JJNY : 5in1 โรมดักคอพท.│โคราชเดือด│ผู้ผลิตแอร์มองต่าง│บอกไทยหยุดโทษกัมพูชา│สม รังสีเผยเหยื่อถูกบังคับ สร้างรายได้ส่งต่อ

โรม ดักคอพท. เข้าโหมดเอาตัวรอด ไม่รับนิรโทษฉบับปชน.-ปชช. ก็อย่ารับเหยื่อ โยนพรรคร่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5270489
.
.
โรม ยัน ยุบสภาฯ​ คือทางออกของประเทศที่ดีที่สุด เย้ย ความน่ากลัวที่สุดไม่ใช่สีส้ม แต่คือสีแดงที่ล้มเหลวในทุกด้าน ย้อนถาม ‘เพื่อไทย’ ยังมีกระจิตกระใจอยากผ่านร่างกฎหมายหรือไม่ หรืออยู่ในโหมดซูไววัล ดักคอ อย่าทำตัวเป็นเหยื่อ โยนพรรคร่วมรัฐบาลขี่คอไม่รับนิรโทษ ‘ปชน.-ภาคประชาชน’ 
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทยของเครือเนชั่นว่าการเมืองไทยยังไม่ถึงทางตัน เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า ตนเห็นด้วยกับที่นายทักษิณบอกว่ายังไม่ถึงทางตัน แต่ทุกฝ่ายต้องไม่พยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าทางตัน ซึ่งเชื่อว่าการเมืองไม่มีทางตัน มีทางออกเสมอ เพียงแค่มีบางฝ่ายที่พยายามสร้างทางตันเช่นนั้น
.
แต่ปัญหาคือ เมื่อนายทักษิณทราบว่า อาจจะมีบางฝ่ายที่พยายามจะสร้างสถานการณ์เช่นนั้น คำถามคือนายทักษิณจะทำอย่างไร จะปล่อยให้บ้านเมืองถูกบริหารในสภาวะที่รัฐบาลขาดความชอบธรรมเช่นนี้จริงๆ หรือ ที่ตนพูดเช่นนี้ตนทราบดีว่า นายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาล แต่เราก็ต่างทราบว่านายทักษิณมีอิทธิพลมากแค่ไหน
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลเพื่อไทยพยายามที่จะเดินหน้าต่อแทนที่จะใช้อำนาจที่มีวันนี้ในการยุบสภา คืนความชอบธรรมทุกอย่างให้แก่ประชาชน เซ็ทซีโร่กันใหม่โดยการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นทางออกของทุกเรื่องที่เราเจอในวันนี้ ตนคิดว่าบ้านเมืองจะเดินได้ดีกว่านี้และไม่มีปัญหาหรือความน่ากังวลใดๆ ที่จะเกิดขึ้น
.
ฉะนั้น ตนยังคิดว่าการยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุด ส่วนที่มีการบอกว่าจะมีการลาออกแล้วจะเลือกใครเป็นนายกฯ นั้น พูดตรงๆ ว่าหากไปถึงจุดนั้น จะไม่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์อะไรเลย เพราะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากท้ายที่สุดจะมีการตั้งคำถามในเรื่องความชอบธรรมทางใดทางหนึ่ง ยืนยันว่าตนคิดว่าการยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในวันนี้
.
เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุด้วยว่า หากแดงกับส้มรวมกันจะเกิดเป็นสีแสด ซึ่งแรงเกินไป มองอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายทักษิณที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่การพูดเช่นนี้คือความพยายามที่จะทำให้พรรคปชน.ดูน่ากลัว และตนคิดว่าความน่ากลัวที่สุดไม่ใช่สีส้ม แต่ความน่ากลัวที่สุดคือการบริหารประเทศ โดยคิดเพียงว่าผลประโยชน์ต้องอยู่กับครอบครัวของตนเอง การพาคนในครอบครัวกลับมาโดยไม่คิดว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอะไรเลย อีกทั้งยังทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย การบริหารประเทศโดยมีนายกฯ หลายคน
.
นี่คือความน่ากลัวที่พาประเทศไทยสู่ความล้มเหลว ยังไม่นับว่าสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ที่น่ากลัวยิ่งกว่าพรรคส้มแน่นอน คือการที่ไม่สามารถตอบสนองต่อนโยบายที่เคยให้ไว้กับประชาชนได้ และจริงๆ ไม่มีสีไหนน่ากลัวเลย สีแดงตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่า เพราะล้มเหลวในทุกด้าน” นายรังสิมันต์ กล่าว
.
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะสามารถจับมือกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการจะคุยกันว่าจะจับมือกับใครนั้น อาจจะไม่ใช่บทสนทนาที่เราจะคุยกันได้ในวันนี้ เพราะถึงที่สุดจุดยืนของพรรค ปชน.คือการเอานโยบายเป็นตัวตั้ง และเราก็ไม่รู้ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าดีที่สุดสำหรับพวกเราคือ เราต้องไปให้ได้เกินกึ่งหนึ่งเพื่อที่จะมุ่งการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แต่หากไม่ถึงจุดนั้นจริงๆ เราก็คงต้องดูว่าในเชิงนโยบายจะมีข้อตกลงหรืออะไรที่จะร่วมกันได้ ไม่ว่าจะพรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ ซึ่งในส่วนนี้ต้องไปดูกันอีกครั้งหลังจากที่มีผลการเลือกตั้งออกมา
.
เมื่อถามว่า ขณะนี้เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ จะบีบให้รัฐบาลต้องมีความประนีประนอมมาขึ้น โดยหันมาร่วมมือกับพรรค ปชน. ในการโหวตกฎหมายต่างๆ หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องหน้างานที่ต้องโหวตกฎหมายเราต้องพยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะถือว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่หลักการเราไม่เคยเปลี่ยนคือการพยายามทำให้รัฐบาลเข้าใจว่าการยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุด
.
ส่วนหากไม่ยุบก็บังคับเรา ซึ่งเราไม่สามารถไปทำแทนเขาได้ ในเมื่อเราพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขาไม่ดำเนินการก็ลำบากที่จะทำให้เขายอมในสิ่งที่เราต้องการได้ แน่นอนว่าหากเขาไม่ดำเนินการ ความชอบธรรมของเขาก็ลดลงเรื่อยๆ และสุดท้ายเราก็ยอมรับว่ากลไกเรื่องนิติสงครามก็รออยู่ ถึงที่สุดก็ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยไปต่อเช่นนี้ไม่ได้แล้ว
.
เมื่อถามว่า พรรคปชน.พร้อมจะให้ความร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลในการโหวตกฎหมายสำคัญๆหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องไปดูว่าเป็นกฎหมายเรื่องอะไร ซึ่งตอนนี้คนที่จะใช้คำว่าเราให้ความร่วมมือคงไม่ใช่พรรค ปชน.
.
แต่ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะให้ความร่วมมือหรือไม่ เพราะกฎหมายหลายอย่างที่เราอยากเห็นประเทศเดินหน้า เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทยจะให้ความร่วมมือหรือไม่ เนื่องจากเขาไม่ได้เสนออะไร และอาจจะต้องไปถามทางพรรคเพื่อไทยว่า ยังมีกระจิตกระใจในการดำเนินการที่จะผ่านกฎหมายใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหรือไม่ หรือวันนี้เป็นแค่โหมดการเอาตัวรอด โหมดซูไววัล (Survival)
.
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ขณะนี้ พรรคร่วมรัฐบาลต่างยืนยันชัดเจนว่า จะไม่เห็นชอบร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ที่มีการรวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยต้องตอบให้ชัดว่าการที่พรรคเพื่อไทยไม่โหวตร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมของพรรค ปชน. และภาคประชาชนนั้น อย่าไปอ้างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะท้ายที่สุดเมื่อคุณตัดสินใจอย่างไร คุณก็ต้องรับผลการกระทำ
.
อย่าไปอ้างพรรคร่วมรัฐบาลว่าเขาไม่เห็นด้วยหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นี่เป็นการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยที่จะเดินหน้าเช่นนั้น อย่าทำตัวเป็นเหยื่อก็แล้วกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว
.
ถามย้ำว่า มองว่าพรรคเพื่อไทยสามารถมีมติต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า “ใช่ ไม่ได้หมายความว่าให้พรรคร่วมมาขี่คอ หากจะบอกว่าพรรคร่วมมีมติเช่นนี้ เสียงส่วนใหญ่เช่นนี้ แสดงว่าพรรคเพื่อไทยยอมให้พรรคร่วมขี่คอ และต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทยยอมเช่นนั้น เป็นการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยเอง
.

.
โคราชเดือด ม็อบโห่ไล่ 'อุ๊งอิ๊ง' ฝั่งเสื้อแดงตะโกนโต้ นายกฯ สู้ๆ ตร.ตรึงกำลังเข้ม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9844923
.
โคราช เผชิญหน้าเดือด ม็อบเป่านกหวีด โห่ไล่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ฝั่งเสื้อแดงตะโกนโต้ นายกฯ สู้ๆ เจ้าหน้าที่กว่า 500 นาย ตรึงกำลังเข้ม กั้นแผงเหล็กระหว่าง 2 ม็อบ
.
วันที่ 11 ก.ค. 2568 ที่บริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีกลุ่มผู้ชุมนุมมารอขับไล่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ที่เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานเทศกาลแห่เทียนโคราช ในเวลา 18.00 น.
.
โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมมีการชูธงชาติและเป่านกหวีด ส่งเสียงโห่ไล่นายกฯ พร้อมชูป้ายที่แสดงความไม่พอใจ อาทิ “คนโคราชรักสงบ ไม่เอาทรราช ออกไป”, “คนโคราชมาแล้ว ไม่เอาอุ๊งอิ๊ง ออกไป ออกไป
.
เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมากั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไล่นายกฯ ให้อยู่บนฟุตปาธ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงยืนอยู่บนถนนในพื้นที่จัดงาน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อม อส. กว่า 100 นาย ยืนตรึงกำลังกั้นตรงกลางระหว่าง 2 กลุ่มผู้ชุมนุม
.
ประชาชนที่มาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมาให้กำลังใจนายกฯ ในฐานะคนทำงานคนหนึ่ง กรณีคลิปเสียงที่เกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากนายกฯ ต้องการที่จะให้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาเกิดความสงบ เลยใช้วิธีการคุยแบบญาติสนิทเพื่อคลี่คลายปัญหา
.
ขณะที่ประชาชนฝั่งที่มาชุมนุมขับไล่ กล่าวกว่า ต้องการมายืนยันจุดยืนที่ไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีขายชาติ รับไม่ได้ที่บอกแม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ฝั่งตรงข้าม จึงต้องการเรียกร้องให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ
.

.
ผู้ผลิตแอร์มองต่าง ภาษีทรัมป์ 36% ดัดหลังทุนจีน ใช้ไทยเป็นฐานส่งออก หวั่นแห่ซบเวียดนาม
https://www.matichon.co.th/economy/news_5271405
.
ผู้ผลิตแอร์มองต่าง ภาษีทรัมป์ 36% ดัดหลังทุนจีน ใช้ไทยเป็นฐานส่งออก หวั่นแห่ซบเวียดนาม
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ “ซัยโจเด็นกิ” กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการไทยมองว่าการที่สหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทย 36% ถือว่าเป็นการดีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากการส่งออกที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบจากประเทศจีนที่มาตั้งโรงงานผลิตในไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ถ้ามองในแง่ของตัวเลขการส่งออกของไทยแล้ว ผลจากภาษีสหรัฐ 36% จะทำให้การส่งออกของไทยลดลงอย่างแน่นอนตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปีนี้เป็นต้นไป และมีแนวโน้มที่โรงงานจีนในไทยจะย้ายไปเวียดนามมากขึ้น
.
การเจรจารัฐบาลต้องเจรจาแบบนักธุรกิจและมองภาพ 2 ด้าน ถ้าเจรจาแบบระบบราชการจะเห็นภาพข้างเดียวคือตัวเลขการส่งออก ในขณะเดียวกันต้องนำคนที่ได้รับผลกระทบเป็นผู้ร่วมเจรจาด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสหรัฐที่มาลงทุนในไทยหรือเอกชนไทยที่ส่งออกไปสหรัฐ นอกจากนี้รัฐบาลก็ต้องหันมาสนับสนุนผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศไทยด้วย เช่น ต้องเก็บภาษีที่แพงขึ้นสำหรับนักลงทุนจีนที่มาตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในไทย หรือต้องระบุชัดว่าต้องใช้วัตถุดิบที่ผลิตในไทยด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตั้งราคาขายถูกกว่าสินค้าไทยและช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้” นายสมศักดิ์กล่าว
.

.
โฆษกรัฐบาลกัมพูชา บอกไทยหยุดโทษกัมพูชาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แนะให้หันไปแก้ไขปัญหาในประเทศตนเอง
https://news.ch7.com/detail/814281
.
โฆษกรัฐบาลกัมพูชา เรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดโยนความผิดให้กับกัมพูชา เรื่องวิกฤตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แนะไทยหันไปเน้นแก้ไขปัญหาภายในของประเทศของตนแทนดีกว่า
.
วันนี้ (11 ก.ค. 68) สำนักข่าว ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า นายเพ็ญ โบนา ฐานะโฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทางกัมพูชาถูกใส่ร้ายจากเจ้าหน้าที่ของไทยหลายครั้ง ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดที่ไทยควรทำคือหยุดโยนความผิดให้กับกัมพูชา และหันไปตั้งใจแก้ไขปัญหาภายในประเทศของตนเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่