กรรมยุติธรรมเสมอ

"นอบน้อมแด่ ​พุทธธรรมสงฆ์ อันเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า"
**********
เรื่องเล่าในสมัยพุทธกาล

   ​ภรรยานายเรือถูกถ่วงน้ำ​             
   
    ​เมื่อภิกษุอีกพวกหนึ่งโดยสารเรือไป เพื่อต้องการจะเฝ้าพระศาสดา เรือได้หยุดนิ่งเฉยในกลางสมุทร. พวกมนุษย์พากันคิดว่า "คนกาลกรรณีพึงมีในเรือนี้" ดังนี้แล้ว จึงแจกสลาก (ให้จับ). ก็ภรรยาของนายเรือตั้งอยู่ในปฐมวัย (กำลัง) น่าดู สลากถึงแก่นางนั้น. พวกมนุษย์พากันกล่าวว่า "จงแจกสลากอีก" แล้วให้แจกถึง ๓ ครั้ง. สลากถึงแก่นางนั้นคนเดียวถึง ๓ ครั้ง. พวกมนุษย์แลดูหน้านายเรือ (เป็นทีจะพูดว่า) "อย่างไรกัน? นายครับ"         นายเรือกล่าวว่า "ข้าพเจ้าไม่อาจให้มหาชนยิ้มเพื่อประโยชน์แก่นางนี้, พวกท่านจงทิ้งนางในน้ำเถิด."         นางนั้น เมื่อพวกมนุษย์จับจะทิ้งน้ำ กลัวต่อมรณภัย ได้ร้องใหญ่แล้ว. นายเรือได้ยินเสียงร้องนั้น จึงกล่าวว่า "ประโยชน์อะไรด้วยอาภรณ์ของนางนี้ (จะ) ยิ้มเสีย (เปล่าๆ), พวกท่านจงเปลื้องเครื่องอาภรณ์ทั้งหมด ให้นางนุ่งผ้าเก่าผืนหนึ่งแล้วจงทิ้งนางนั้น. ก็ข้าพเจ้าไม่อาจดูนางนั้นผู้ลอยอยู่เหนือหลังน้ำได้ เพราะฉะนั้น พวกท่านจงเอากระออมที่เต็มด้วยทราย ผูกไว้ที่คอแล้ว โยนลงไปเสียในสมุทรเถิด (ทำ) โดยประการที่ข้าพเจ้าจะไม่เห็นเขาได้."         พวกมนุษย์เหล่านั้นได้กระทำตามนั้นแล้ว. ปลาและเต่ารุมกินนางแม้นั้นในที่ตกนั่นเอง.         พวกภิกษุฟังเรื่องนั้นแล้ว ก็คิดว่า "ใครคนอื่น เว้นพระศาสดาเสีย จักรู้กรรมของหญิงนั่นได้, พวกเราจะทูลถามกรรมของหญิงนั้นกะพระศาสดา" ถึงถิ่นที่ประสงค์แล้ว จึงพากันลงจากเรือหลีกไป.

บุรพกรรมของภรรยานายเรือ
   
   ​ภิกษุทั้งหลาย หญิงแม้นั้นเสวยกรรมที่ตนทำแล้วเหมือนกัน.         ก็ในอดีตกาล หญิงนั้นเป็นภรรยาแห่งคฤหบดีคนหนึ่งในกรุงพาราณสี ได้ทำกิจทุกอย่างมีตักน้ำ ซ้อมข้าว ปรุงอาหารเป็นต้น ด้วยมือของนางเอง.         สุนัขตัวหนึ่งของนางนั่งแลดูนางนั้น ผู้ทำกิจทุกอย่างอยู่ในเรือน. เมื่อนางนำภัตไปนาก็ดี ไปป่าเพื่อต้องการวัตถุต่างๆ มีฟืนและผักเป็นต้นก็ดี สุนัขนั้นย่อมไปกับนางนั้นเสมอ. พวกคนหนุ่มเห็นดังนั้น ย่อมเยาะเย้ยว่า ‘แน่ะพ่อ พรานสุนัขออกแล้ว, วันนี้พวกเราจักกิน (ข้าว) กับเนื้อ’         นางขวยเขินเพราะคำพูดของพวกคนเหล่านั้น จึงประหารสุนัขด้วยก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้นให้หนีไป. สุนัขกลับแล้วก็ตามไปอีก. ได้ยินว่า สุนัขนั้นได้เป็นสามีของนางในอัตภาพที่ ๓ เหตุนั้น มันจึงไม่อาจตัดความรักได้.         จริงอยู่ ใครๆ ชื่อว่าไม่เคยเป็นเมียหรือเป็นผัวกัน ในสงสารมีที่สุดอันบุคคลไปตามไม่รู้แล้ว ไม่มีโดยแท้ ถึงกระนั้น ความรักมีประมาณยิ่ง ย่อมมีในผู้ที่เป็นญาติกันในอัตภาพไม่ไกล เหตุนั้น สุนัขนั้นจึงไม่อาจละนางนั้นได้.         นางโกรธสุนัขนั้น เมื่อนำข้าวยาคูไปเพื่อสามีที่นา (จึง) ได้เอาเชือกใส่ไว้ในชายพกแล้วไป. สุนัขไปกับนางเหมือนกัน. นางให้ข้าวยาคูแก่สามีแล้ว ถือกระออมเปล่าไปสู่ท่าน้ำแห่งหนึ่ง บรรจุกระออมให้เต็มด้วยทรายแล้ว ได้ทำเสียง (สัญญา) แก่สุนัขซึ่งยืนแลดูอยู่ในที่ใกล้.         สุนัขดีใจว่า นานแล้วหนอ เราได้ถ้อยคำที่ไพเราะในวันนี้ จึงกระดิกหางเข้าหานาง. นางจับสุนัขนั้นอย่างมั่นที่คอแล้ว จึงเอาปลายเชือกข้างหนึ่งผูกกระออมไว้ เอาปลายเชือกอีกข้างหนึ่งผูกที่คอสุนัข ผลักกระออมให้กลิ้งลงน้ำ. สุนัขตามกระออมไปตกลงน้ำ ก็ได้ทำกาละในน้ำนั้นเอง.         นางนั้นไหม้อยู่ในนรกสิ้นกาลนาน เพราะวิบากของกรรมนั้น ด้วยวิบากที่เหลือ จึงถูกเขาเอากระออมเต็มด้วยทรายผูกคอถ่วงลงในน้ำ ได้ทำกาละแล้วตลอด ๑๐๐ อัตภาพ.

https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=19&p=11
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่