ มี Moment ร่วมกับวงอื่นๆ อยู่ดีนะ มันก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายนักหรอก
แต่ก็อย่างที่รู้กัน ขนาดจะให้หน้าศิลปินไปโผล่ในคลิปของค่ายอื่นๆ ยังห้ามเลย ตอนลิซ่าไปเที่ยวกับมินนี่และสร ยังโผล่มาได้แค่เสียงเลย ก็เป็นกติกาของค่ายที่ศิลปินต้องปฏิบัติตาม จนกว่าค่ายจะเปลี่ยนกฏแหละ
---
ประเด็นที่ 5 : เรื่องแนวเพลงไม่ชัดเจน
อันนี้ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ BM ปล่อยเพลงมาหลากหลายแนวมาก มีทั้ง Dark มากๆ และสดใสมาก อย่างเพลงล่าสุดก็เหมือนทำออกมาแบบใสๆ แบ้วๆ สไตล์ YG สุดๆ ประหนึ่งออกมาเอาใจวัยรุ่นฝันน้ำนมยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งหลายคนก็มองต่าง บางคนก็อยากให้เน้นแนวทางให้ชัดเจนไปเลย สร้างภาพจำว่านึกถึงวงนี้ ก็นึกถึงเพลงสไตล์นี้ไปเลย
แต่หลายคนรวมถึงเราก็มองว่าวงพึ่งออกมาปีกว่า มีอัลบั้มสองชุด การออกเพลงหลายๆ แนวให้คนเห็นว่าทำได้ดีทุกแนวมันก็มีข้อดีเหมือนกัน
ถ้าถามเราว่าภาพจำของ BM กับเพลงคืออะไร เราว่ามันคือเพลงที่เน้นในการไปแสดงบนเวทีนี่แหละ ล่าสุดเราไปดูคอน BM มา เราว่ามมันสนุกมากเลยนะ แม้ว่าจะมากันแค่ 6 คนก็ตาม แต่ในงานมันครบรสเลย ไม่ใช่หนักๆ อย่างเดียว แต่เปิดคอนด้วยเพลงหนักๆ แรงๆ แล้วมีช่วงให้ผ่อนคลายกับเพลงแนวเบาๆ คั่นด้วยโซโล่ แล้วค่อยมาบิ้วอารมณ์ท้ายคอน ปิดด้วย Encore สนุกๆ เราว่ามันครบรสเลย ซึ่งถ้าเพลงไม่หลากหลาย มันก็ไม่ได้อารมณ์แบบนี้ในคอนนะ
ส่วนเรื่องเพลงไม่ดี หรือเพลงยังไม่โดน อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนฟัง เราก็ยังหวังว่าจะได้เพลงดังๆ ถูกใจคนฟังทั้งเกาหลี และทั่วโลก เหมือนตอน BP ได้เพลง 4D แล้วก้าวไปอีกระดับได้ จากนั้นก็ค่อยๆ ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นตำนานแบบทุกวันนี้
ล่าสุดฟังเพลง Golden แบบ AI เวอร์ชั่น BM แล้วเข้ามาก ท่อนฮุคนี่คิดถึงเสียงอายอนมาก พอเอามาทำเป็น AI แล้วเข้ามากเลย หวังว่า YG จะทำเพลงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ
ส่วนเพลงที่ออกมา เราว่าเราก็ชอบเป็นส่วนใหญ่นะ มีไม่กี่เพลงที่ฟังแล้วเฉยๆ แต่เชื่อว่าทำได้ดีกว่านี้ เมื่อเห็นความสามารถของเด็กๆ ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เราว่ากรอบในการทำเพลงมันก็จะกว้างขึ้น แล้วน่าจะได้เห็นเพลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่ๆ
----
สรุปปิดท้าย
เราว่าไม่ผิดที่หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยในแนวทางการโปรโมทของ YG กับ BM เพราะก็ดูว่าจะไม่ได้เน้นตลาดในประเทศเท่าไหร่ ไม่ค่อยส่งเด็กไปออกรายการต่างๆ มากเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับวงอื่นๆ ในเจน 5 แต่อย่าลืมว่าวงอื่นๆ ในเจน 5 ไม่มีวงไหนที่ได้ทัวร์คอนใน Scale ใหญ่เท่า BM นะ มีสาวจูบที่มีทัวร์คอนบ้างแล้ว แต่บริบทก็ต่างกันพอสมควร
ในขณะที่วงอื่นๆ ไม่ได้ต้องไปทัวร์คอนแบบบินเป็นนกทุกอาทิตย์แบบนี้ ก็เลยมีเวลาว่าง มีเวลาทำงานในประเทศมากกว่า ก็ไม่แปลกที่จะเห็นเขาเน้นโปรโมทในประเทศมากกว่า BM เพราะ Concept ในการตีตลาดมันต่างกัน
สำหรับ BM เราว่า YG ก็ทำได้ดีกว่าที่เราคิดแล้ว เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีแรกหลังเดบิ้ว เทียบกับ BP แล้ว YG ทุ่มเทกับ BM มากกว่าเยอะ อาจจะเพราะรู้ดีว่าอนาคตยังไง BP ก็จะไม่ต่อสัญญาแล้วแน่ๆ ถ้าไม่สามารถทำให้ BM ติดตลาดได้ ค่ายก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการเงินได้ สิ่งที่ต้องเร่งทำคือสร้างฐานแฟนคลับระดับโลกให้ BM ให้ไดไวที่สุด ส่วนเกาหลีก็เอาเท่าที่ได้ จากนั้นเมื่อฐานแฟนคลับเยอะ โดยวิเคราะห์จากข้อมูลหลังบ้านผ่าน Social Platform ต่างๆ ก็พอจะรู้ว่าไปจัดคอนที่เมืองไหนได้บ้าง
จากนั้นก็เร่งออกเพลงให้เยอะพอที่จะจัดคอนได้ แล้วก็เริ่มลุยเลย ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า YG มันประเมินถูก เพราะแทบทุกเมืองที่ไปก็ sold out เกือบหมด แถมฐานแฟนคลับมาเมกาก็เติบโตไวมาก จนสามารถไปจัดเมืองอื่นๆ เพิ่มได้อีกถึง 6 เมือง กับวงที่พึ่งเดบิ้วอย่างเป็นทางการไม่ถึง 2 ปี ทำได้ขนาดนี้เราว่าก็สุดยอดแล้วนะ
ส่วนเกาหลีที่บอกว่าโปรโมทน้อย BM ก็เป็น GG เจน 5 วงแรกที่จัดคอนที่ KSPO Dome แล้ว sold out บัตรหมดทั้งสองวัน แถมสถิติยอดขายก็อยู่อันดับต้นๆ ของ GG ได้เลยนะ แสดงว่าฐานแฟนคลับก็ไม่ธรรมดา ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็มีแค่เรื่องถ้วยรางวัลรายการเพลง และชาร์ตเกาหลีเท่านั้นเอง ปัจจัยอื่นๆ อย่างยอดอัลบั้ม, ยอด engagement, ยอดบัตรทัวร์คอน, ยอดขายสินค้าที่ระลึก, ยอดขายแท่งไฟ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ดีหมดนะ
มารอลุ้นกันว่าหลัง Comeback 1 ตค. แล้ว จะประกาศทัวร์คอนที่ไหนเพิ่มอีก เพราะยังเหลือโซนยุโรปที่ยังไม่ได้ทัวร์ และอาจจะมีลุ้น Dome Tour ที่ญี่ปุ่นอีก เพราะตอนนี้เพลงน่าจะมีมากพอให้จัด Dome Tour ได้แล้วนะ
Babymonster : ทำไม YG ไม่โปรโมท BM ในเกาหลีมากเท่าที่ควร ไม่ส่งไปเวทีมหาลัย รายการเพลง ไม่ให้เต้น Challange
เราว่ามันมีประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ YG อาจจะต้องเลือกแนวทางใหม่ เพื่อให้วงประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุดในระดับโลก ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศเพียงอย่างเดียว
ประเด็นที่ 1 : อายุของสมาชิก
ข้อดีของ BM คือสมาชิกแต่ละคนอายุยังน้อยมาก ทำให้สามารถมีเวลาอยู่ในวงการได้อีกนาน ครบ 7 ปี ก็ยังอายุไม่เยอะมาก แต่ข้อเสียเองก็คือมันจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาในการทำงานอยู่ด้วย อย่างชิกิต้า โรร่า อายอน รามิ อายุยังไม่ถึง 18 และมีแค่รุกะที่อายุเกิน 20 แล้ว ดังนั้นด้วยกฏหมายเกาหลีค่อนข้างเข้มงวดกับการใช้แรงงานผู้เยาว์ ทำให้ต้องประเมินเรื่องชั่วโมงการทำงานให้ดี ถ้าละเมิดกฏหมายขึ้นมา จะโดนสังคมโจมตีเรื่องการใช้แรงงานเด็กทันที และจะส่งผลเสียกับภาพลักษณ์ และโดนแอนตี้โจมตีแน่นอน
ทำให้ไม่สามารถเดินสายโปรโมทได้มากเท่าที่ควร ต้องเลือกรายการที่จะไปโปรโมทให้ดี ว่าไปแล้วได้ Engagement กลับมาคุ้มค่าหรือเปล่า ไม่ใช่ไปจนมันไม่มี Impact อะไรเหลือ
----
ประเด็นที่ 2 : การสร้างฐานแฟนคลับ
วง Rookie Kpop ส่วนมากจะเริ่มจากสร้างฐานแฟนคลับในเกาหลีก่อน เดินสายโปรโมทในรายการเกาหลี ขึ้นเวทีรายการเพลง เดินสายเวทีคอนมหาลัย เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับคนเกาหลีเป็นอันดับแรก จากนั้นก็หวังให้เพลงติดชาร์ตในประเทศสูงๆ เพื่อให้กระแสของวงแข็งแรง สิ่งที่จะตามมาก็คือการได้โฆษณาสินค้าดังๆ ในประเทศ แล้วค่อยลุ้นเรื่องยอดขายอัลบั้ม และมาตรวัดอื่นๆ ในประเทศต่อไป
จากนั้นเมื่อฐานในประเทศเข้มแข็งแล้ว ค่อยขยายไปตลาดต่างประเทศต่อ
แต่ BM ต่างจากวงอื่นๆ มาก เนื่องจากเป็นวงที่มีฐานแฟนคลับเยอะมากๆ ตั้งแต่ก่อนเดบิ้ว จากการเป็นของ YG หรือบางคนก็เรียกว่าวงน้องสาว BP ฐานแฟนคลับก็เลยแน่นมากมาตั้งแต่เริ่มต้นทำ Survival เพราะวงที่มีสมาชิกเยอะ การสร้างความรับรู้ให้คนฟังรู้จักว่าใครชื่ออะไร หน้าตาแบบไหน เก่งด้านไหน บุคลิกส่วนตัวเป็นอย่างไร และความสามารถดีจริงหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้จะปูพื้นให้คนตามเชียร์ ตามเอาใจช่วยเด็กๆ แล้วกลายเป็นแฟนคลับไปแบบไม่รู้ตัว
ผลก็คือมีฐานแฟนคลับไม่ว่าจะเป็น Blink หรือคนที่ชอบเพลงแนว YG มาตามเชียร์เด็กๆ มากขึ้น จนเรียกว่าฐานแฟนคลับเติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นมาอย่างโดดเด่น
ทีนี้พอฐานแฟนคลับมันเติบโตรวดเร็ว ก็สามารถเลือกแนวทางโปรโมทที่หลากหลายได้ โดยประเมินว่าต้องการตีตลาดแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่างตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ
----
ประเด็นที่ 3 : รูปแบบการโปรโมท
จากที่พูดไปในประเด็นที่ 1 เรื่องเวลาการทำงาน ดังนั้นเมื่อวงนี้สามารถสร้างฐานแฟนคลับได้แข็งแรงแล้ว และไม่ได้เป็นแค่ฐานแฟนคลับในประเทศ แต่มีฐานแฟนคลับทั่วโลกแล้ว ก็ต้องตัดสินใจว่าจะเน้นอย่างไร ให้ใช้เวลาในการทำงานของเด็กๆ แล้วคุ้มค่าที่สุด
YG มันก็เลยเลือกเน้นการโปรโมทผ่าน Social Platform ต่างๆ มากกว่า โดยเฉพาะ Youtube และเน้นออกรายการทีวีที่ดังๆ และมียอดคนดูเยอะๆ เท่านั้น ไม่ได้หว่านแหไปทุกรายการจนหน้าช้ำ แต่เลือกอย่างดีว่าควรต้องไปรายการไหน ซึ่งผลตอบรับที่เราเห็นได้ชัดเจนคือไม่ว่าจะไปรายการไหน ยอดวิว ยอด Engegement ก็เยอะมากๆ อย่างรายการใน Youtube หลายรายการ ตอนที่ BM ไป ก็สร้างสถิติยอดคนดูสูงมากๆ บางรายกลายเป็นยอดวิวสูงสุดของรายการก็บ่อยไป
การโปรโมทหลักๆ ของ BM ที่ทาง YG เลือก กลับกลายเป็นการโปรโมทผ่านทาง Youtube ของช่อง BM เองนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำ MV และ Dance Performance หลายๆ เพลง เพราะทำแล้วคุ้ม เนื่องจากมีรายได้จากยอดวิว และได้ฐานข้อมูลของคนดูที่ชัดเจน ว่าเป็นใคร มาจากไหน ดูจนจบคลิปมากน้อยกี่ % ซึ่งข้อมูลต่างๆ เหล่านี้มันเอาไปวิเคราะห์ต่อยอดได้มาก
อย่างอัลบั้มล่าสุด ก็ทำ MV และ Dance Performance เกือบทุกเพลงเลย นี่ยังคาใจว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วทำไมไม่ทำ Love, Maybe ไปอีกเพลงเลย ทำแบบ Stuck in the middle ก็ได้ ยืนร้องกันสวยๆ ยอดวิวก็น่าจะเยอะเหมือนกัน
หากเข้าไปดูยอดวิวในช่อง Youtube ของ BM จะเห็นว่ายอดวิวรวมของช่องทะลุห้าพันล้านวิวขึ้นไปแล้ว ถือว่าสูงมากๆ และสะท้อนว่ามันไม่ได้แค่ยอดปั่นของแฟนคลับแน่ๆ แต่มันเป็นยอดที่มาจากคนสนใจในระดับทั่วโลกจริงๆ
----
ประเด็นที่ 4 : การไม่ขึ้นรายการเพลง และไม่ไปขึ้นเวทีมหาลัย ไม่เต้น Challenge ร่วมกับวงอื่นๆ
ในส่วนของรายการเพลง อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า YG มันมีปัญหากับช่องสถานีหลายช่องพอสมควร และก็ไม่ขึ้นรายการเพลงช่องเคเบิ้ลสักเท่าไหร่ ทำให้ก็เหลือขึ้นเวทีแค่สองรายการเท่านั้น คือ SBS INKIGAYO กับ MusicCore แค่สองรายการเท่านั้น ส่วนรายการปลายปีก็ขึ้นแค่เวทีของ SBS รายการเดียว
ถามว่าอยากให้ขึ้นเวทีเยอะกว่านี้หรือเปล่า ก็อยากแหละ แต่ถ้าขึ้นหลายรายการ มันก็ต้องใช้งบทำฉากหลัง ทำเวทีเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่ายต้องเป็นคนจ่ายในการตบแต่งเวที และถ้าขึ้นหลายเวที มันก็ช้ำ ทำให้ยอด engagement เวทีหลังๆ ก็จะน้อยลง
สิ่งที่ YG เลือกที่จะทำก็คือการส่งไปสองช่องแสดงเวทีละ 2 รอบ แล้วก็จบโปรโมทในรายการเพลงไป จากนั้นเอางบไปทุ่มทำ Dance Performance ลงช่องตัวเองดีกว่า ซึ่งตรงนี้รายได้จากยอดวิวก็จะเข้าค่าย และเข้าศิลปินโดยตรง
ในส่วนของเวทีมหาลัย หากตามเด็กๆ ก็จะรู้ดีว่ามันคาบเกี่ยวกับช่วงเด็กๆ ออกทัวร์ตลอด ทำให้ไปไม่ได้ อย่างตอน SHEESH แล้วเดบิ้วอย่างเป็นทางการ จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาก็เดินสาย Fanmeet เอเชีย ซึ่งก็ตรงกับช่วงเวทีมหาลัยพอดี หรืออย่างปีล่าสุดตอนออกอัลบั้ม Drip ก็มี World Tour แล้ว และตารางก็ชนกับงานมหาลัยพอดี มันก็เป็ฯไปได้ยากที่จะให้เด็กเอาเวลาพักผ่อนไปขึ้นงานมหาลัย แค่นี้ก็งอม ป่วยกันเป็นระยะๆ แล้ว ไหนจะเรื่องชั่วโมงการทำงานอีก
ส่วนเรื่องการเต้น Challenge ร่วมกับวงอื่นๆ อันนี้ส่วนตัวก็อยากให้ทำเหมือนกัน อยากเห็นเด็กๆ สนิทกับวงอื่นๆ มีโอกาสใช้เวลา สร้าง Connection ร่วมกับวงอื่นๆ เอาแค่ GG ก็ได้ แต่ YG ก็ดูเหมือนจะไม่ต้องการให้ศิลปินตัวเองไปเต้นกับวงอื่นๆ นอกค่ายสักเท่าไหร่ จะเป็นเพราะกลัวดราม่าที่ไม่จำเป็นเกิดขึ้น เช่นไปเต้นแรงเกินหน้าเกินตาวงต้นฉบับอะไรทำนองนี้ให้มีปัญหาเข้ามา ก็เลยให้แค่ไปอัดรายการบนเวที จบแล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนน่าจะดีกว่า คงคิดแบบนี้มั้ง แต่ยังไงส่วนตัวก็อยากเห็นเด็กๆ มี Moment ร่วมกับวงอื่นๆ อยู่ดีนะ มันก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายนักหรอก
แต่ก็อย่างที่รู้กัน ขนาดจะให้หน้าศิลปินไปโผล่ในคลิปของค่ายอื่นๆ ยังห้ามเลย ตอนลิซ่าไปเที่ยวกับมินนี่และสร ยังโผล่มาได้แค่เสียงเลย ก็เป็นกติกาของค่ายที่ศิลปินต้องปฏิบัติตาม จนกว่าค่ายจะเปลี่ยนกฏแหละ
---
ประเด็นที่ 5 : เรื่องแนวเพลงไม่ชัดเจน
อันนี้ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ BM ปล่อยเพลงมาหลากหลายแนวมาก มีทั้ง Dark มากๆ และสดใสมาก อย่างเพลงล่าสุดก็เหมือนทำออกมาแบบใสๆ แบ้วๆ สไตล์ YG สุดๆ ประหนึ่งออกมาเอาใจวัยรุ่นฝันน้ำนมยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งหลายคนก็มองต่าง บางคนก็อยากให้เน้นแนวทางให้ชัดเจนไปเลย สร้างภาพจำว่านึกถึงวงนี้ ก็นึกถึงเพลงสไตล์นี้ไปเลย
แต่หลายคนรวมถึงเราก็มองว่าวงพึ่งออกมาปีกว่า มีอัลบั้มสองชุด การออกเพลงหลายๆ แนวให้คนเห็นว่าทำได้ดีทุกแนวมันก็มีข้อดีเหมือนกัน
ถ้าถามเราว่าภาพจำของ BM กับเพลงคืออะไร เราว่ามันคือเพลงที่เน้นในการไปแสดงบนเวทีนี่แหละ ล่าสุดเราไปดูคอน BM มา เราว่ามมันสนุกมากเลยนะ แม้ว่าจะมากันแค่ 6 คนก็ตาม แต่ในงานมันครบรสเลย ไม่ใช่หนักๆ อย่างเดียว แต่เปิดคอนด้วยเพลงหนักๆ แรงๆ แล้วมีช่วงให้ผ่อนคลายกับเพลงแนวเบาๆ คั่นด้วยโซโล่ แล้วค่อยมาบิ้วอารมณ์ท้ายคอน ปิดด้วย Encore สนุกๆ เราว่ามันครบรสเลย ซึ่งถ้าเพลงไม่หลากหลาย มันก็ไม่ได้อารมณ์แบบนี้ในคอนนะ
ส่วนเรื่องเพลงไม่ดี หรือเพลงยังไม่โดน อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนฟัง เราก็ยังหวังว่าจะได้เพลงดังๆ ถูกใจคนฟังทั้งเกาหลี และทั่วโลก เหมือนตอน BP ได้เพลง 4D แล้วก้าวไปอีกระดับได้ จากนั้นก็ค่อยๆ ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นตำนานแบบทุกวันนี้
ล่าสุดฟังเพลง Golden แบบ AI เวอร์ชั่น BM แล้วเข้ามาก ท่อนฮุคนี่คิดถึงเสียงอายอนมาก พอเอามาทำเป็น AI แล้วเข้ามากเลย หวังว่า YG จะทำเพลงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ
ส่วนเพลงที่ออกมา เราว่าเราก็ชอบเป็นส่วนใหญ่นะ มีไม่กี่เพลงที่ฟังแล้วเฉยๆ แต่เชื่อว่าทำได้ดีกว่านี้ เมื่อเห็นความสามารถของเด็กๆ ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เราว่ากรอบในการทำเพลงมันก็จะกว้างขึ้น แล้วน่าจะได้เห็นเพลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แน่ๆ
----
สรุปปิดท้าย
เราว่าไม่ผิดที่หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยในแนวทางการโปรโมทของ YG กับ BM เพราะก็ดูว่าจะไม่ได้เน้นตลาดในประเทศเท่าไหร่ ไม่ค่อยส่งเด็กไปออกรายการต่างๆ มากเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับวงอื่นๆ ในเจน 5 แต่อย่าลืมว่าวงอื่นๆ ในเจน 5 ไม่มีวงไหนที่ได้ทัวร์คอนใน Scale ใหญ่เท่า BM นะ มีสาวจูบที่มีทัวร์คอนบ้างแล้ว แต่บริบทก็ต่างกันพอสมควร
ในขณะที่วงอื่นๆ ไม่ได้ต้องไปทัวร์คอนแบบบินเป็นนกทุกอาทิตย์แบบนี้ ก็เลยมีเวลาว่าง มีเวลาทำงานในประเทศมากกว่า ก็ไม่แปลกที่จะเห็นเขาเน้นโปรโมทในประเทศมากกว่า BM เพราะ Concept ในการตีตลาดมันต่างกัน
สำหรับ BM เราว่า YG ก็ทำได้ดีกว่าที่เราคิดแล้ว เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีแรกหลังเดบิ้ว เทียบกับ BP แล้ว YG ทุ่มเทกับ BM มากกว่าเยอะ อาจจะเพราะรู้ดีว่าอนาคตยังไง BP ก็จะไม่ต่อสัญญาแล้วแน่ๆ ถ้าไม่สามารถทำให้ BM ติดตลาดได้ ค่ายก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการเงินได้ สิ่งที่ต้องเร่งทำคือสร้างฐานแฟนคลับระดับโลกให้ BM ให้ไดไวที่สุด ส่วนเกาหลีก็เอาเท่าที่ได้ จากนั้นเมื่อฐานแฟนคลับเยอะ โดยวิเคราะห์จากข้อมูลหลังบ้านผ่าน Social Platform ต่างๆ ก็พอจะรู้ว่าไปจัดคอนที่เมืองไหนได้บ้าง
จากนั้นก็เร่งออกเพลงให้เยอะพอที่จะจัดคอนได้ แล้วก็เริ่มลุยเลย ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า YG มันประเมินถูก เพราะแทบทุกเมืองที่ไปก็ sold out เกือบหมด แถมฐานแฟนคลับมาเมกาก็เติบโตไวมาก จนสามารถไปจัดเมืองอื่นๆ เพิ่มได้อีกถึง 6 เมือง กับวงที่พึ่งเดบิ้วอย่างเป็นทางการไม่ถึง 2 ปี ทำได้ขนาดนี้เราว่าก็สุดยอดแล้วนะ
ส่วนเกาหลีที่บอกว่าโปรโมทน้อย BM ก็เป็น GG เจน 5 วงแรกที่จัดคอนที่ KSPO Dome แล้ว sold out บัตรหมดทั้งสองวัน แถมสถิติยอดขายก็อยู่อันดับต้นๆ ของ GG ได้เลยนะ แสดงว่าฐานแฟนคลับก็ไม่ธรรมดา ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จก็มีแค่เรื่องถ้วยรางวัลรายการเพลง และชาร์ตเกาหลีเท่านั้นเอง ปัจจัยอื่นๆ อย่างยอดอัลบั้ม, ยอด engagement, ยอดบัตรทัวร์คอน, ยอดขายสินค้าที่ระลึก, ยอดขายแท่งไฟ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ดีหมดนะ
มารอลุ้นกันว่าหลัง Comeback 1 ตค. แล้ว จะประกาศทัวร์คอนที่ไหนเพิ่มอีก เพราะยังเหลือโซนยุโรปที่ยังไม่ได้ทัวร์ และอาจจะมีลุ้น Dome Tour ที่ญี่ปุ่นอีก เพราะตอนนี้เพลงน่าจะมีมากพอให้จัด Dome Tour ได้แล้วนะ