อัลกอริทึมของการภาวนา เป็นอย่างไร
วันนี้ มาชวนคิดชวนคุย เรื่อง ภาวนาครับ บางท่าน อาจว่า ผมชอบแสดงความคิดเห็นแบบนึกเอาเอง อันที่จริง ผมก็นำสิ่งที่เคยอ่านเคยฟังมาเรียงตามความเข้าใจของผม ธรรมะคิดเองโดยไม่อ้างคำสอนไม่ดีครับ อยากฟังความคิดเห็นของทุกๆคนครับ จะได้เปิดมุมมองที่เรายังไม่เคยได้ยิน
คำว่า อัลกอริทึม ก็คือ การเรียงลำดับขั้นตอน ทาง AI อธิบายยกตัวอย่างว่า เช่น ในการเรียงลำดับในทางคณิตศาสตร์ เช่น เราต้อง คูณ ก่อน หาร ก่อน บวก ก่อน ลบ เป็นต้น
แล้วการภาวนาละ จะมี อัลกอริทึมอย่างไร มันก็ต้องมีการเรียงลำดับ ยกตัวอย่าง เช่น
คำว่า มีสติ หายใจออก มีสติ หายใจเข้า เขียนในพระสูตร อย่างนี้ ผมก็ไม่ได้เรียนภาษาบาลี ผมอยากถามว่า ทำไมต้องหายใจออกก่อน หายใจเข้าก่อนได้หรือเปล่า ทำไมต้องมีสติก่อน แล้วหายใจเข้า
คำว่า สติ หมายถึง จิตระลึกได้ ระลึกอะไร ระลึกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่น การหายใจออก เกิดผัสสะที่ปลายจมูก จิตระลึกได้ว่า ผัสสะเช่นนี้คือหายใจออก ถ้าจะเรียงลำดับก็ควร หายใจออก แล้วตามด้วย มีสติ
การหายใจ เข้า น่าจะเกิดก่อน หายใจออก เช่น การบริกรรมพุธโท เวลา บริกรรมว่า พุท มันต้องหายใจเข้า ท่านลองบริกรรมพุธ ตอนหายใจออกสิครับ แล้วหายใจเข้า ว่าโท มันจะลำบากหรือเปล่า
ผมจะลองเรียงลำดับการภาวนาตามแนววิปัสสนา ว่าอย่างนี้นะครับ ถ้าท่านเห็นไม่ถูก ก็ลองเรียงดู ใหม่ว่า ทำอย่างไร
สมุติ ว่าเราศึกษา ทฤษฎี (ปริยัติ) เข้าใจคำสอน ละจะมานั่งภาวนา ตามแนวสติปัฏฐานสี่ ในหมวด อานาปานสติ
เอาตามคำสอนเลย พระองค์ตรัสว่า เมื่อภิกษุสงัดจากกาม ก็แสดงว่า การสงัดจากกาม เป็นขั้นตอนแรกก่อนภาวนา สงัดจากกามก็หมายถึงออกไปจากสิ่งเร้า สิ่งเย้ายวน เราคงไม่ไปภาวนา ท่ามกลาง สาวสวย วับๆแวมๆ หรือ ก็เสียงเพลงเร้าใจ ก็คือหาที่สงบก่อน
ขั้นตอนต่อมา ก็นั่งนั่งคู้บัลลังก์ ตั่งกายตรงดำรงค์สติใว้เบื้องหน้า หายใจออก มีสติ หายใจเข้า มีสติ ขั้นตอนนี้ก็คือสร้าง สติ ก็คือมีสติกับลมหายใจเข้าออกตรงจุดเดียวเท่านั้น
ขั้นตอนต่อมา หายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว หายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น อันนี้เรียกว่า สร้างสัมปชัญญะความรู้สึกตัว ทำได้หลายอย่าง เช่นรู้ว่า กำลังนั่งหายใจก็ได้ รู้ตามลมก็ได้
ขั้นตอน สาม ผนวก สติ กับ สัมปชัญญะ ให้ควบคู่กัน ขณะมีสติ หายใจเข้า หายใจออก แล้วก็ตามด้วย รู้ลมสั้นลมยาว รู้สึกตัว จะทำขั้นตอนนี้ จนซ้ำๆ ซากๆ จน สติอยู่กับลมหายใจต่อเนื่อง กลายเป็นสมาธิ(จิตตั้งมั้น) และสัมปชัญญะก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นญาณ อั้นนี้มีคนค้านตรึม ไม่เป็นไรครับ
ขั้นตอนสี่ การน้อมจิต จะทำเมื่อ จิตมีสมาธิพอสมควรและ เกิดสัมปชัญญะ ที่ต่อเนื่องพร้อมกัน ตัวจิตจะพิจารณา ความเป็นอนัตตาของตัวขันธ์ห้า เช่น ขณะที่เกิดใจลอย ก็จะรำพึง ว่าจิตไม่ใช่ตน จิตคิดได้เอง ถ้าตามประสาวิชาการดูจิต จิต เป็นผู้ดู ขณะจิตดู ตัวสัมปชัญญะ จะรับรู้ผ่านตัวจิต เพราะการรับรู้ของญาณ ต้องเกิดผ่านตัวจิต ญาณไม่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองโดดๆ
มันจะวนๆ ไปเรื่อย ถ้าจิตขาดสมาธิ ก็กลับไปทำ ขั้นตอนที่สองอีก ขั้นตอนที่สามอีก แล้วก็มาขั้นตอนที่สี่ ถ้าทำแล้วมีพลังพอ ก็จะเกิดวิปัสสนาญาณ ก็คือการบรรลุธรรมนั้นเอง
อัลกอริทึมหลังการบรรลุธรรม
เมื่อ ตัวจิต เป็นตัวป้อนข้อมูลด้วยการน้อมจิต ตัวญาณเป็นตัวรับข้อมูล
ก็จะทำให้ เกิดวิปัสสนาญาณ ต่อจากนั้น ตัวจิต จะละกิเลสสังโยชน์ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น มีในพระสูตร เล่มที่ 31 กล่าวใว้อย่างนั้น
เพราะกิเลส เกิดขึ้นที่จิต จิตละกิเลสได้เพราะ ตัวญาณตรัสรู้เห็นว่า ตัวจิตไม่ใช่ตน ไม่มีตนในจิต
ก่อนตรัสรู้ ตัวจิตจะเป็นผู้ ยึดเอาว่า จิตคือตนนั้น ถูกต้อง ถ้า เราบอกว่า ตัวญาณเป็นตัวยึดจิตว่า เป็นตน ไม่ถูกต้องเพราะตัวญาณเป็นอสังขตะธรรม จะมีกิเลสไม่ได้
อสังขตะธรรม จะเป็นได้สองอย่างคือ มีวิชชา กับมีอวิชชา เมื่อตรัสรู้ธรรม แล้ว ก็เป็น มีวิชชา เป็นขั้นตอนสุดท้าย พรมจรรย์จบแล้ว กิจอื่นไม่มีอีกแล้ว
ไม่รู้ว่า กระทู้นี้จะเป็นสาระหรือเปล่า ถ้าเห็นว่าไม่มีสาระก็ผ่านๆ ไปก็ได้ครับ
ถ้ามีความคิดเห็นดีๆก็แนะนำนะครับ การแนะนำให้ไปหาอาจารย์โน้นนี่นั้น ตั้งกระทู้ใหม่เถอะครับจะดีกว่า
อัลกอริทึมของการภาวนา เป็นอย่างไร
วันนี้ มาชวนคิดชวนคุย เรื่อง ภาวนาครับ บางท่าน อาจว่า ผมชอบแสดงความคิดเห็นแบบนึกเอาเอง อันที่จริง ผมก็นำสิ่งที่เคยอ่านเคยฟังมาเรียงตามความเข้าใจของผม ธรรมะคิดเองโดยไม่อ้างคำสอนไม่ดีครับ อยากฟังความคิดเห็นของทุกๆคนครับ จะได้เปิดมุมมองที่เรายังไม่เคยได้ยิน
คำว่า อัลกอริทึม ก็คือ การเรียงลำดับขั้นตอน ทาง AI อธิบายยกตัวอย่างว่า เช่น ในการเรียงลำดับในทางคณิตศาสตร์ เช่น เราต้อง คูณ ก่อน หาร ก่อน บวก ก่อน ลบ เป็นต้น
แล้วการภาวนาละ จะมี อัลกอริทึมอย่างไร มันก็ต้องมีการเรียงลำดับ ยกตัวอย่าง เช่น
คำว่า มีสติ หายใจออก มีสติ หายใจเข้า เขียนในพระสูตร อย่างนี้ ผมก็ไม่ได้เรียนภาษาบาลี ผมอยากถามว่า ทำไมต้องหายใจออกก่อน หายใจเข้าก่อนได้หรือเปล่า ทำไมต้องมีสติก่อน แล้วหายใจเข้า
คำว่า สติ หมายถึง จิตระลึกได้ ระลึกอะไร ระลึกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่น การหายใจออก เกิดผัสสะที่ปลายจมูก จิตระลึกได้ว่า ผัสสะเช่นนี้คือหายใจออก ถ้าจะเรียงลำดับก็ควร หายใจออก แล้วตามด้วย มีสติ
การหายใจ เข้า น่าจะเกิดก่อน หายใจออก เช่น การบริกรรมพุธโท เวลา บริกรรมว่า พุท มันต้องหายใจเข้า ท่านลองบริกรรมพุธ ตอนหายใจออกสิครับ แล้วหายใจเข้า ว่าโท มันจะลำบากหรือเปล่า
ผมจะลองเรียงลำดับการภาวนาตามแนววิปัสสนา ว่าอย่างนี้นะครับ ถ้าท่านเห็นไม่ถูก ก็ลองเรียงดู ใหม่ว่า ทำอย่างไร
สมุติ ว่าเราศึกษา ทฤษฎี (ปริยัติ) เข้าใจคำสอน ละจะมานั่งภาวนา ตามแนวสติปัฏฐานสี่ ในหมวด อานาปานสติ
เอาตามคำสอนเลย พระองค์ตรัสว่า เมื่อภิกษุสงัดจากกาม ก็แสดงว่า การสงัดจากกาม เป็นขั้นตอนแรกก่อนภาวนา สงัดจากกามก็หมายถึงออกไปจากสิ่งเร้า สิ่งเย้ายวน เราคงไม่ไปภาวนา ท่ามกลาง สาวสวย วับๆแวมๆ หรือ ก็เสียงเพลงเร้าใจ ก็คือหาที่สงบก่อน
ขั้นตอนต่อมา ก็นั่งนั่งคู้บัลลังก์ ตั่งกายตรงดำรงค์สติใว้เบื้องหน้า หายใจออก มีสติ หายใจเข้า มีสติ ขั้นตอนนี้ก็คือสร้าง สติ ก็คือมีสติกับลมหายใจเข้าออกตรงจุดเดียวเท่านั้น
ขั้นตอนต่อมา หายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว หายใจออกสั้น ก็รู้ว่าหายใจออกสั้น หายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น อันนี้เรียกว่า สร้างสัมปชัญญะความรู้สึกตัว ทำได้หลายอย่าง เช่นรู้ว่า กำลังนั่งหายใจก็ได้ รู้ตามลมก็ได้
ขั้นตอน สาม ผนวก สติ กับ สัมปชัญญะ ให้ควบคู่กัน ขณะมีสติ หายใจเข้า หายใจออก แล้วก็ตามด้วย รู้ลมสั้นลมยาว รู้สึกตัว จะทำขั้นตอนนี้ จนซ้ำๆ ซากๆ จน สติอยู่กับลมหายใจต่อเนื่อง กลายเป็นสมาธิ(จิตตั้งมั้น) และสัมปชัญญะก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นญาณ อั้นนี้มีคนค้านตรึม ไม่เป็นไรครับ
ขั้นตอนสี่ การน้อมจิต จะทำเมื่อ จิตมีสมาธิพอสมควรและ เกิดสัมปชัญญะ ที่ต่อเนื่องพร้อมกัน ตัวจิตจะพิจารณา ความเป็นอนัตตาของตัวขันธ์ห้า เช่น ขณะที่เกิดใจลอย ก็จะรำพึง ว่าจิตไม่ใช่ตน จิตคิดได้เอง ถ้าตามประสาวิชาการดูจิต จิต เป็นผู้ดู ขณะจิตดู ตัวสัมปชัญญะ จะรับรู้ผ่านตัวจิต เพราะการรับรู้ของญาณ ต้องเกิดผ่านตัวจิต ญาณไม่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองโดดๆ
มันจะวนๆ ไปเรื่อย ถ้าจิตขาดสมาธิ ก็กลับไปทำ ขั้นตอนที่สองอีก ขั้นตอนที่สามอีก แล้วก็มาขั้นตอนที่สี่ ถ้าทำแล้วมีพลังพอ ก็จะเกิดวิปัสสนาญาณ ก็คือการบรรลุธรรมนั้นเอง
อัลกอริทึมหลังการบรรลุธรรม
เมื่อ ตัวจิต เป็นตัวป้อนข้อมูลด้วยการน้อมจิต ตัวญาณเป็นตัวรับข้อมูล
ก็จะทำให้ เกิดวิปัสสนาญาณ ต่อจากนั้น ตัวจิต จะละกิเลสสังโยชน์ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น มีในพระสูตร เล่มที่ 31 กล่าวใว้อย่างนั้น
เพราะกิเลส เกิดขึ้นที่จิต จิตละกิเลสได้เพราะ ตัวญาณตรัสรู้เห็นว่า ตัวจิตไม่ใช่ตน ไม่มีตนในจิต
ก่อนตรัสรู้ ตัวจิตจะเป็นผู้ ยึดเอาว่า จิตคือตนนั้น ถูกต้อง ถ้า เราบอกว่า ตัวญาณเป็นตัวยึดจิตว่า เป็นตน ไม่ถูกต้องเพราะตัวญาณเป็นอสังขตะธรรม จะมีกิเลสไม่ได้
อสังขตะธรรม จะเป็นได้สองอย่างคือ มีวิชชา กับมีอวิชชา เมื่อตรัสรู้ธรรม แล้ว ก็เป็น มีวิชชา เป็นขั้นตอนสุดท้าย พรมจรรย์จบแล้ว กิจอื่นไม่มีอีกแล้ว
ไม่รู้ว่า กระทู้นี้จะเป็นสาระหรือเปล่า ถ้าเห็นว่าไม่มีสาระก็ผ่านๆ ไปก็ได้ครับ
ถ้ามีความคิดเห็นดีๆก็แนะนำนะครับ การแนะนำให้ไปหาอาจารย์โน้นนี่นั้น ตั้งกระทู้ใหม่เถอะครับจะดีกว่า