สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
พี่เลี้ยงคุณทำถูกแล้ว ส่วนคุณหยุดค่ะ หยุดทำอะไรแปลกประหลาดแบบนั้นเช่นการพับนก การเขียนประโยคต่างๆที่คุณบรรยายมาคนปกติเขาไม่ทำกันความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมงานมันมีขอบเขตของมัน
สิ่งที่คุณควรทำคือตังใจทำงานผลิตผลงานให้ดีมีคุณภาพ โฟกัสผลงาน ทีมจะได้ไหลรื่น ของฝากเพลาๆลงไม่ได้จำเป็นอะไรและคุณไม่ต้องไปคาดหวังในเรื่องของฝาก น้ำใจกับผลงานคนละประเด็น
สั้นๆ ตั้งใจทำงานให้ดีที่ให้ทีมไหลรื่น ทำงานดีทำงานเก่งไม่เป็นตัวถ่วงแค่นี้พอ ที่นี่คือโลกการทำงาน
สิ่งที่คุณควรทำคือตังใจทำงานผลิตผลงานให้ดีมีคุณภาพ โฟกัสผลงาน ทีมจะได้ไหลรื่น ของฝากเพลาๆลงไม่ได้จำเป็นอะไรและคุณไม่ต้องไปคาดหวังในเรื่องของฝาก น้ำใจกับผลงานคนละประเด็น
สั้นๆ ตั้งใจทำงานให้ดีที่ให้ทีมไหลรื่น ทำงานดีทำงานเก่งไม่เป็นตัวถ่วงแค่นี้พอ ที่นี่คือโลกการทำงาน
สมาชิกหมายเลข 8584770 ถูกใจ, Bennie_CarameL ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 8068245 ถูกใจ, No need to carry on ถูกใจ, แย็บบ้าแด็บบ้าดู ถูกใจ, ไม่ต้องขอ ถูกใจ, It is a life ถูกใจ, cardiogenic ถูกใจ, บ้านนี้ยังมีรัก ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 4852604 ถูกใจรวมถึงอีก 2 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
พี่เลี้ยงที่ทำงานตัดขาด ชีวิตพังทั้งการงาน และความเป็นแม่ ไม่มีพลังมีชีวิตอยู่ต่อ
จนอดไม่ได้ที่จะให้ของ แสดงความขอบคุณอยู่บ่อย ๆ
เกือบ 1 ปี ผ่านไป ก็เกิดเรื่องขึ้น เหมือนแฟนของพี่เค้าเริ่มไม่โอเคกับการที่เราให้ของบ่อย ๆ (แม้ก็ให้คนอื่นในทีมด้วยบ้าง)
หลังจากนั้นพี่เค้าก็เริ่มค่อย ๆ ถอยห่าง ขอ space และขีดเส้นชัดเจนว่าเราไม่ควรสนิทกันเกินไป
แต่ยิ่งเจอแบบนี้ เราก็ยิ่งพยายามหาทางอ้อมอื่น ๆ หลายทางเพื่อให้กลับมาสนิทกันเหมือนเดิม... แต่ก็ไม่สำเร็จ
จนถึงวันนี้... 2 ปีต่อมา
>> ด้านการงาน
เราโดนย้ายทีม ย้ายแผนก และย้ายที่นั่ง มีคนในทีมรอบตัวทั้งส่วนรู้หมด
และผู้จัดการหลายคนดูจะรับรู้เรื่องนี้ และแสดงความกังวลว่าเรายังไหวไหม ยังมีพลังใจเหลือไหม รู้สึกเหมือนเราไม่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานสำคัญอีกต่อไป
ส่วนพี่เลี้ยงได้จังหวะ ก็ unfriend เราใน Facebook ไม่ตอบไลน์หรือแชทใด ๆ อีกแล้ว เว้นแต่เรื่องงานที่จำเป็นจริง ๆ และน่าจะเฉพาะตอนที่ไม่สามารถถามคนอื่นได้เท่านั้น
>> ด้านชีวิตส่วนตัว
เราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลูกเป็นออทิสติก
ทุกวันนี้เรารู้สึกไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากเจอลูก ไม่มีพลังใจเหลือมา engage กับลูก ก็รู้สึกผิดกับลูกแหละ เคยภูมิใจในความเป็นแม่ของตัวเองด้วยซ้ำ
เราใช้การเล่นเกมและดู anime เพื่อให้มีชีวิตต่อ โฟกัสทำงานได้ในวันถัดไป
สิ่งที่เราพยายามทำไปแล้ว เพื่อขอคืนดี :
- พับนกกระดาษ 1,000 ตัว ใส่โหลแก้ว
- เขียน 1,000 ประโยคที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อขอคืนดี ลงในกระดาษ 100 ปอนด์เต็มแผ่น
- ก่อนโดนย้ายทีม เราทำงานหนักมากตลอด รวมถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นอกจากเรื่องงาน
เราก็คอยซื้อของฝากให้ทั้งทีม จัดหาของส่วนกลาง ใช้ทั้งแรงกายและใจ
- เรายอมรับทุกอย่างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความผิดของเราเองทั้งหมด
- เราบอกว่าไม่ได้หวังอะไรเกินเลยเลยจริง ๆ แค่อยากได้ความสัมพันธ์ที่ดีในแบบพี่น้องอีกครั้งก็เพียงพอ
ตอนนี้เราตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่อยาก engage กับใครเลยนอกจากเรื่องงาน
เพราะไม่อยากเห็น connection หรือปฏิสัมพันธ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในชีวิตจริงและบน social media
เพื่อให้เรายังสามารถทำงานให้ไหว ไม่เป็นภาระกับที่ทำงาน และยังพอรับมือกับการเป็นแม่ของลูกออทิสติกคนหนึ่งได้
ป.ล. พี่เลี้ยงคนนี้เป็นผู้หญิงแนวแมน ๆ และมีแฟนเป็นผู้หญิงค่ะ เราเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์อยากคืนดีอะไรแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
ถ้ามีใครผ่านมาอ่าน อยากขอคำแนะนำหรือกำลังใจ
ว่าเราควรทำอะไรอีกได้บ้าง ให้ตัวเรามีคุณค่า มีความดี มีประโยชน์ พอที่เขาจะวางใจ สร้างความสัมพันธ์อันดีขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ถ้านั่นคือ ultimate life goal ของเราในตอนนี้
อย่าไล่ไปถาม AI เลยนะคะ เพราะเราคุยกับมันเรื่องนี้กับมันทุกวันมาเป็นปีแล้ว
แต่วันนี้...อยากได้มุมจากคนบ้าง