ใจที่ระลึกจะออกจากการเสพกามเรียกว่าเนกขัมมะวิตก นี่เป็นเครื่องมือสำคัญไว้สู้กับใจที่คุ้นเคยกับการเสพกาม
สังเกตุพวกที่ไปปฏิบัติธรรมหรือไปอยู่วัด แล้วทำไมถึงไม่ค่อยมีกามวิตกหรือไม่มีกามวิตกมารบกวนนะ
เพราะว่าใจมันไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอก ไม่ได้ออกมาคลุกอยู่กับโลก มีใจใฝ่อยู่กับการปฏิบัติ
แต่พอกลับมาบ้าน กามวิตกก็กลับมารบกวน มันเป็นเพราะอะไร ก็เพราะใจมันกลับมาอยู่กับโลกนะ
มันเลยกลับมาคลุกอารมกับโลก มันลึมเนกขัมมะวิตกไป ใจมันก็กลับมายินดี กลับมาเพลิดเพลิน กลับมาเผลอเพลิน
ไปกับกามคุณ การไปหาที่อยู่ที่เหมาะกับการปฏิบัติเรียกว่าสัปปายะนะ ไม่ใช่เนกขัมมะ
ใจมันไม่ลืมเนกขัมมะวิตกที่ไหนก็เป็นสัปปายะได้นะ
เรื่องความใคร่ ถ้าไปตามใจมันก็เรียกว่าเสพเมถุน โดยมีการเริ่มมาจากปล่อยใจไปตามกามวิตก
กามวิตกเกิดขึ้นได้จากตาที่เห็นรูป(จะอายตนะอื่นก็เหมือนกัน) แต่ใจไปเสพอารมจากอารมที่ปรุงแต่งจากรูปที่เห็น
คือเพลิดเพลินในการดูรูป ยินดีไปกับรูปที่เห็น นี่เรียกว่าเสพกาม เห็นไหมว่าจะเลิกเสพกามมันไม่ใช่แค่เลิกเสพเมถุนนะ
แค่ตาเห็นรูปแล้วเผลอเพลินนี่ก็เสพกามแล้ว
อินทรีย์สังวรศีลจึงเป็นศีลที่สำคัญเอาไว้ขัดเกลา เพื่อให้รู้ทันเมื่อตาเห็นรูป แล้วไม่เผลอเพลิน เพื่อให้สำรวมเมื่อตาได้เห็นรูป
ใจจะได้ไม่เผลอเพลินไปยินดีกับรูปที่เห็น เมื่อไม่เผลอเพลิน ความตั้งมั่นในการออกจากการเสพกามก็จะเข้มแข็งขึ้นไปตามลำดับ
แต่ถ้าปล่อยมันกลับไปเสพอารมที่เป็นกามวิตกเมื่อไหร่ มันก็จะกลับมาเจริญงอกงามอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นวัชพืชที่โตไวที่สุด
เพราะฉะนั้นคนที่จะพ้นจากการเสพกามถึงต้องมีความเข้มงวดในการรักษาศีลเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อรักษาศีลได้ดีแล้ว แต่เมื่อมีตา จะไม่ให้ตาเห็นรูปก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อมีใจ จะไม่ให้รู้อารมก็เป็นไปไม่ได้
จึงต้องหมั่นดูใจ หมั่นสั่งเกตุใจ เพื่อขัดเกลาให้เกิดปัญญา เพื่อให้เห็นทุข เห็นโทษ เห็นภัย เห็นกระบวนการของการเกิดขึ้นของกามวิตก
เมื่อเห็นบ่อยเข้าๆ ปัญญาก็เกิด ความยินดีความเพลิดเพลินในกามคุณก็จะค่อยๆสิ้นไปหมดไป จะเห็นแต่ว่ามีแต่ทุขอย่างไร ว่ามีแต่โทษอย่างไร
สุดท้ายมันก็จะไม่ยินดีกลับไปเสพอีกเพราะเห็นว่ามีแต่ทุข มีแต่โทษ
ที่ยังเสพกันอยู่ก็เพราะไม่เห็น ทุข กับ โทษนะ
แม้แต่กับพระโสดาบันการจะสู้กับกามคุณแม้จะไม่ยากเท่าชาวบ้าน แต่ถ้าจะเอาให้พ้นจากกามคุณก็ยังต้องขัดเกลาอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นการจะเอาให้พ้นจากกามวิตกอย่างถาวรเนียไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือเรื่องที่จะทำเล่นๆ แล้วจะพ้นไปได้ ยากมากๆนะ
ระลึกถึงการรักษาศีลก็เป็นเนกขัมมะวิตกนะ ใช้เนกขัมมะวิตกเป็นกำลังเอาจะได้ไม่เผลอเพลิน
อานาปานสติถ้าเข้าใจก็ใช้ระลึกเป็นเนกขัมมะได้เหมือนกัน
คนที่ฝึกมาดีแล้วต่อให้อยู่ในงานเลี้ยงเปิดดนตรีเสียงดัง มีการแสดงต่างๆ ใจมันก็ไม่หวั่นไหว ตั้งมั่น ไม่ออกไปเสพอารมนะ
อีกวิธีนึงสำหรับพวกเสพเมถุนแล้วผิดศีลนะ ให้นึกถึงโทษเมื่อตกนรกนะ ถ้ามันเคยนะและมีปัญญาพอ กิเลศมันจะเงียบหมดเลยนะ เพราะมันเข็ดนะ
เลิกเสพเมถุนอย่างเดียวไม่พอหรอก
สังเกตุพวกที่ไปปฏิบัติธรรมหรือไปอยู่วัด แล้วทำไมถึงไม่ค่อยมีกามวิตกหรือไม่มีกามวิตกมารบกวนนะ
เพราะว่าใจมันไม่ได้ออกมาอยู่ข้างนอก ไม่ได้ออกมาคลุกอยู่กับโลก มีใจใฝ่อยู่กับการปฏิบัติ
แต่พอกลับมาบ้าน กามวิตกก็กลับมารบกวน มันเป็นเพราะอะไร ก็เพราะใจมันกลับมาอยู่กับโลกนะ
มันเลยกลับมาคลุกอารมกับโลก มันลึมเนกขัมมะวิตกไป ใจมันก็กลับมายินดี กลับมาเพลิดเพลิน กลับมาเผลอเพลิน
ไปกับกามคุณ การไปหาที่อยู่ที่เหมาะกับการปฏิบัติเรียกว่าสัปปายะนะ ไม่ใช่เนกขัมมะ
ใจมันไม่ลืมเนกขัมมะวิตกที่ไหนก็เป็นสัปปายะได้นะ
เรื่องความใคร่ ถ้าไปตามใจมันก็เรียกว่าเสพเมถุน โดยมีการเริ่มมาจากปล่อยใจไปตามกามวิตก
กามวิตกเกิดขึ้นได้จากตาที่เห็นรูป(จะอายตนะอื่นก็เหมือนกัน) แต่ใจไปเสพอารมจากอารมที่ปรุงแต่งจากรูปที่เห็น
คือเพลิดเพลินในการดูรูป ยินดีไปกับรูปที่เห็น นี่เรียกว่าเสพกาม เห็นไหมว่าจะเลิกเสพกามมันไม่ใช่แค่เลิกเสพเมถุนนะ
แค่ตาเห็นรูปแล้วเผลอเพลินนี่ก็เสพกามแล้ว
อินทรีย์สังวรศีลจึงเป็นศีลที่สำคัญเอาไว้ขัดเกลา เพื่อให้รู้ทันเมื่อตาเห็นรูป แล้วไม่เผลอเพลิน เพื่อให้สำรวมเมื่อตาได้เห็นรูป
ใจจะได้ไม่เผลอเพลินไปยินดีกับรูปที่เห็น เมื่อไม่เผลอเพลิน ความตั้งมั่นในการออกจากการเสพกามก็จะเข้มแข็งขึ้นไปตามลำดับ
แต่ถ้าปล่อยมันกลับไปเสพอารมที่เป็นกามวิตกเมื่อไหร่ มันก็จะกลับมาเจริญงอกงามอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นวัชพืชที่โตไวที่สุด
เพราะฉะนั้นคนที่จะพ้นจากการเสพกามถึงต้องมีความเข้มงวดในการรักษาศีลเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อรักษาศีลได้ดีแล้ว แต่เมื่อมีตา จะไม่ให้ตาเห็นรูปก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อมีใจ จะไม่ให้รู้อารมก็เป็นไปไม่ได้
จึงต้องหมั่นดูใจ หมั่นสั่งเกตุใจ เพื่อขัดเกลาให้เกิดปัญญา เพื่อให้เห็นทุข เห็นโทษ เห็นภัย เห็นกระบวนการของการเกิดขึ้นของกามวิตก
เมื่อเห็นบ่อยเข้าๆ ปัญญาก็เกิด ความยินดีความเพลิดเพลินในกามคุณก็จะค่อยๆสิ้นไปหมดไป จะเห็นแต่ว่ามีแต่ทุขอย่างไร ว่ามีแต่โทษอย่างไร
สุดท้ายมันก็จะไม่ยินดีกลับไปเสพอีกเพราะเห็นว่ามีแต่ทุข มีแต่โทษ
ที่ยังเสพกันอยู่ก็เพราะไม่เห็น ทุข กับ โทษนะ
แม้แต่กับพระโสดาบันการจะสู้กับกามคุณแม้จะไม่ยากเท่าชาวบ้าน แต่ถ้าจะเอาให้พ้นจากกามคุณก็ยังต้องขัดเกลาอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นการจะเอาให้พ้นจากกามวิตกอย่างถาวรเนียไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือเรื่องที่จะทำเล่นๆ แล้วจะพ้นไปได้ ยากมากๆนะ
ระลึกถึงการรักษาศีลก็เป็นเนกขัมมะวิตกนะ ใช้เนกขัมมะวิตกเป็นกำลังเอาจะได้ไม่เผลอเพลิน
อานาปานสติถ้าเข้าใจก็ใช้ระลึกเป็นเนกขัมมะได้เหมือนกัน
คนที่ฝึกมาดีแล้วต่อให้อยู่ในงานเลี้ยงเปิดดนตรีเสียงดัง มีการแสดงต่างๆ ใจมันก็ไม่หวั่นไหว ตั้งมั่น ไม่ออกไปเสพอารมนะ
อีกวิธีนึงสำหรับพวกเสพเมถุนแล้วผิดศีลนะ ให้นึกถึงโทษเมื่อตกนรกนะ ถ้ามันเคยนะและมีปัญญาพอ กิเลศมันจะเงียบหมดเลยนะ เพราะมันเข็ดนะ