อานนท์ เขียนจดหมายจากในคุก แจงเหตุไม่ลี้ภัย ขอเป็นภาพสะท้อนกระบวนการยุติธรรม ต่อคดี 112
https://www.matichon.co.th/politics/news_5270338
.
.
อานนท์ นำภา เขียนจดหมายจากในคุก แจงเหตุไม่ลี้ภัยการเมือง ขอเป็นภาพสะท้อนกระบวนการยุติธรรม ต่อคดี 112 ชี้มาไกลเกินกลับไปนับ 1 แล้ว
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม แฟนเพจ
อานนท์ นำภา ของ นาย
อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรม ปัจจุบันรับโทษจำคุกจากคดีทางการเมืองต่างๆ มากกว่า 29 ปี เผยแพร่จดหมายอานนท์ที่เขียนขึ้นในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ฉบับวันที่ 7 ก.ค.68 ระบุเป็นภาษาไทยและอังกฤษถึงเหตุผลที่ไม่ลี้ภัยการเมือง ความดังนี้
.
จำนวนคนที่สนใจเข้าฟังคำพิพากษา มาตรา 112 ของผม จากคดีแรกเมื่อ 25 กันยายน 2566 กระทั่งคดีล่าสุด 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มีจำนวนไม่ลดลง ซ้ำยังมีการเผยแพร่ในสื่อต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เป็นที่สนใจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งกำลังใจผ่านทางความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ นี่คือสิ่งที่สังคมเก่ากำลังหวาดกลัว
.
พวกเขาหวังว่า เวลาที่ยาวนานจะทำให้การรับรู้และความสนใจของคนลดลง แต่มันกลับเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่อผู้คนยิ่งตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมไทยมากขึ้น ทางเดียวที่พวกเขาจะทำได้ คือช่วยกันเอาใบบัวมาปิดความฟอนเฟะ และเมื่อปิดสิ่งนั้นไม่มิด ก็เอามาปิดหูปิดตาผู้คนเสีย
.
เหตุผลประการสำคัญที่ผมไม่ลี้ภัยการเมือง คือต้องการใช้กรณีของผมเป็นภาพสะท้อนความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมในมาตรา 112 และใช้ตัวเองเป็นบทบันทึกเรื่องราวในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งนี้
.
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การพูดความจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความปรารถนาดีที่จะทำให้สังคมตื่นรู้ เวลาไม่ได้อยู่ข้างเราเพียงอย่างเดียว แต่เวลายังทำหน้าที่พิสูจน์สิ่งที่เราต่อสู้ให้เห็นภาพเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนถึงความขัดแย้งและปัญหาในสังคมไทย
.
อย่างไรก็ตาม เวลาที่ยาวนาน ความยากลำบากและปัญหาสารพันที่เป็นปราการขวางกั้นการต่อสู้ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเช่นกัน คดีมาตรา 112 ของผมหลายคดีถูกสั่งให้พิจารณาลับและไม่ให้เผยแพร่ บางคดีถึงขนาดหลีกเร้น พยายามหลบหน้าสาธารณชน ในการอ่านคำพิพากษาผมเฝ้าถามในใจทุกครั้งที่เผชิญภาวะเช่นนั้นว่า “ถ้ามั่นใจว่าคำพิพากษานั้นยุติธรรม แล้วท่านจะกลัวอะไร”
.
ในวันที่ข้อเท้าต้องมีแผลเป็นอันเกิดจากโซ่ตรวน ผมยังปรารถนาอย่างแน่วแน่ที่จะใช้ชีวิตเป็นบทบันทึกและเป็นภาพสะท้อนความอัปลักษณ์ของมาตรา 112 ต่อไป และเพื่อเป็นการย้ำเตือนความอยุติธรรมที่ได้รับ ผมจึงโกนคิ้วตัวเอง 1 ข้าง เพื่อที่ทุกครั้งที่มองตัวเองผ่านกระจก ผมจะได้ไม่ลืมมัน
.
หากการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมของผมพอจะมีคุณูปการอยู่บ้าง ผมขอให้มันเป็นแรงบันดาลใจให้คนในกระบวนการยุติธรรมได้โปรดฉุกคิดและเห็นถึงความอัปลักษณ์ของมันเสียที
.
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้มิตรสหายที่ร่วมต่อสู้กันมา
.
จากวันแรก จนถึงวันนี้ เรามาไกลเกินกลับไปนับ 1 แล้ว
.
เชื่อมั่นและศรัทธา
อานนท์ นำภา
7 กรกฎาคม 2568
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
.
Since the judgment in my first case on 25 September 2023 until my latest on 25 July 2025, the number of those who come to listen has not declined. In addition, news of the decisions is disseminated in various media outlets within and beyond Thailand. Further, people send encouragement and assistance in various forms. This is what the old society fears.
.
They hope that awareness and interest will wane with time. But the opposite has occurred. As people increasingly question the Thai judicial process, the only path they can take is to attempt to use a lotus leaf to cover the decay. When they fail to cover it completely, they then come to cover the eyes and ears of the people.
.
The primary reason why I have not sought political asylum is that I want to use my case to reflect the ugliness of the judicial process in Article 112. I want to serve as a record of the transformation of this moment.
.
I fully believe that speaking the truth about the institution of the monarchy and criticizing it with sincerity and good intentions will awaken society.
.
Time is not only on our side, but also continues to serve as proof of what we are fighting for and illustrates the problems and conflicts in Thai society.
.
However, over time, various difficulties and problems have emerged as obstacles in the struggle. The judges in many of my Article 112 cases have ordered that the trials be conducted in secret and banned the dissemination of news. In some cases, they retreat and attempt to reading the decisions in public. Observing this, I ask myself each time, “If you are confident that the judgment is just, then what are you afraid of?”
.
On a day when my ankles are scarred from being shackled, I remain resolute in my desire to use my life to document and reflect the ugliness of Article 112. To remind myself of the injustice I have encountered, I will shave off one of my eyebrows so that every time I see myself in the mirror, I will not forget.
.
If my struggle in the judicial process is to be of some contribution, I would like it to inspire those within the judiciary. Please take a moment to reflect on and comprehend its ugliness.
.
Finally, let me offer encouragement to friends who struggle alongside me:
From the first day until today, we have come to far to go back to square one.
.
With trust and faith,
Arnon Nampa
7 July 2025
Bangkok Remand Prison
.
https://www.facebook.com/xannth.na.pha/posts/pfbid02V7mmSw7JCEFLdEbUGc98NoKAFJ6UURpDyL3bpbnPYn21P242hY3jaj7Y59WjGu9bl
.
.
ปชน.ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์รัฐบาล แค่สร้างภาพ-ไร้แก่นแท้ แนะวางโครงสร้างจริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5270208
.
ปชน.ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์รัฐบาล แค่สร้างภาพ-ไร้แก่นแท้ แนะวางโครงสร้างจริง
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นาย
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) แสดงความคิดเห็นต่อแนวทางการขับเคลื่อน Soft Power ของรัฐบาล โดยระบุว่าเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองที่ถูกหยิบมาใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างหรือพัฒนาระบบรองรับผู้สร้างสรรค์
.
นาย
ธัญวัจน์ ระบุว่า การรีแบรนด์พรรคการเมืองหรือการจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อซอฟต์พาวเวอร์ในปัจจุบัน อาจสร้างความรู้สึกหวังในระยะต้น เพราะฟังดูทันสมัยและสอดรับกับเทรนด์โลก แต่หากขาดความเข้าใจในแก่นแท้ของซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งหมายถึงการส่งออกเรื่องเล่า ค่านิยม และอัตลักษณ์ที่โลกอยากเรียนรู้ ก็จะกลายเป็นเพียงการพายเรือวนอยู่กับที่ โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในงบประมาณรัฐ จึงเต็มไปด้วยคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์แต่ไร้ทิศทาง
.
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณงาน SPLASH – Soft Power Forum 2568 ที่ใช้งบประมาณกว่า 55.4 ล้านบาทว่าเป็นเพียงการจัดแสดงศักยภาพภายในประเทศ โดยขาดกลไกการส่งออกวัฒนธรรมสู่เวทีนานาชาติ ขณะที่นโยบายหลายด้านที่อ้างถึงซอฟต์พาวเวอร์ กลับไม่มีระบบสนับสนุนทุนมนุษย์หรือศิลปินผู้ผลิตเนื้อหาและครีเอเตอร์ไทยได้ปรากฏตัวในเวทีสากล งานที่ควรเป็นเวทีสร้างอำนาจทางวัฒนธรรมกลับกลายเป็นกิจกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงนโยบาย
.
เมื่อพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาในสภา ยังคงจัดสรรเงินจำนวนมากให้กับโครงการที่ใช้คำว่าซอฟต์พาวเวอร์ แต่ไม่เคยเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่เคยมีระบบสนับสนุนคนสร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม และไม่มีกลไกส่งออกเนื้อหาทางวัฒนธรรมที่ชัดเจน งบประมาณยังคงวนเวียนอยู่กับเวที งานโชว์ สื่อประชาสัมพันธ์ มากกว่าการลงทุนในทุนมนุษย์ ความฝัน และเรื่องเล่าที่จะอยู่ยืนยาวในความทรงจำของโลก
.
นาย
ธัญวัจน์ กล่าวว่า แนวคิด Muay Thai Bootcamp ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำเสนอว่าเป็นเทรนด์สุขภาพแนวใหม่เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจนั้น ซึ่งความพยายามยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการขายบริการอย่าง Thai Wellness หรือ Muay Thai Detox แม้จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่ยังไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์โดยแท้จริง เนื่องจากไม่ได้ส่งต่อวัฒนธรรมให้เกิดการเรียนรู้ในต่างประเทศอย่างยั่งยืน
.
“
Soft Power ที่แท้จริงต้องทำให้มวยไทยกลายเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนต่างประเทศ มีครูมวยไทยที่ได้มาตรฐาน และมีเรื่องเล่าที่ฝังอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลก ไม่ใช่แค่ให้ชาวต่างชาติมาทดลองชั่วคราวในไทย ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้นักกีฬาเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยเห็นว่าเป็นการเบี่ยงเบนจากแก่นของซอฟต์พาวเวอร์ เพราะการดูแลสุขภาพและรายได้ของนักกีฬา เป็นหน้าที่ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ซอฟต์พาวเวอร์คือการทำให้นักกีฬาไทยกลายเป็นเรื่องเล่าที่โลกอยากติดตาม เป็นภาพแทนของวัฒนธรรมที่ผู้คนอยากมีส่วนร่วม และกลายเป็นแรงบันดาลใจระดับนานาชาติ” นาย
ธัญวัจน์กล่าว
.
นาย
ธัญวัจน์ กล่าวว่าผลลัพธ์จากการไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างซอฟต์พาวเวอร์ อาจนำไปสู่ปัญหาเชิงระบบ เช่น ศิลปินไม่สามารถเติบโตในระบบไทย , ประเทศยังคงเป็นเพียงฉากถ่ายทำของวัฒนธรรมคนอื่น , งบประมาณเบนไปจากผู้ผลิตเนื้อหาสู่กิจกรรมที่รัฐควบคุม และทำให้ประชาชนรู้สึกว่านโยบายเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง ไม่ใช่การลงทุนระยะยาวที่สร้างการเปลี่ยนแปลงจริง
.
“
วันนี้เรายังไม่มีระบบที่ทำให้คนเล่าเรื่องได้เติบโต ไม่มีเวทีให้ศิลปินไทยได้ยืนในระดับสากล และไม่มีการปกป้องเสรีภาพทางความคิดให้กับศิลปิน ซอฟต์พาวเวอร์จึงกลายเป็นเพียงคำที่รัฐใช้สร้างภาพว่าทันโลก แต่ไม่เข้าใจหัวใจของวัฒนธรรม” นาย
ธัญวัจน์กล่าว
JJNY : อานนท์ขอเป็นภาพสะท้อน 112│ปชน.ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รบ.│ส่งออกครึ่งหลัง หดตัว 4%│คนในสหรัฐเสี่ยงซื้อกาแฟ-น้ำส้มแพง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5270338
.
อานนท์ นำภา เขียนจดหมายจากในคุก แจงเหตุไม่ลี้ภัยการเมือง ขอเป็นภาพสะท้อนกระบวนการยุติธรรม ต่อคดี 112 ชี้มาไกลเกินกลับไปนับ 1 แล้ว
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม แฟนเพจ อานนท์ นำภา ของ นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรม ปัจจุบันรับโทษจำคุกจากคดีทางการเมืองต่างๆ มากกว่า 29 ปี เผยแพร่จดหมายอานนท์ที่เขียนขึ้นในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ฉบับวันที่ 7 ก.ค.68 ระบุเป็นภาษาไทยและอังกฤษถึงเหตุผลที่ไม่ลี้ภัยการเมือง ความดังนี้
.
จำนวนคนที่สนใจเข้าฟังคำพิพากษา มาตรา 112 ของผม จากคดีแรกเมื่อ 25 กันยายน 2566 กระทั่งคดีล่าสุด 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มีจำนวนไม่ลดลง ซ้ำยังมีการเผยแพร่ในสื่อต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เป็นที่สนใจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งกำลังใจผ่านทางความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ นี่คือสิ่งที่สังคมเก่ากำลังหวาดกลัว
.
พวกเขาหวังว่า เวลาที่ยาวนานจะทำให้การรับรู้และความสนใจของคนลดลง แต่มันกลับเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่อผู้คนยิ่งตั้งคำถามต่อกระบวนการยุติธรรมไทยมากขึ้น ทางเดียวที่พวกเขาจะทำได้ คือช่วยกันเอาใบบัวมาปิดความฟอนเฟะ และเมื่อปิดสิ่งนั้นไม่มิด ก็เอามาปิดหูปิดตาผู้คนเสีย
.
เหตุผลประการสำคัญที่ผมไม่ลี้ภัยการเมือง คือต้องการใช้กรณีของผมเป็นภาพสะท้อนความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมในมาตรา 112 และใช้ตัวเองเป็นบทบันทึกเรื่องราวในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งนี้
.
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การพูดความจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความปรารถนาดีที่จะทำให้สังคมตื่นรู้ เวลาไม่ได้อยู่ข้างเราเพียงอย่างเดียว แต่เวลายังทำหน้าที่พิสูจน์สิ่งที่เราต่อสู้ให้เห็นภาพเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนถึงความขัดแย้งและปัญหาในสังคมไทย
.
อย่างไรก็ตาม เวลาที่ยาวนาน ความยากลำบากและปัญหาสารพันที่เป็นปราการขวางกั้นการต่อสู้ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเช่นกัน คดีมาตรา 112 ของผมหลายคดีถูกสั่งให้พิจารณาลับและไม่ให้เผยแพร่ บางคดีถึงขนาดหลีกเร้น พยายามหลบหน้าสาธารณชน ในการอ่านคำพิพากษาผมเฝ้าถามในใจทุกครั้งที่เผชิญภาวะเช่นนั้นว่า “ถ้ามั่นใจว่าคำพิพากษานั้นยุติธรรม แล้วท่านจะกลัวอะไร”
.
ในวันที่ข้อเท้าต้องมีแผลเป็นอันเกิดจากโซ่ตรวน ผมยังปรารถนาอย่างแน่วแน่ที่จะใช้ชีวิตเป็นบทบันทึกและเป็นภาพสะท้อนความอัปลักษณ์ของมาตรา 112 ต่อไป และเพื่อเป็นการย้ำเตือนความอยุติธรรมที่ได้รับ ผมจึงโกนคิ้วตัวเอง 1 ข้าง เพื่อที่ทุกครั้งที่มองตัวเองผ่านกระจก ผมจะได้ไม่ลืมมัน
.
หากการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมของผมพอจะมีคุณูปการอยู่บ้าง ผมขอให้มันเป็นแรงบันดาลใจให้คนในกระบวนการยุติธรรมได้โปรดฉุกคิดและเห็นถึงความอัปลักษณ์ของมันเสียที
.
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้มิตรสหายที่ร่วมต่อสู้กันมา
.
จากวันแรก จนถึงวันนี้ เรามาไกลเกินกลับไปนับ 1 แล้ว
.
เชื่อมั่นและศรัทธา
อานนท์ นำภา
7 กรกฎาคม 2568
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
.
Since the judgment in my first case on 25 September 2023 until my latest on 25 July 2025, the number of those who come to listen has not declined. In addition, news of the decisions is disseminated in various media outlets within and beyond Thailand. Further, people send encouragement and assistance in various forms. This is what the old society fears.
.
They hope that awareness and interest will wane with time. But the opposite has occurred. As people increasingly question the Thai judicial process, the only path they can take is to attempt to use a lotus leaf to cover the decay. When they fail to cover it completely, they then come to cover the eyes and ears of the people.
.
The primary reason why I have not sought political asylum is that I want to use my case to reflect the ugliness of the judicial process in Article 112. I want to serve as a record of the transformation of this moment.
.
I fully believe that speaking the truth about the institution of the monarchy and criticizing it with sincerity and good intentions will awaken society.
.
Time is not only on our side, but also continues to serve as proof of what we are fighting for and illustrates the problems and conflicts in Thai society.
.
However, over time, various difficulties and problems have emerged as obstacles in the struggle. The judges in many of my Article 112 cases have ordered that the trials be conducted in secret and banned the dissemination of news. In some cases, they retreat and attempt to reading the decisions in public. Observing this, I ask myself each time, “If you are confident that the judgment is just, then what are you afraid of?”
.
On a day when my ankles are scarred from being shackled, I remain resolute in my desire to use my life to document and reflect the ugliness of Article 112. To remind myself of the injustice I have encountered, I will shave off one of my eyebrows so that every time I see myself in the mirror, I will not forget.
.
If my struggle in the judicial process is to be of some contribution, I would like it to inspire those within the judiciary. Please take a moment to reflect on and comprehend its ugliness.
.
Finally, let me offer encouragement to friends who struggle alongside me:
From the first day until today, we have come to far to go back to square one.
.
With trust and faith,
Arnon Nampa
7 July 2025
Bangkok Remand Prison
.
https://www.facebook.com/xannth.na.pha/posts/pfbid02V7mmSw7JCEFLdEbUGc98NoKAFJ6UURpDyL3bpbnPYn21P242hY3jaj7Y59WjGu9bl
.
.
ปชน.ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์รัฐบาล แค่สร้างภาพ-ไร้แก่นแท้ แนะวางโครงสร้างจริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5270208
.
ปชน.ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์รัฐบาล แค่สร้างภาพ-ไร้แก่นแท้ แนะวางโครงสร้างจริง
.
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) แสดงความคิดเห็นต่อแนวทางการขับเคลื่อน Soft Power ของรัฐบาล โดยระบุว่าเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองที่ถูกหยิบมาใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างหรือพัฒนาระบบรองรับผู้สร้างสรรค์
.
นายธัญวัจน์ ระบุว่า การรีแบรนด์พรรคการเมืองหรือการจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อซอฟต์พาวเวอร์ในปัจจุบัน อาจสร้างความรู้สึกหวังในระยะต้น เพราะฟังดูทันสมัยและสอดรับกับเทรนด์โลก แต่หากขาดความเข้าใจในแก่นแท้ของซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งหมายถึงการส่งออกเรื่องเล่า ค่านิยม และอัตลักษณ์ที่โลกอยากเรียนรู้ ก็จะกลายเป็นเพียงการพายเรือวนอยู่กับที่ โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในงบประมาณรัฐ จึงเต็มไปด้วยคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์แต่ไร้ทิศทาง
.
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ประสิทธิภาพของการใช้งบประมาณงาน SPLASH – Soft Power Forum 2568 ที่ใช้งบประมาณกว่า 55.4 ล้านบาทว่าเป็นเพียงการจัดแสดงศักยภาพภายในประเทศ โดยขาดกลไกการส่งออกวัฒนธรรมสู่เวทีนานาชาติ ขณะที่นโยบายหลายด้านที่อ้างถึงซอฟต์พาวเวอร์ กลับไม่มีระบบสนับสนุนทุนมนุษย์หรือศิลปินผู้ผลิตเนื้อหาและครีเอเตอร์ไทยได้ปรากฏตัวในเวทีสากล งานที่ควรเป็นเวทีสร้างอำนาจทางวัฒนธรรมกลับกลายเป็นกิจกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงนโยบาย
.
เมื่อพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาในสภา ยังคงจัดสรรเงินจำนวนมากให้กับโครงการที่ใช้คำว่าซอฟต์พาวเวอร์ แต่ไม่เคยเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่เคยมีระบบสนับสนุนคนสร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม และไม่มีกลไกส่งออกเนื้อหาทางวัฒนธรรมที่ชัดเจน งบประมาณยังคงวนเวียนอยู่กับเวที งานโชว์ สื่อประชาสัมพันธ์ มากกว่าการลงทุนในทุนมนุษย์ ความฝัน และเรื่องเล่าที่จะอยู่ยืนยาวในความทรงจำของโลก
.
นายธัญวัจน์ กล่าวว่า แนวคิด Muay Thai Bootcamp ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำเสนอว่าเป็นเทรนด์สุขภาพแนวใหม่เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจนั้น ซึ่งความพยายามยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการขายบริการอย่าง Thai Wellness หรือ Muay Thai Detox แม้จะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่ยังไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์โดยแท้จริง เนื่องจากไม่ได้ส่งต่อวัฒนธรรมให้เกิดการเรียนรู้ในต่างประเทศอย่างยั่งยืน
.
“Soft Power ที่แท้จริงต้องทำให้มวยไทยกลายเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนต่างประเทศ มีครูมวยไทยที่ได้มาตรฐาน และมีเรื่องเล่าที่ฝังอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลก ไม่ใช่แค่ให้ชาวต่างชาติมาทดลองชั่วคราวในไทย ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้นักกีฬาเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยเห็นว่าเป็นการเบี่ยงเบนจากแก่นของซอฟต์พาวเวอร์ เพราะการดูแลสุขภาพและรายได้ของนักกีฬา เป็นหน้าที่ของกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ซอฟต์พาวเวอร์คือการทำให้นักกีฬาไทยกลายเป็นเรื่องเล่าที่โลกอยากติดตาม เป็นภาพแทนของวัฒนธรรมที่ผู้คนอยากมีส่วนร่วม และกลายเป็นแรงบันดาลใจระดับนานาชาติ” นายธัญวัจน์กล่าว
.
นายธัญวัจน์ กล่าวว่าผลลัพธ์จากการไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างซอฟต์พาวเวอร์ อาจนำไปสู่ปัญหาเชิงระบบ เช่น ศิลปินไม่สามารถเติบโตในระบบไทย , ประเทศยังคงเป็นเพียงฉากถ่ายทำของวัฒนธรรมคนอื่น , งบประมาณเบนไปจากผู้ผลิตเนื้อหาสู่กิจกรรมที่รัฐควบคุม และทำให้ประชาชนรู้สึกว่านโยบายเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมือง ไม่ใช่การลงทุนระยะยาวที่สร้างการเปลี่ยนแปลงจริง
.
“วันนี้เรายังไม่มีระบบที่ทำให้คนเล่าเรื่องได้เติบโต ไม่มีเวทีให้ศิลปินไทยได้ยืนในระดับสากล และไม่มีการปกป้องเสรีภาพทางความคิดให้กับศิลปิน ซอฟต์พาวเวอร์จึงกลายเป็นเพียงคำที่รัฐใช้สร้างภาพว่าทันโลก แต่ไม่เข้าใจหัวใจของวัฒนธรรม” นายธัญวัจน์กล่าว