สวัสดีครับ
ผมอายุ 43 ปี เริ่มคิดเรื่องทำประกันสุขภาพเพราะกลัวอนาคตจะเจ็บป่วยหนัก
ตอนนี้ผมไปดูกรมธรรม์สุขภาพหลายที่ ก็พบว่าปัจจุบัน ประกันสุขภาพแทบทั้งหมดจะเป็นแบบร่วมจ่าย (co-pay)
แล้วก็มีตั้งแต่ ร่วมจ่าย 20% – 30% แล้วแต่แผน
ตอนแรกผมก็มองโลกในแง่ดี คิดว่าดีกว่าไม่มี อย่างน้อยบริษัทประกันก็ช่วยจ่าย 70% – 80%
แต่พอผมมานั่งคิดจริง ๆ ก็เริ่มกลัวขึ้นมา
เพราะ ต่อให้ร่วมจ่ายแค่ 20% เราก็ยังต้องมีเงินก้อนอยู่ดี
เช่นถ้าวันนึงผมเป็นโรคใหญ่ ๆ อย่าง…
🔹 มะเร็ง
• ปีแรกอาจต้องรักษารวมเคมี+ฉายแสง+ผ่าตัด 1,000,000
ประกัน co-pay 20% ผมก็ต้องจ่ายเอง 200,000
• ปีถัดไปหมอบอกต้องคีโมซ้ำอีก 500,000 ผมก็ต้องจ่าย 100,000 เพิ่ม
🔹 โรคหัวใจ
• ถ้าต้องทำบอลลูนหรือบายพาส ค่าใช้จ่าย 600,000 – 800,000
ต้องจ่ายเอง 120,000 – 160,000
🔹 ไตวายเรื้อรัง
• ต้องฟอกไตเรื่อย ๆ ตกครั้งละหลายพัน รวมเดือนละ 40,000 – 50,000
ร่วมจ่าย 20% ก็ต้องจ่ายเองเดือนละ 8,000 – 10,000
ปีนึงก็ 100,000 – 120,000
ถ้าผมไม่มีเงินก้อนพวกนี้ ถึงจะทำประกันไว้ก็คงไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเอกชนอยู่ดี
สุดท้ายก็ต้องกลับไปใช้สิทธิ์บัตรทองหรือประกันสังคม รอเตียง รอคิว ตรวจทีละหลายเดือน
คนรอบตัวผมก็มีบางคนบอกให้ซื้อ CI (critical illness) เพิ่ม บอกว่าเป็นโรคร้ายแล้วจะได้เงินก้อน
แต่พอผมไปดูจริง ๆ ก็พบว่า…
• ต้องตรวจสุขภาพก่อน ไม่ใช่ใครอยากซื้อก็ซื้อได้
• CI ส่วนใหญ่คุ้มครองเฉพาะโรค เช่น มะเร็งระยะลุกลาม หรือหัวใจ ต้องเข้าเงื่อนไขเป๊ะ ๆ
• แล้วก็มักจ่ายก้อนเดียว เช่น 100,000 – 200,000 ถ้าเป็นโรคเดิมอีกก็หมดสิทธิ์
• แถมเบี้ยก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ
พอมานั่งคิดอีกที เลยรู้สึกว่าระบบนี้ บริษัทประกันได้เปรียบทุกทาง
เราต้องจ่ายเบี้ยทุกปี (ซึ่งก็ไม่ถูก)
แต่ถ้าวันนึงเราไม่มีเงินก้อนพอจ่าย co-pay ถึงแม้แค่ 20%
บริษัทก็ไม่ต้องจ่ายอะไร เราก็ยังต้องกลับไปโรงพยาบาลรัฐอยู่ดี
อยากถามเพื่อน ๆ ในพันทิปครับ
• มีใครคิดแบบนี้บ้าง หรือผมคิดมากเกินไป?
• ถ้าเราไม่มีเงินสำรองเลยจริง ๆ ควรทำประกันแบบนี้ หรือเอาเงินไปเก็บเป็นเงินฉุกเฉินดีกว่าครับ?
• หรือใครเคยมีประสบการณ์ว่าพอป่วยแล้วไม่มีเงินร่วมจ่าย ต้องกลับไปโรงพยาบาลรัฐจริง ๆ บ้าง ช่วยแชร์หน่อยนะครับ
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าครับ 🙏
💥 “ประกันสุขภาพ co-pay ร่วมจ่าย 20-30% จริง ๆ คนไม่มีเงินสำรองก็ยังหมดสิทธิ์? เป็นหัวใจ ไต มะเร็ง ต้องมีเงินก้อนอยู่ดี”
ผมอายุ 43 ปี เริ่มคิดเรื่องทำประกันสุขภาพเพราะกลัวอนาคตจะเจ็บป่วยหนัก
ตอนนี้ผมไปดูกรมธรรม์สุขภาพหลายที่ ก็พบว่าปัจจุบัน ประกันสุขภาพแทบทั้งหมดจะเป็นแบบร่วมจ่าย (co-pay)
แล้วก็มีตั้งแต่ ร่วมจ่าย 20% – 30% แล้วแต่แผน
ตอนแรกผมก็มองโลกในแง่ดี คิดว่าดีกว่าไม่มี อย่างน้อยบริษัทประกันก็ช่วยจ่าย 70% – 80%
แต่พอผมมานั่งคิดจริง ๆ ก็เริ่มกลัวขึ้นมา
เพราะ ต่อให้ร่วมจ่ายแค่ 20% เราก็ยังต้องมีเงินก้อนอยู่ดี
เช่นถ้าวันนึงผมเป็นโรคใหญ่ ๆ อย่าง…
🔹 มะเร็ง
• ปีแรกอาจต้องรักษารวมเคมี+ฉายแสง+ผ่าตัด 1,000,000
ประกัน co-pay 20% ผมก็ต้องจ่ายเอง 200,000
• ปีถัดไปหมอบอกต้องคีโมซ้ำอีก 500,000 ผมก็ต้องจ่าย 100,000 เพิ่ม
🔹 โรคหัวใจ
• ถ้าต้องทำบอลลูนหรือบายพาส ค่าใช้จ่าย 600,000 – 800,000
ต้องจ่ายเอง 120,000 – 160,000
🔹 ไตวายเรื้อรัง
• ต้องฟอกไตเรื่อย ๆ ตกครั้งละหลายพัน รวมเดือนละ 40,000 – 50,000
ร่วมจ่าย 20% ก็ต้องจ่ายเองเดือนละ 8,000 – 10,000
ปีนึงก็ 100,000 – 120,000
ถ้าผมไม่มีเงินก้อนพวกนี้ ถึงจะทำประกันไว้ก็คงไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเอกชนอยู่ดี
สุดท้ายก็ต้องกลับไปใช้สิทธิ์บัตรทองหรือประกันสังคม รอเตียง รอคิว ตรวจทีละหลายเดือน
คนรอบตัวผมก็มีบางคนบอกให้ซื้อ CI (critical illness) เพิ่ม บอกว่าเป็นโรคร้ายแล้วจะได้เงินก้อน
แต่พอผมไปดูจริง ๆ ก็พบว่า…
• ต้องตรวจสุขภาพก่อน ไม่ใช่ใครอยากซื้อก็ซื้อได้
• CI ส่วนใหญ่คุ้มครองเฉพาะโรค เช่น มะเร็งระยะลุกลาม หรือหัวใจ ต้องเข้าเงื่อนไขเป๊ะ ๆ
• แล้วก็มักจ่ายก้อนเดียว เช่น 100,000 – 200,000 ถ้าเป็นโรคเดิมอีกก็หมดสิทธิ์
• แถมเบี้ยก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ
พอมานั่งคิดอีกที เลยรู้สึกว่าระบบนี้ บริษัทประกันได้เปรียบทุกทาง
เราต้องจ่ายเบี้ยทุกปี (ซึ่งก็ไม่ถูก)
แต่ถ้าวันนึงเราไม่มีเงินก้อนพอจ่าย co-pay ถึงแม้แค่ 20%
บริษัทก็ไม่ต้องจ่ายอะไร เราก็ยังต้องกลับไปโรงพยาบาลรัฐอยู่ดี
อยากถามเพื่อน ๆ ในพันทิปครับ
• มีใครคิดแบบนี้บ้าง หรือผมคิดมากเกินไป?
• ถ้าเราไม่มีเงินสำรองเลยจริง ๆ ควรทำประกันแบบนี้ หรือเอาเงินไปเก็บเป็นเงินฉุกเฉินดีกว่าครับ?
• หรือใครเคยมีประสบการณ์ว่าพอป่วยแล้วไม่มีเงินร่วมจ่าย ต้องกลับไปโรงพยาบาลรัฐจริง ๆ บ้าง ช่วยแชร์หน่อยนะครับ
ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าครับ 🙏