เนสท์เล่ บอก ศาลสั่ง “มหากิจศิริ” ส่งบัญชีรับจ่าย-ทรัพย์สิน QCP ภายใน 15 ส.ค. แต่ ศาลปฏิเสธคำร้อง “เนสท์เล่” ตั้งบริษัท

คดีนี้ คงอีกนาน ปูเสื่อ

เนสท์เล่ ออกแถลงการณ์โต้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ สั่งกลุ่มมหากิจศิริส่งบัญชีรับจ่ายและทรัพย์สินรายเดือน QCP ให้ศาลและเนสท์เล่ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของเนสท์เล่

หลังจากที่กลุ่มมหากิจศิริได้ระบุว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งปฏิเสธคำขอของฝ่ายผู้ร้อง (เนสท์เล่) ในการแต่งตั้งบริษัท แกรนธอนตัน สเปเชียลิสท์ แอ็ดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ให้เข้ามาบริหารทรัพย์สินของบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) หรือกลุ่มมหากิจศิริชั่วคราว ระหว่างการพิจารณาคดีข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้นสองฝ่าย

โดยให้เหตุผลว่า บริษัทแกรนธอนตันแม้มีประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูกิจการ แต่ไม่เคยจัดการทรัพย์สินในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงเช่นนี้ และยังมีข้อกังขาเรื่องความเป็นกลาง เนื่องจากได้รับการติดต่อจากฝ่ายผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียวในวันที่ 9 กรกฏาคม 2568 นั้น

ช่วงบ่ายวันนี้ (10 กรกฎาคม 2568) เนสท์เล่ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งให้ เฉลิมชัย-สุวิมล–ประยุทธ มหากิจศิริ กรรมการบริษัท คอฟฟี่ ควอลิตี้ โปรดักท์ส จำกัด หรือคิวซีพี จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย และบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของบริษัท คิวซีพีเป็นรายเดือน
เพื่อส่งให้ศาลและเนสท์เล่ตรวจสอบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทคิวซีพี และเนสท์เล่ โดยที่การพิจารณาคดีขอยกเลิกกิจการบริษัทคิวซีพีที่เนสท์เล่ยื่นฟ้องยังดำเนินต่อไป

คดีนี้เนสท์เล่ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เพื่อขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัท คิวซีพี และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี ตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการแห่งสถาบันอนุญาโตตุลาการหอการค้านานาชาติ ที่ชี้ขาดให้เนสท์เล่เป็นฝ่ายชนะในการยุติสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มมหากิจศิริในดำเนินงานบริษัทคิวซีพี  และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวให้แก่เนสท์เล่ระหว่างการพิจารณาคดี

ระหว่างการพิจารณาคำร้อง ศาลได้พิจารณาเอกสารต่าง ๆ ซึ่งเผยให้เห็นถึงความขัดแย้งรุนแรงและความล้มเหลวในการเจรจาระหว่างผู้ถือหุ้น 2 ฝ่ายและกรรมการบริษัท ที่ทำให้เนสท์เล่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจบริษัท QCP ร่วมกับตระกูลมหากิจศิริได้อีกต่อไป นอกจากนี้ ศาลยังได้รับหลักฐานซึ่งชี้ให้เห็นถึงเจตนาของครอบครัวมหากิจศิริในการใช้ประโยชน์จากบริษัทร่วมทุนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างชัดเจน

ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงเห็นว่ามีเหตุสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของเนสท์เล่ในระหว่างพิจารณาคดีขอยกเลิกกิจการบริษัทคิวซีพี  และได้มีคำสั่งให้กรรมการฝ่ายมหากิจศิริจัดทำบัญชีรับจ่าย และบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ส่งให้ศาลและเนสท์เล่เป็นประจำทุกเดือน โดยให้เริ่มจัดทำบัญชีตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

สำหรับบัญชีประจำเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม 2568 ให้กลุ่มมหากิจศิริจัดส่งภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท คิวซีพี และเนสท์เล่ แทนการแต่งตั้งบริษัท แกรนท์ ธอนตัน เป็นผู้จัดการรักษาทรัพย์สินของบริษัท คิวซีพี

คดีขอยกเลิกกิจการบริษัทคิวซีพีที่เนสท์เล่ยื่นฟ้องจะยังคงดำเนินต่อไป และการที่ศาลมีคำสั่งให้ฝ่ายมหากิจศิริ ในฐานะกรรมการบริษัท คิวซีพี ส่งบัญชีรายรับรายจ่ายและบัญชีทรัพย์สินหนี้สินรายเดือนของบริษัท จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดีขอยกเลิกกิจการดังล่าว

ระหว่างปี 2533 ถึง 2567 ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในประเทศไทยเคยผลิตโดยบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแบบ 50/50 ระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริ แต่แบรนด์เนสกาแฟและเทคโนโลยีการผลิตที่เกี่ยวข้องล้วนเป็นของเนสท์เล่ และเนสท์เล่เป็นผู้บริหารงานบริษัท QCP ทั้งหมดด้วยตนเอง ซึ่งภายหลังการยุติสัญญาร่วมทุน เนสท์เล่ มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าลงทุนเพื่อตั้งโรงงานผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย และยังเป็นผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุดของไทย



ศาลปฏิเสธคำร้อง “เนสท์เล่” ตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สินเนสกาแฟ

“มหากิจศิริ” เฮ! ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ปฏิเสธคำร้องเนสท์เล่ ตั้ง “แกรนธอนตัน สเปเชียลิสท์ แอ็ดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส” บริหารทรัพย์สินของ QCP เหตุไม่เคยจัดการทรัพย์สินกรณีผู้ถือหุ้นขัดแย้งรุนแรง

ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งปฏิเสธคำขอของฝ่ายผู้ร้อง (เนสท์เล่) ในการแต่งตั้งบริษัท แกรนธอนตัน สเปเชียลิสท์ แอ็ดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ให้เข้ามาบริหารทรัพย์สินขอ งบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) หรือกลุ่มมหากิจศิริ ชั่วคราว ระหว่างการพิจารณาคดีข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้นสองฝ่าย

โดยให้เหตุผลว่า บริษัทแกรนธอนตันแม้มีประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูกิจการ แต่ไม่เคยจัดการทรัพย์สินในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงเช่นนี้ และยังมีข้อกังขาเรื่องความเป็นกลาง เนื่องจากได้รับการติดต่อจากฝ่ายผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว

ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าการแต่งตั้งผู้จัดการภายนอก ณ เวลานี้ยังไม่เหมาะสม แต่เพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นฝ่ายผู้ร้อง ศาลมีคำสั่งให้กรรมการฝ่ายผู้คัดค้านทั้งสาม จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทเป็นรายเดือน ส่งต่อศาลพร้อมสำเนาให้ผู้ร้อง ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ ศาลแพ่งมีนบุรีมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว อนุญาตให้กรรมการฝ่ายผู้คัดค้านใช้เสียงข้างมากได้ โดยไม่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับบริษัทที่กำหนดให้ใช้เสียง 5 จาก 7 เสียง ทำให้ฝ่ายผู้คัดค้านสามารถใช้เสียงข้างมากได้ทุกวาระ เพื่อบริหารกิจการต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีมติให้พักงาน นายรามอน เมนดิวิล กิล ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายผู้ร้องในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ที่สั่งปิดโรงงาน ทำให้ฝ่ายผู้คัดค้านสามารถกลับมาดำเนินงานและตรวจสอบการใช้จ่ายของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะช่วยให้ผู้คัดค้าน สามารถเข้ามาดำเนินการกิจการของ QCP ผลิตกาแฟเพื่อคนไทยได้ต่อไป

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีข้อพิพาทระหว่างเนสท์เล่ และตระกูลมหากิจศิริ จากจุดเริ่มเนสท์เล่ และตระกูลมหากิจศิริ ร่วมก่อตั้งบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) เมื่อปี 2533 โดยถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อผลิต “เนสกาแฟ” ในไทย

ต่อมาปี 2564 เนสท์เล่ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ QCP ในการผลิตเนสกาแฟ และการยุติสัญญามีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการสากล 

ภายหลังการยุติสัญญา ผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงทิศทางในอนาคตของ QCP ได้ ส่งผลให้เกิดการยื่นฟ้องต่อศาลต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเนสท์เล่ ได้แต่งตั้ง บริษัท แกรนธอนตัน สเปเชียลิสท์ แอ็ดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ให้เข้ามาบริหารทรัพย์สินของ QCP



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่