เสียงแห่งฝัน: การเดินทาง 300 กิโลเมตรของชายตาบอด ผู้ไล่ล่าแสงสุดท้ายบนคีย์บอร์ด

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคน
ผม Dark World นะครับ ปกติจะสิงอยู่ในห้องมาบุญครองกับ Silicon Valley บ้าง และผมก็หายหน้าหายตาไปนานทีเดียว ก็ตั้งแต่รีวิว netbook acer aspire one 522 ก็ยาวเลยครับ หายตัว และวันนี้ผมมีเรื่องราวความฝันที่เป็นจริงมาเล่าให้ฟังครับ มันอาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่อยากจะแชร์ประสบการณ์จริงๆ ของผม ในฐานะชายตาบอดคนหนึ่งที่หลงใหลในเทคโนโลยี และเพิ่งทำภารกิจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตสำเร็จ คือการเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อไปรับโน้ตบุ๊กคู่ใจเครื่องใหม่ เรื่องราวทั้งหมดที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับผมทุกประการ หวังว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนที่กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองอยู่นะครับ
...
ไปเริ่มรับชมกันได้เลยครับ
...
มีเสียงบางอย่างที่คนทำงานกับคอมพิวเตอร์คุ้นเคยกันดี มันไม่ใช่เสียงเพลง ไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนข้อความ แต่มันคือเสียง "หอบ" ของพัดลมระบายความร้อนที่กำลังตะเบ็งสุดเสียง คล้ายกับเสียงลมหายใจของคนที่วิ่งมาอย่างสุดกำลัง สำหรับผม...เสียงนั้นดังขึ้นถี่กว่าเคยจากเจ้า MSI GT76 คู่ใจ มันคืออาชาศึกชั้นดีที่เคยพาผมควบทะยานผ่านทุกสมรภูมิงานดิจิทัลมาตลอดสามปี...แต่ดูเหมือนว่าศึกครั้งใหม่ที่ชื่อ 'AI' นี้ กำลังจะสาหัสเกินกว่าที่เพื่อนเก่าของผมจะกรำไหว
...
สำหรับคนตาดี ความช้าอาจเป็นแค่ไอคอนนาฬิกาทรายที่หมุนค้างอยู่บนจอ แต่สำหรับผม...มันคือความเงียบงันที่น่าอึดอัด เสียงสังเคราะห์จากโปรแกรมอ่านหน้าจอ (Screen Reader) ที่เคยเป็นดั่งผู้บรรยายส่วนตัวของผมเริ่ม "ติดอ่าง" เสียงพูดที่เคยฉะฉานเริ่มขาดๆ หายๆ ในขณะที่สมองกลของมันพยายามประมวลผลคำสั่งที่ซับซ้อน ทุกครั้งที่ผมสั่งให้ AI สร้างเสียงโคลนนิ่งเพื่อทำสื่อให้เพื่อนๆ คนตาบอด หรือตัดเสียงรบกวนในไฟล์เสียง ผมต้องจมอยู่กับความเงียบและเสียงพัดลมที่ดังกระหึ่มราวกับพายุเป็นนาทีๆ มันคือช่วงเวลาที่แรงบันดาลใจที่กำลังพรั่งพรูในหัว...ต้องสะดุดและเลือนหายไปกับความเงียบงันนั้น
...
ประกายไฟแห่งความฝันครั้งใหม่จึงถูกจุดขึ้น มันไม่เพียงแค่ความอยากได้ของใหม่ แต่มันคือความรู้สึกของช่างแกะสลักที่ค้นพบว่าสิ่วในมือเริ่มทื่อเกินกว่าจะสร้างผลงานที่ละเอียดอ่อนได้อีกต่อไปแล้ว ผมรู้ทันที...ผมต้องการเครื่องมือชิ้นใหม่ สิ่วที่คมกริบและทรงพลังพอที่จะแกะสลักจินตนาการให้กลายเป็นความจริง เพื่อส่งต่อ 'แสงสว่างทางปัญญา' ให้กับกลุ่มชนพี่น้องคนตาบอดของผม
...
ต้นเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แสงแรกของวันยังไม่ทันจะทาบทาท้องฟ้า แต่ในใจผมกลับสว่างวาบยิ่งกว่ากลางวันแสกๆ ปลายทางของภารกิจนี้คือเงินเก็บก้อนหนึ่ง...แปดหมื่นบาท
...
ตัวเลขนี้...สำหรับบางคนอาจเป็นค่ากระเป๋าแบรนด์เนม หรือทริปท่องเที่ยวต่างประเทศสบายๆ แต่สำหรับผม มันคือหยาดเหงื่อที่กลั่นตัวจากความอดทนตลอดสามปีที่ผ่านมา มันคือการปฏิเสธของอร่อยมื้อพิเศษนับครั้งไม่ถ้วน คือการเดินผ่านร้านกาแฟหอมกรุ่นแล้วบอกตัวเองว่า 'กาแฟซองที่ห้องก็หอมได้เหมือนกัน' คือการอดใจไม่ซื้อแก็ดเจ็ตจุกจิกที่ใจอยากได้ มันคือวินัยของการหยอดเหรียญและพับธนบัตรลงใน 'บัญชีแห่งความฝัน' ที่ผมเฝ้าดูตัวเลขของมันขยับขึ้นทีละนิด...อย่างเชื่องช้า
...
ผมเริ่มภารกิจตามล่า "โน้ตบุ๊กเทพ" มือสองอีกครั้งในโลกออนไลน์ หลายคนยังคงถามคำถามเดิมๆ "เงินขนาดนี้ ทำไมไม่เดินเข้าห้างซื้อมือหนึ่งให้จบไป?" คำตอบของผมก็ยังคงเหมือนเดิม...ซื้อมันจบครับ แต่ "สเปค" ไม่จบ โน้ตบุ๊กที่มีพลังระดับที่ผมต้องการในร่างมือหนึ่งนั้น มีค่าตัวที่พร้อมจะกระชากกระเป๋าเงินจนขาดวิ่น การซุ่มรอของดีราคาโดนในตลาดมือสองจึงเป็นเส้นทางของนักสู้อย่างผมเสมอ
...
แล้วในค่ำคืนของวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน...เสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น ราวกับเสียงระฆังที่บอกว่าการรอคอยอันยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว...
...
"พี่มีของอยู่หลายตัว สนใจไหมครับน้อง?" ข้อความจากพี่ท่านหนึ่งในกลุ่มไอที คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งสำคัญ
...
บทสนทนาของเราในช่วงหัวค่ำวันศุกร์พรั่งพรูราวกับสายน้ำ ไม่ใช่แค่การถาม-ตอบ แต่มันคือการประลองทางปัญญาระหว่างผู้ซื้อที่มุ่งมั่นกับผู้ขายที่มากประสบการณ์ เราไม่ได้คุยกันเรื่องราคา แต่เราคุยกันเรื่อง "หัวใจ" ของเครื่องจักรแต่ละตัว
...
ปลายนิ้วของผมลูบไปบนคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กเครื่องเก่า พลางจินตนาการถึงบทสนทนาที่กำลังเกิดขึ้น "พี่ครับ ตัว Alienware M18 คีย์บอร์ดมันเป็นแบบแมคคานิเคิลใช่ไหมครับ ฟีลลิ่งมันจะต่างจากที่ผมเคยใช้เยอะไหม?" หรือ "แล้วตัว SCAR 18 ระบบระบายความร้อนของมันจัดการความร้อนจาก CPU กับ GPU ตัวท็อปไหวจริงๆ หรือเปล่าครับพี่?"
...
แต่ละคำถามที่ส่งไป เต็มไปด้วยความหวังและความกังวล และทุกคำตอบที่ได้กลับมา ก็ยิ่งทำให้หัวใจผมเต้นระรัวราวกับจังหวะของเบสในเพลงร็อก มันคือการเปรียบมวยกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งปี...และผมคือกรรมการที่ต้องตัดสินใจเลือกผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว
...
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่ม การตัดสินใจครั้งสุดท้ายก็มาถึง
...
"ตกลงผมเอาตัว ASUS ครับพี่...แต่ด้วยความเคารพ ของราคานี้ ผมไม่ไว้ใจขนส่งจริงๆ...เดี๋ยวผมไปรับเองที่บ้านพี่เลยดีกว่าครับ" ผมพิมพ์ตอบกลับไป หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก
...
"ได้เลยน้อง...แล้วน้องอยู่ไหนล่ะ?"
...
"โคราชครับพี่"
...
ความเงียบเล็กน้อยที่ปลายทางการสนทนา...นานพอที่ผมจะจินตนาการถึงสีหน้าประหลาดใจของเขาได้ ก่อนที่พี่เขาจะตอบกลับมา "โห...บ้านพี่อยู่สมุทรปราการนะ ไกลเอาเรื่องเลยนะนั่น"
...
ผมยิ้มกับหน้าจอที่มืดสนิท "สบายมากครับพี่" ในใจคิด...สามร้อยกว่ากิโลเมตร แลกกับการได้สัมผัสความฝันตัวเป็นๆ ด้วยมือของตัวเอง แลกกับความสบายใจว่าจะไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ เกิดขึ้นกับสมบัติชิ้นใหม่...มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ผมยอมจ่ายค่าแท็กซี่เหมาเกือบสี่พันบาท ดีกว่าต้องมานอนฝันร้ายลุ้นว่ากล่องพัสดุจะถูกโยนหรือไม่
...
"งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับพี่!" จบการสนทนา ผมต่อสายหาพี่แท็กซี่เจ้าประจำทันที "พี่ครับ...ตีห้าเจอกันหน้าบ้านนะ ไปสมุทรปราการ"
...
คืนนั้น...เตียงนอนของผมกลายเป็นเพียงพื้นที่ให้พลิกตัวไปมา ผมนอนไม่หลับอย่างสิ้นเชิง มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นจนบรรยายแทบไม่ถูก ส่วนหนึ่งคือความตื่นเต้นแบบเด็กๆ ที่กำลังจะได้ของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่อีกส่วน...มันคือความรู้สึกของการแบกความหวังของตัวเองตลอดสามปีที่ผ่านมาไว้บนบ่า ภาพความเหนื่อยยากจากการทำงาน ภาพการอดทนอดออม ผุดขึ้นมาในความมืด แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความคาดหวังถึงอนาคต ภาพที่ผมจะสร้างสรรค์ผลงานได้เร็วขึ้น ส่งต่อความรู้ได้มากขึ้น เสียงของผู้บรรยายดิจิทัลที่จะเล่าเรื่องราวบนหน้าจอให้ผมฟังได้อย่างไหลลื่น...ทุกอย่างกำลังจะกลายเป็นจริงในวันพรุ่งนี้
...
ตีห้าตรงเป๊ะ...ท่ามกลางความเงียบและความเย็นของรุ่งอรุณ แสงไฟจากรถแท็กซี่สาดส่องเข้ามา เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ ผมก้าวขึ้นรถพร้อมกับความฝันเต็มอก
...
การเดินทางนั้นยาวนานหลายชั่วโมง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอย่างสม่ำเสมอ และเสียงล้อรถที่บดไปบนถนนเป็นเพื่อน ผมเอนหลังพิงเบาะที่เย็นเฉียบ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปพร้อมกับรถที่กำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า แต่ละกิโลเมตรที่ผ่านไป คือการเข้าใกล้ความฝันมากขึ้นทีละนิด...หัวใจผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
...
และแล้ว เกือบสิบโมงเช้า...รถก็จอดสนิท
...
"ถึงแล้วครับคุณ" เสียงแท็กซี่ประจำพูดกับผมอย่างนุ่มนวล
...
ผมก้าวลงจากรถ...สูดหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นอายของเมืองที่ไม่คุ้นเคยปะทะเข้าจมูก ที่นี่คือสมุทรปราการ...และหลังประตูบ้านสองชั้นหลังนั้น คือจุดหมายปลายทางของผม...
...
พี่คนขายต้อนรับผมอย่างอบอุ่น และวินาทีแรกที่เขาเห็นผมก้าวเข้ามาพร้อมไม้เท้านำทาง เขาก็ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
...
"อ้าว...น้องตาบอดเหรอครับ?" น้ำเสียงของเขามีความทึ่งมากกว่าคำถาม
...
"ครับผม" ผมตอบพร้อมรอยยิ้มที่เตรียมไว้ มันเป็นรอยยิ้มที่บอกว่า 'ใช่ครับ และผมมาที่นี่เพื่อสิ่งเดียวกับที่คุณรัก'
...
"โอ้โห...แล้วน้องใช้คอมยังไงล่ะนั่น?" เขาถามต่อด้วยความสงสัยอย่างจริงใจ
...
"ผมมีโปรแกรมช่วยอ่านหน้าจอครับพี่ มันคือ 'ตา' และ 'เสียง' ของผมในโลกดิจิทัล"
...
แล้วประตูสู่ห้องทำงานของเขาก็เปิดออก...และผมก็ก้าวเข้าสู่ "คลังแสง"
...
มันไม่ใช่แค่ห้องเก็บของ แต่มันคือวิหารของเหล่าอสูรแห่งวงการไอที กลิ่นอายของโลหะผสมและพลาสติกคุณภาพสูงลอยอบอวลอยู่ในอากาศ แต่สิ่งที่ทรงพลังกว่ากลิ่นคือ "เสียง" ...เสียงพัดลมระบายความร้อนของโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงที่เสียบปลั๊กเตรียมพร้อมไว้นั้นดังหึ่งๆ พร้อมกันจากหลายมุมห้อง มันไม่ใช่เสียงน่ารำคาญ แต่เป็นเสียงฮัมเพลงที่ทรงพลัง เหมือนเสียงเครื่องยนต์ของยานอวกาศหลายลำที่จอดเทียบท่ารอคำสั่งให้ออกทะยาน
...
"เชิญเลยน้อง ตามสบาย" พี่คนขายเชื้อเชิญ
...
มือของผมสัมผัสกับความเย็นเฉียบของโลหะจากฝาเครื่อง Acer Predator ที่วางอยู่ใกล้ตัวที่สุด ก่อนจะไล้ไปเจอกับมิติและน้ำหนักที่แตกต่างของเครื่องอื่นๆ แต่แล้ววินาทีที่น่าประทับใจที่สุดก็มาถึง...ตอนที่ปลายนิ้วของผมได้แตะลงบนตัวเครื่อง ASUS ROG Strix G16 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผมรู้มาว่ามันใช้ CPU Ryzen 9 ตัวแรกของไทย! ผิวสัมผัสของมันทั้งเย็นและเรียบลื่น ผมอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
...
"โอ้โหพี่...ตัวนี้ผมเพิ่งอ่านรีวิวไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนะ!"
...
พี่เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "ใช่เลยน้อง ชมได้เต็มที่ หรือจะเอาตัว AMD ใหม่นี่ก็ได้นะ แรงจัด ของเพิ่งเข้า ประหยัดกว่าซื้อมือหนึ่งเกือบหมื่น"
...
ใจผมเริ่มเรรวน...มันคือความรู้สึกเดียวกับคอรถยนต์ที่ได้เดินเข้าไปในโรงรถส่วนตัวที่เต็มไปด้วยซูเปอร์คาร์ แต่ละคันจอดเรียงรายอวดโฉมเชื้อเชิญให้เราเข้าไปสัมผัส พี่เขายังบิ๊วต่อไม่หยุด "มาช้าไปหน่อยนะน้อง ไม่งั้นได้จับ MSI GT78 รุ่นปี 2024 ด้วยนะ เพิ่งปล่อยไปเมื่อวาน"
...
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ และคิดในใจ 'โอย...พี่ครับ อย่าทำให้ผมตบะแตกไปกว่านี้เลย! แค่นี้ก็เลือกไม่ถูกแล้ว นี่ถ้าผมมีบ้านมีรถมาด้วย คงต้องเซ็นใบจำนองไว้ที่นี่แน่ๆ!'
...
และแล้ว...คู่เอกของวันนี้ก็ถูกนำมาวางตรงหน้าผม... ASUS ROG Strix SCAR 18 (2024) และ Dell Alienware M18 (2023) สองมหาเทพแห่งวงการเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก วางขนาบข้างกันราวกับนักมวยสองคนบนเวทีที่รอระฆังดัง
...
ผมวางมือซ้ายลงบนตัว SCAR 18 และมือขวาบน Alienware M18 แล้วค่อยๆ "อ่าน" พวกมันด้วยปลายนิ้ว
...
เจ้า Alienware ให้ความรู้สึกเหมือนรถถังอเมริกันพันธุ์ดุ วัสดุแข็งแกร่ง บึกบึน ให้ความรู้สึกทนทานอย่างที่สุด และเมื่อผมลองกดลงบนคีย์บอร์ด... "คลิก! คลิก! คลิก!" เสียงจากสวิตช์ Cherry MX แบบแมคคานิเคิลของมันดังขึ้นอย่างชัดเจนและสะใจทุกครั้งที่กด มันคือคีย์บอร์ดที่ "ตะโกน" บอกถึงพลังของมันออกมา สำหรับคนตาบอดอย่างผมที่ใช้การฟังเสียงและการสัมผัสเป็นหลัก เสียงคลิกที่หนักแน่นแบบนี้มันคือฟีดแบ็คชั้นยอด มันบอกผมว่า "ฉันรับคำสั่งของเธอแล้วนะ!" อย่างไม่มีข้อสงสัย
...
ในขณะที่มือซ้ายของผมสัมผัส SCAR 18...มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันเหมือนซามูไรในชุดเกราะที่ทันสมัย ปราดเปรียวแต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม ผิวสัมผัสของมันมีความซับซ้อนกว่า มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ออกแบบมาอย่างโฉบเฉี่ยว และเมื่อกดคีย์บอร์ด...มันกลับเงียบและนุ่มนวลกว่า แต่ให้แรงต้านที่กำลังดี มันคือคีย์บอร์ดที่ "กระซิบ" บอกถึงความแม่นยำและความเร็วสูง ไม่ต้องส่งเสียงดัง แต่ทุกคำสั่งจะถูกปฏิบัติอย่างเฉียบคม
...
นี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุด...ในใจของผมคือการชกกันของข้อมูล "SCAR 18 ได้เปรียบเรื่องจอ Mini-LED ที่สุดยอด และ CPU ที่เป็นรุ่นใหม่กว่านิดๆ...ส่วน Alienware ก็ได้คีย์บอร์ดแมคคานิเคิลที่พิมพ์มันส์สะใจ กับดีไซน์ที่ดูอมตะเหนือกาลเวลา..."
...
ผมใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานมาก...นานจนผมลืมเวลาไปเลย ผมลองเปิดเครื่อง ฟังเสียงพัดลมของทั้งสองตัวเวลาทำงานเต็มที่ ลองวางมือบนพื้นที่รอบคีย์บอร์ดเพื่อสัมผัสถึงความร้อนที่แผ่ออกมา พี่คนขายก็ใจดีอย่างเหลือเชื่อ ปล่อยให้ผมได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาสำคัญอย่างเต็มที่
...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่