[CR] รีวิวสงครามส่งด่วน + วิเคราห์เเต่ละฉากตามความคิดเห็นส่วนตัว

ขอฝาก blog รีวิวของเราด้วยนะคะ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=agirlinbigworld&month=06-2025&date=06&group=1&gblog=1
เรื่องนี้นอกจากจะสนุกมากๆเเล้วยังได้เเรงบันดาลใจ ให้คนดูลุกขึ้นสู้ อาจจะไม่ต้องก่อตั้งธุรกิจก็ได้ เเค่สู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ ไม่ว่าจะงานหนัก รถติด เงินหมด เเฟนขี้บ่น
เรื่องนี้จะทำให้เรามีกำลังใจที่จะผ่านมันไปได้เเน่นอน

เป็นซีรี่ส์ที่เป็นเรื่องราวอิงชีวิตจริงของ คุณ คมสันต์ เเซ่ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express ซึ่งเป็น start up ยูนิคอร์นตัวเเรกของประเทศไทย
เเน่นอนว่า การที่จะเป็นเจ้าของบริษัท start up ยูนิคอร์นเจ้าเเรกของไทย คุณ คมสันต์ จะต้องมีความมุ่งมั่น บ้าระห่ำ เเละ สู้ไม่ถอย ในการฝ่าห่าพายุของปัญหาต่างๆที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ไม่ยั้งเเบบซุปเปอร์คอมโบ
ซึ่งสิ่งนี้ก็จะถูกถ่ายทอด ในบทบาท ของตัวละครนำ อย่าง สันติ


สันติได้พบกับ เจ้าสัวคณิณ เจ้าของบริษัทเครือคณิณกรุ๊ป ผู้ยิ่งใหญ่เเห่งประเทศไทย
ที่งานบรรยายของมหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่ง
โดย คณิณ ได้ยิงคำถามให้นักศึกษามหาลัย ลองขายของให้เขา
ซึ่งสันติ เลือกจะขาย เก้าอี้ เพราะ คณิณ ยืนบรรยายมานานเเล้วคงจะเมื่อย เป็นการมองถึงความต้องการของผู้บริโภค
คณิณ ถามกลับ เเล้วจะขายเท่าไหร่ มีหลายคนเเย่งกันตอบคำถาม ยื่นเสนอราคา 500 200 1000
เเสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเเต่ละคน ก็จะเเข่งกันยื่นข้อเสนอเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด
วกกลับมาที่สันติ เขากลับบอกว่า ถ้าเก้าอี้ทั้งหมดเป็นของเขา เขาขายเเพงเเค่ไหน คณิณก็ต้องยอมจ่าย ทำให้คณิณถูกใจสันติ บอกว่าตอนนี้เขาได้เป็นหัวเเถวในการตั้งเเถวใหม่เเล้ว
ส่วนตัวเรามองว่าสิ่งที่ สันติพูดก็คือ การสื่อถึงการตลาดเเบบผูกขาดนั่นเอง ซึ่งส่วนตัวเเล้วเราคิดว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถึงในโลกโซเชียลมีเดีย จะมีการเดากันไปต่างๆนาๆว่า เจ้าสัวคณิณ ในชีวิตจริงเเล้วจะเทียบได้กับบริษัทขนส่งใด ที่เป็นคู่เเข่งของ FlasH Express เเต่ส่วนตัวเเล้วเราคิดว่า ตัวละคร คณิณ สื่อถึงคู่เเข่งในโลกทุนนิยมทั่วๆไปเเบบไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร ให้ได้เห็นว่า โลกของทุนนิยม เมื่อคิดจะลงสนามเเข่งก็จะเจอการฟาดฟัน เเละอาจจะรวมถึงเล่ห์กลจากคู่เเข่งได้ทุกรูปแบบ เพื่อบดขยี้ธุรกิจคู่เเข่งให้เละ

สันติเป็นชายหนุ่มทำงานในเหมือนทราย ถึงเขาจะเป็นเเค่คนงานคนหนึ่งเเต่เขาพกความมุ่งมั่นเเละความทะเยอทะยานมาเต็มเปี่ยม
เหมืองทรายเเห่งนี้เเม้เเต่ตัวเถ้าเเก่เองยังยอมเเพ้ เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาวะขาดทุนมาอย่างยาวนาน จนถูกมองว่า "เป็นเหมือนม้าเเก่ที่ใกล้ตาย"
ไม่มีใครจะคิดว่ามันจะสามารถ พลิกฟื้นมันขึ้นมาได้ เเต่ สันติ สามารทำได้ ความสามารถในการเป็นเจ้าของธุรกิจของเขาเริ่มจะฉายเเววตั้งเเต่ตอนนั้น  เขาได้เงินก้อนใหญ่จากเถ้าเเก่มาก้อนนึงจึงมุ่งหน้าเข้ามาตามความฝันของตัวเองที่กรุงเทพ เปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ

ตอนที่เขาทำอาชีพล่ามให้กับนักธุรกิจชาวจีน เขาได้พบกับ เสี่ยวหยู
เนื่องจากกิ๊กของเสี่ยต้องการให้เขาไปยืมลิปสติกจากคนในเรือมาให้ เเล้วก็ต้องเลือกมาจากคนที่ดูเทสดีที่สุด 
โดยปกติเเล้วลิปสติกเป็นของส่วนตัว คงไม่มีใครให้คนแปลกหน้ายืมอยู่เเล้ว สันติ จึงขอซื้อ เสี่ยวหยู ขาย 3000 ทั้งที่เป็นของมือสอง ซื้อมา 1500
ฉากนี้เรามองว่าเป็นการเเสดงถึงความเขี้ยวของเธอ ให้คนดูได้เห็นกันตั้งเเต่รู้จักตัวละครตัวนี้เป็นครั้งเเรกเลยทีเดียว ซึ่ง ความเขี้ยวก้ถือ เป็นเมนหลักของตัวละครตัวนี้ยันจบเรื่องเลย 

จนสันติได้ไปพบกับ เจ้าสัวคณิน  เจ้าของกลุ่มบริษัทใหญ่ที่มีกิจการหลากหลาย ก่อนจะมาเป็นนายทุนให้กับธุรกิจขนส่งราคาประหยัด ทว่า ในวันที่ฝันของสันติใกล้จะกลายเป็นจริง เจ้าสัวกลับตลบหลังเปลี่ยนให้  เคน มารับบทนซีอีโอของบริษัทแทน

สันติจากมาด้วยเเรงเเค้น เขาร่วมมือกับ เสี่ยวหยู ซึ่งจะมารับหน้าที่ cfo คุมงบการเงินดู  cash flow ของบริษัท สมกับนิสัยความเขี้ยว เเละพนักงานทุกคนก็จะบ่นถึงความเขี้ยวของ เสี่ยวหยู ตลอดเรื่อง เเละ ตัวนำอีกคนที่จะร่วมมือกับสันติคือ รุ่ยเจี๋ย  คนเรียกเขาว่า รุ่ยเจี๋ยวในตำนวน เพราะฝีมือการเขียนโปรแกรมระดับเซียนอย่างหาจับตัวได้ยาก นอกจากฝีมือร้ายกาจ ฝีปากก็ร้ายกาจพอกัน

ในชีวิตจริงเจ้านายอย่างรุ่ยเจี๋ยคงเป็นฝันร้ายของคนร่วมงานเเละลูกน้องหลายๆคน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะทนการขัดเกล้าจากคมปากเจ้านายกันได้ทุกคน

ในเรื่องลูกน้องจะต้องทนรับคำด่าของรุ่ยเจี๋ยเป็นปกติ ถึงจะพลิกมาซึ่งว่าเขาต้องการผลักดัน ให้ลูกน้องเก่งขึ้นเฉยๆก็เถอะ