ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของหัวใจที่เต้นรัวหรือความรู้สึกที่ลึกซึ้ง แต่เป็นเรื่องของเคมีที่ซับซ้อนภายในร่างกายของเราเอง ตั้งแต่กลิ่นกายที่ดึงดูดใจไปจนถึงสารสื่อประสาทที่หลั่งออกมาเมื่อเราตกหลุมรัก ทุกสิ่งล้วนมีกลไกทางวิทยาศาสตร์รองรับ ลองมาเจาะลึกถึงเบื้องหลังของ "กลิ่นความรัก" ที่ว่านี้กัน
สวัสดีทุกคน สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Pantip วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องสุดโรแมนติกที่ทั้งลึกซึ้งและมีกลิ่นหอมหวาน กับเรื่องที่ชื่อว่า “กลิ่นความรัก ฮอร์โมน ฟีโรโมน และเคมีของการตกหลุมรัก” แค่ชื่อก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งมันทั้งน่าสนใจและเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ทั้งด้านชีววิทยา จิตวิทยา และปรัชญาแห่งความรักเลยนะ
กลิ่นความรัก สะพานลับที่เชื่อมใจ
สมมติเราเดินผ่านใครสักคน แล้วจู่ ๆ มีกลิ่นหอม ๆ ลอยมาเตะจมูก ใจเต้นตึกตัก นั่นแหละคือพลังของ กลิ่นความรัก ที่บทความนี้พูดถึง กลิ่นมันเหมือน สะพานลับ ที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนเข้าด้วยกัน โดยที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัวเลย กลิ่นมันไม่ได้แค่หอมหรือเหม็นเฉย ๆ นะ มันมีพลังในการ ดึงดูด และ กระตุ้นความรู้สึก ในระดับที่ลึกมาก ๆ ซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะไม่ทันได้ตั้งตัวเลยว่า อ้าว ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้?
กลิ่นตัวแต่ละคน เปรียบเสมือน ลายนิ้วมือแห่งกลิ่นตัว
ทุกคนมี กลิ่นตัว ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมือนลายนิ้วมือเลย กลิ่นตัวของเราจะขึ้นอยู่กับหลายอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น
- พันธุกรรม ดีเอ็นเอของเรานี่แหละที่กำหนดว่าเราจะมีกลิ่นตัวแบบไหน
- ไลฟ์สไตล์ เช่น ออกกำลังกายบ่อยมั้ย? นอนหลับดีรึเปล่า?
- โภชนาการ กินอะไรก็มีผล เช่น ถ้ากินกระเทียมเยอะ กลิ่นตัวก็อาจจะฉุนนิดนึง
- สุขภาพ ถ้าสุขภาพดี กลิ่นตัวก็จะยิ่งน่าดึงดูด
ที่สำคัญ กลิ่นตัวของเราจะไป กระตุ้นสมอง ของคนอื่นในแบบที่เราไม่รู้ตัวเลยล่ะ
กลิ่นเชื่อมโยงกับสมองส่วนอารมณ์
มาถึงส่วนที่แบบ วิทยาศาสตร์สุด ๆ กลิ่นมันไม่ได้แค่ลอยมาแล้วหายไปนะ มันจะวิ่งตรงไปยัง สมองส่วนอารมณ์ หรือที่เรียกว่า
Limbic System ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุม ความรู้สึก และ ความทรงจำ ของเรา นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลาได้กลิ่นอะไรบางอย่าง เช่น กลิ่นน้ำหอมของแฟนเก่า หรือกลิ่นอาหารที่แม่ทำตอนเด็ก ๆ เราถึงรู้สึกใจหายวูบ หรือนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ได้ทันที กลิ่นมันเหมือนเครื่องย้อนเวลาเลยเนาะ
กลิ่นที่ทำให้ใจเต้น วานิลลากับมัสก์
กลิ่นบางอย่างมันมีพลังในการ ปลุกเร้าความรู้สึก และสร้าง บรรยากาศโรแมนติก ได้ด้วย เช่น
- กลิ่นวานิลลา กลิ่นหวานนวล ๆ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมือนอยู่ในอ้อมกอด
- กลิ่นมัสก์ กลิ่นที่เซ็กซี่หน่อย ๆ ลึกลับนิด ๆ ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกว้าว
เพื่อน ๆ ลองนึกภาพตาม ถ้าเราไปเดท แล้วได้กลิ่นวานิลลาลอยมา โอ้โห มันเหมือนมีมนต์สะกดให้ใจเต้นตึกตักเลยล่ะ
วัฒนธรรมกับกลิ่น กลิ่นควันไฟคือความงาม
ในบางวัฒนธรรม กลิ่นมันไม่ใช่แค่เรื่องความหอม แต่เป็น เครื่องมือในการเลือกคู่ เลย ตัวอย่างเช่น
ชาวฮิมบาในแอฟริกา เขาใช้ กลิ่นควันไฟ เป็นสัญลักษณ์ของความงาม ฟังไม่ผิดนะ กลิ่นควันไฟสำหรับเขาคือสิ่งที่เซ็กซี่และดึงดูดใจ
มันทำให้เห็นเลยว่า กลิ่นมันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่มันฝังรากอยู่ใน วัฒนธรรม และ ความเชื่อ ของแต่ละที่ด้วย เพื่อน ๆ คิดว่าถ้าในไทยเราจะมีกลิ่นอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักบ้าง? กลิ่นข้าวเหนียวมะม่วงรึเปล่าน้า?
ร่างกายเรากลายเป็นโรงงานเคมีแห่งรัก “ฮอร์โมนแห่งรัก เคมีที่สร้างแรงดึงดูด”
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกมั้ยว่าเวลาตกหลุมรักเนี่ย มันเหมือนมีผีเสื้อบินวนในท้อง หรือใจเต้นตึกตักจนนอนไม่หลับ? นั่นแหละ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกเฉย ๆ นะ ร่างกายของเรากำลัง ผลิตฮอร์โมน ออกมาแบบโรงงานเคมีขนาดย่อมเลย เมื่อเราตกหลุมรัก ร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมน หลายตัวที่ทำให้เรารู้สึกฟิน ใจเต้น และบางทีก็ทำตัวแปลก ๆ (เช่น ส่งข้อความไปหาคนที่แอบชอบตอนตีสอง) เราจะมาดูกันว่า ฮอร์โมนตัวไหนทำอะไรบ้าง และมันเปลี่ยนเราให้กลายเป็นคนคลั่งรักได้ยังไง
ฮอร์โมนตัวที่ 1 โดพามีน (Dopamine) – ความฟินสุดขีด
โดพามีน หรือที่ผมขอเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความฟิน ตัวนี้คือตัวการที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ใจสั่น เหมือนนั่งรถไฟเหาะทุกครั้งที่เจอคนที่ชอบ
มันทำงานยังไง?
โดพามีนจะหลั่งออกมาในช่วงที่เรา รู้สึกสนุก หรือ ตื่นเต้น เช่น ตอนจีบกันใหม่ ๆ ได้คุยกับคนที่แอบชอบ หรือตอนที่เขาแอบยิ้มให้ มันเหมือนร่างกายบอกว่า “ว้าววว สิ่งนี้ดีต่อใจ” ลองนึกตอนที่เราได้เดทครั้งแรก หรือตอนที่ได้รับข้อความว่า “คิดถึงนะ” โอ้โห โดพามีนพุ่งปรี๊ดเลย
ตัวอย่างในชีวิตจริง
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกแบบใจเต้นตึกตักตอนได้เจอคนที่ชอบมั้ย? นั่นแหละ โดพามีนทำงาน มันเหมือนยาเสพติดธรรมชาติที่ทำให้เราอยากเจอเขาบ่อย ๆ อยากคุยด้วยตลอดเวลา
ฮอร์โมนตัวที่ 2 ออกซิโทซิน (Oxytocin) – ตัวเชื่อมใจ
ออกซิโทซิน หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน ตัวนี้คือตัวที่ทำให้เรารู้สึกอยากใกล้ชิด อยากกอด อยากจูบคนที่รัก
มันทำงานยังไง?
ออกซิโทซินจะหลั่งออกมาเมื่อมีการ สัมผัสทางกายภาพ เช่น กอด จูบ หรือแม้แต่จับมือ มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และผูกพันกับอีกฝ่ายมากขึ้น เปรียบเหมือนกาวที่ยึดหัวใจของสองคนไว้ด้วยกัน
ตัวอย่างในชีวิตจริง
ลองนึกถึงตอนที่กอดแฟน หรือตอนที่ได้จับมือกันครั้งแรก มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า “คนนี้แหละ ที่พิเศษ” ออกซิโทซินนี่แหละที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
ฮอร์โมนตัวที่ 3 เซโรโทนิน (Serotonin) – ความสงบที่ทำให้คลั่งรัก
เซโรโทนิน หรือ ฮอร์โมนแห่งความสงบ แต่ในช่วงที่เราตกหลุมรัก เซโรโทนินมันอาจจะ ลดลง ทำให้เราคิดถึงคนนั้นตลอดเวลา
มันทำงานยังไง?
ปกติเซโรโทนินช่วยให้เราสงบและควบคุมตัวเองได้ดี แต่พอเราตกหลุมรัก ระดับมันอาจจะดรอปลง ทำให้เราเหมือนคนเสียสติ คิดถึงเขาทุกนาที อยากส่งข้อความหาตลอดเวลา หรือบางทีก็แอบเช็กโซเชียลมีเดียของเขาทั้งวัน
ตัวอย่างในชีวิตจริง
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกแบบ ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย? นั่นแหละ เซโรโทนินกำลังเล่นตลกกับเรา มันทำให้เราคลั่งรักจนบางทีก็ลืมตัวเองไปเลย
ฮอร์โมนตัวที่ 4 เทสโทสเตอโรน / เอสโตรเจน – แรงปรารถนาสุดร้อนแรง
ปิดท้ายด้วย เทสโทสเตอโรน และ เอสโตรเจน หรือที่ผมขอเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งไฟรัก ตัวนี้คือตัวที่ทำให้เรารู้สึกอยากใกล้ชิดในแบบที่...เอ่อ...ลึกซึ้งหน่อย
มันทำงานยังไง?
เทสโทสเตอโรน (ในผู้ชาย) และเอสโตรเจน (ในผู้หญิง) จะ กระตุ้นความต้องการทางเพศ และทำให้เกิดแรงดึงดูดในระดับกายภาพ มันเหมือนสวิตช์ที่เปิดไฟให้ใจเราเต้นแรงเมื่อเจอคนที่ใช่
ตัวอย่างในชีวิตจริง
เคยรู้สึกมั้ยว่าเห็นคนที่ชอบแล้วมันมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้อยากเข้าไปใกล้ ๆ? นั่นแหละ ฮอร์โมนตัวนี้กำลังทำงาน! มันทำให้เรารู้สึกว่า “คนนี้แซ่บจัง”
รักคือเคมีสุดมหัศจรรย์
ความรักมันเหมือน ค็อกเทลเคมี ที่ร่างกายเราผสมขึ้นมาเอง
โดพามีน ทำให้เราฟินและตื่นเต้น
ออกซิโทซิน ทำให้เราอยากกอด อยากผูกพัน
เซโรโทนิน ทำให้เราคลั่งรักจนหยุดคิดถึงเขาไม่ได้
เทสโทสเตอโรน/เอสโตรเจน จุดไฟให้ใจร้อนแรง
ทั้งหมดนี้รวมกันกลายเป็นพลังแห่งรักที่ทำให้เราทำอะไรแปลก ๆ แต่ก็ฟินสุด ๆ ไปเลย เพื่อน ๆ ล่ะ เคยรู้สึกถึงพลังของฮอร์โมนตัวไหนชัดสุด?
ฟีโรโมน กลิ่นไร้กลิ่นที่สื่อสารผ่านอากาศ
กลิ่นที่มองไม่เห็น สมมติเราเดินผ่านใครสักคน แล้วจู่ ๆ รู้สึกใจเต้นตึกตัก โดยที่เขาไม่ได้ฉีดน้ำหอมอะไรเลย นั่นอาจจะเป็นพลังของ ฟีโรโมน มันคือ สารเคมีลับ ที่ร่างกายเราปล่อยออกมาแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่นที่เราจะรับรู้ได้ด้วยจมูกแบบปกติ แต่! มันมีพลังในการ ส่งผลต่อพฤติกรรม ของคนอื่นได้
มันเหมือน ข้อความลับ ที่ร่างกายเราส่งผ่านอากาศไปถึงคนอื่น โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย เหมือนมีมนต์สะกดที่ทำให้คนรู้สึกดึงดูดโดยไม่รู้ว่าทำไม
ฟีโรโมนในสัตว์ แชทลับแห่งธรรมชาติ
ก่อนจะไปถึงมนุษย์ เรามาดูในโลกของสัตว์กันก่อน ในสัตว์ ฟีโรโมนคือ เครื่องมือสุดเจ๋ง ที่ช่วยในเรื่อง
- การเลือกคู่ เช่น น้องผีเสื้อตัวเมียปล่อยฟีโรโมนออกมาเพื่อบอกตัวผู้ว่า “ฉันพร้อมแล้วนะ”
- บ่งบอกช่วงเจริญพันธุ์ ฟีโรโมนจะบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการสืบพันธุ์
เหมือนสัตว์มีแอปแชทลับอยู่ในตัว ที่ส่งข้อความไปหาคู่ที่ใช่โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย ธรรมชาตินี่มันเก่งจริง ๆ นะ
ฟีโรโมนในมนุษย์ กลิ่นลับที่ทำให้ใจสั่น
แม้ว่าฟีโรโมนในคนจะไม่ชัดเจนเหมือนในสัตว์ แต่ว่าเราก็ยังมี ฟีโรโมน ที่ปล่อยออกมาผ่าน ต่อมเหงื่อ และ ผิวหนัง ตัวอย่างที่เด็ดสุดคือ androstenone ซึ่งเป็นฟีโรโมนที่พบในผู้ชาย ฟีโรโมนตัวนี้บางทีอาจทำให้ผู้หญิงบางคนรู้สึก ดึงดูด โดยไม่รู้ตัว มันเหมือนกลิ่นที่มองไม่เห็น แต่สมองของอีกฝ่ายรับรู้ได้ แล้วก็แบบ “ว้าว คนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษ”
การทดลองสุดว้าว เสื้อยืดกลิ่นตัว
การทดลองที่เจ๋งมาก ๆ นั่นคือ การทดลองเสื้อยืด นักวิจัยให้ผู้ชายใส่เสื้อยืดไปนอนสักสองสามคืน เพื่อให้เสื้อซึมซับ กลิ่นตัว ของเขาแบบเต็ม ๆ แล้วเอาเสื้อไปให้ผู้หญิงดม (ฟังดูแปลก ๆ แต่เพื่อวิทยาศาสตร์นะ)
ผลคืออะไร? ผู้หญิงบางคนรู้สึกว่า ถูกดึงดูด กับกลิ่นของเสื้อบางตัว โดยที่พวกเธอไม่รู้ตัวเลยว่าทำไม มันเหมือนสมองของพวกเธอรับรู้ฟีโรโมน แล้วส่งสัญญาณว่า “คนนี้แหละ น่าสนใจ” นี่คือพลังของฟีโรโมนที่ทำงานแบบเงียบ ๆ แต่ทรงพลังสุด ๆ
ฟีโรโมน มันคือ กลิ่นไร้กลิ่น ที่เหมือนมีพลังวิเศษ มันลอยอยู่ในอากาศ ส่งข้อความลับจากร่างกายเราไปถึงคนอื่น ทำให้เกิดความดึงดูดแบบที่เราไม่รู้ตัว! ไม่ว่าจะเป็นในสัตว์ที่ช่วยเลือกคู่ หรือในมนุษย์ที่ทำให้ใจเต้นโดยไม่ต้องฉีดน้ำหอม ฟีโรโมนคือตัวช่วยที่ทำให้ความรักมันมีสีสัน
ความรักคือเคมีสุดมหัศจรรย์
เคยรู้สึกมั้ยว่าเวลาตกหลุมรักเนี่ย มันเหมือนโลกทั้งใบเปลี่ยนไป หัวใจเต้นตึกตัก มือเย็น เหงื่อออก แล้วก็คิดถึงเขาตลอดเวลา นั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกเฉย ๆ นะ แต่มันคือ ปฏิกิริยาทางเคมี ที่เกิดขึ้นในสมองและร่างกายของเรา มันเหมือนร่างกายเรากลายเป็น โรงงานเคมี ที่ผลิตสารแห่งความรักออกมาแบบไม่หยุด และที่สำคัญ มันไม่ใช่แค่เรื่องของหัวใจอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับ จิตใจ และ ร่างกาย ด้วย มาดูกันว่าเคมีของความรักมันทำงานยังไงบ้าง
1. สมองตอนตกหลุมรัก เหมือนติดยาเสพติด
เมื่อเราตกหลุมรัก สมองของเราจะทำงานเหมือนตอนที่เรา ติดยาเสพติด โดยเฉพาะ โดพามีน หรือที่ผมขอเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความฟิน โดพามีนจะหลั่งออกมาแบบพรั่งพรู ทำให้เรารู้สึก ยิ่งกว่าใช่ มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น กระตือรือร้น และเหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูไปหมด ลองนึกภาพตอนที่เราได้เจอคนที่ชอบครั้งแรก หรือตอนที่เขาแอบยิ้มให้ สมองเราจะปล่อยโดพามีนออกมาเหมือนจุดพลุ
นอกจากความฟินแล้ว สารเคมีในสมองยังทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้นแรง เหงื่อออก มือเย็น และรู้สึกกระตือรือร้นแบบสุด ๆ มันเหมือนร่างกายเรากำลังบอกว่า “คนนี้แหละ ที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสัน”
อ่านต่อ หน้า 2 ...
กลิ่นความรัก ฮอร์โมน ฟีโรโมน และเคมีของการตกหลุมรัก
สวัสดีทุกคน สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Pantip วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องสุดโรแมนติกที่ทั้งลึกซึ้งและมีกลิ่นหอมหวาน กับเรื่องที่ชื่อว่า “กลิ่นความรัก ฮอร์โมน ฟีโรโมน และเคมีของการตกหลุมรัก” แค่ชื่อก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งมันทั้งน่าสนใจและเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง ทั้งด้านชีววิทยา จิตวิทยา และปรัชญาแห่งความรักเลยนะ
สมมติเราเดินผ่านใครสักคน แล้วจู่ ๆ มีกลิ่นหอม ๆ ลอยมาเตะจมูก ใจเต้นตึกตัก นั่นแหละคือพลังของ กลิ่นความรัก ที่บทความนี้พูดถึง กลิ่นมันเหมือน สะพานลับ ที่เชื่อมโยงหัวใจของคนสองคนเข้าด้วยกัน โดยที่บางทีเราก็ไม่รู้ตัวเลย กลิ่นมันไม่ได้แค่หอมหรือเหม็นเฉย ๆ นะ มันมีพลังในการ ดึงดูด และ กระตุ้นความรู้สึก ในระดับที่ลึกมาก ๆ ซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะไม่ทันได้ตั้งตัวเลยว่า อ้าว ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้?
ทุกคนมี กลิ่นตัว ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมือนลายนิ้วมือเลย กลิ่นตัวของเราจะขึ้นอยู่กับหลายอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น
- พันธุกรรม ดีเอ็นเอของเรานี่แหละที่กำหนดว่าเราจะมีกลิ่นตัวแบบไหน
- ไลฟ์สไตล์ เช่น ออกกำลังกายบ่อยมั้ย? นอนหลับดีรึเปล่า?
- โภชนาการ กินอะไรก็มีผล เช่น ถ้ากินกระเทียมเยอะ กลิ่นตัวก็อาจจะฉุนนิดนึง
- สุขภาพ ถ้าสุขภาพดี กลิ่นตัวก็จะยิ่งน่าดึงดูด
ที่สำคัญ กลิ่นตัวของเราจะไป กระตุ้นสมอง ของคนอื่นในแบบที่เราไม่รู้ตัวเลยล่ะ
มาถึงส่วนที่แบบ วิทยาศาสตร์สุด ๆ กลิ่นมันไม่ได้แค่ลอยมาแล้วหายไปนะ มันจะวิ่งตรงไปยัง สมองส่วนอารมณ์ หรือที่เรียกว่า Limbic System ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุม ความรู้สึก และ ความทรงจำ ของเรา นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลาได้กลิ่นอะไรบางอย่าง เช่น กลิ่นน้ำหอมของแฟนเก่า หรือกลิ่นอาหารที่แม่ทำตอนเด็ก ๆ เราถึงรู้สึกใจหายวูบ หรือนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ได้ทันที กลิ่นมันเหมือนเครื่องย้อนเวลาเลยเนาะ
กลิ่นบางอย่างมันมีพลังในการ ปลุกเร้าความรู้สึก และสร้าง บรรยากาศโรแมนติก ได้ด้วย เช่น
- กลิ่นวานิลลา กลิ่นหวานนวล ๆ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมือนอยู่ในอ้อมกอด
- กลิ่นมัสก์ กลิ่นที่เซ็กซี่หน่อย ๆ ลึกลับนิด ๆ ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกว้าว
เพื่อน ๆ ลองนึกภาพตาม ถ้าเราไปเดท แล้วได้กลิ่นวานิลลาลอยมา โอ้โห มันเหมือนมีมนต์สะกดให้ใจเต้นตึกตักเลยล่ะ
ในบางวัฒนธรรม กลิ่นมันไม่ใช่แค่เรื่องความหอม แต่เป็น เครื่องมือในการเลือกคู่ เลย ตัวอย่างเช่น
ชาวฮิมบาในแอฟริกา เขาใช้ กลิ่นควันไฟ เป็นสัญลักษณ์ของความงาม ฟังไม่ผิดนะ กลิ่นควันไฟสำหรับเขาคือสิ่งที่เซ็กซี่และดึงดูดใจ
มันทำให้เห็นเลยว่า กลิ่นมันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่มันฝังรากอยู่ใน วัฒนธรรม และ ความเชื่อ ของแต่ละที่ด้วย เพื่อน ๆ คิดว่าถ้าในไทยเราจะมีกลิ่นอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักบ้าง? กลิ่นข้าวเหนียวมะม่วงรึเปล่าน้า?
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกมั้ยว่าเวลาตกหลุมรักเนี่ย มันเหมือนมีผีเสื้อบินวนในท้อง หรือใจเต้นตึกตักจนนอนไม่หลับ? นั่นแหละ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกเฉย ๆ นะ ร่างกายของเรากำลัง ผลิตฮอร์โมน ออกมาแบบโรงงานเคมีขนาดย่อมเลย เมื่อเราตกหลุมรัก ร่างกายจะหลั่ง ฮอร์โมน หลายตัวที่ทำให้เรารู้สึกฟิน ใจเต้น และบางทีก็ทำตัวแปลก ๆ (เช่น ส่งข้อความไปหาคนที่แอบชอบตอนตีสอง) เราจะมาดูกันว่า ฮอร์โมนตัวไหนทำอะไรบ้าง และมันเปลี่ยนเราให้กลายเป็นคนคลั่งรักได้ยังไง
โดพามีน หรือที่ผมขอเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความฟิน ตัวนี้คือตัวการที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ใจสั่น เหมือนนั่งรถไฟเหาะทุกครั้งที่เจอคนที่ชอบ
มันทำงานยังไง?
โดพามีนจะหลั่งออกมาในช่วงที่เรา รู้สึกสนุก หรือ ตื่นเต้น เช่น ตอนจีบกันใหม่ ๆ ได้คุยกับคนที่แอบชอบ หรือตอนที่เขาแอบยิ้มให้ มันเหมือนร่างกายบอกว่า “ว้าววว สิ่งนี้ดีต่อใจ” ลองนึกตอนที่เราได้เดทครั้งแรก หรือตอนที่ได้รับข้อความว่า “คิดถึงนะ” โอ้โห โดพามีนพุ่งปรี๊ดเลย
ตัวอย่างในชีวิตจริง
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกแบบใจเต้นตึกตักตอนได้เจอคนที่ชอบมั้ย? นั่นแหละ โดพามีนทำงาน มันเหมือนยาเสพติดธรรมชาติที่ทำให้เราอยากเจอเขาบ่อย ๆ อยากคุยด้วยตลอดเวลา
ออกซิโทซิน หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน ตัวนี้คือตัวที่ทำให้เรารู้สึกอยากใกล้ชิด อยากกอด อยากจูบคนที่รัก
มันทำงานยังไง?
ออกซิโทซินจะหลั่งออกมาเมื่อมีการ สัมผัสทางกายภาพ เช่น กอด จูบ หรือแม้แต่จับมือ มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และผูกพันกับอีกฝ่ายมากขึ้น เปรียบเหมือนกาวที่ยึดหัวใจของสองคนไว้ด้วยกัน
ตัวอย่างในชีวิตจริง
ลองนึกถึงตอนที่กอดแฟน หรือตอนที่ได้จับมือกันครั้งแรก มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า “คนนี้แหละ ที่พิเศษ” ออกซิโทซินนี่แหละที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
เซโรโทนิน หรือ ฮอร์โมนแห่งความสงบ แต่ในช่วงที่เราตกหลุมรัก เซโรโทนินมันอาจจะ ลดลง ทำให้เราคิดถึงคนนั้นตลอดเวลา
มันทำงานยังไง?
ปกติเซโรโทนินช่วยให้เราสงบและควบคุมตัวเองได้ดี แต่พอเราตกหลุมรัก ระดับมันอาจจะดรอปลง ทำให้เราเหมือนคนเสียสติ คิดถึงเขาทุกนาที อยากส่งข้อความหาตลอดเวลา หรือบางทีก็แอบเช็กโซเชียลมีเดียของเขาทั้งวัน
ตัวอย่างในชีวิตจริง
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกแบบ ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย? นั่นแหละ เซโรโทนินกำลังเล่นตลกกับเรา มันทำให้เราคลั่งรักจนบางทีก็ลืมตัวเองไปเลย
ปิดท้ายด้วย เทสโทสเตอโรน และ เอสโตรเจน หรือที่ผมขอเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งไฟรัก ตัวนี้คือตัวที่ทำให้เรารู้สึกอยากใกล้ชิดในแบบที่...เอ่อ...ลึกซึ้งหน่อย
มันทำงานยังไง?
เทสโทสเตอโรน (ในผู้ชาย) และเอสโตรเจน (ในผู้หญิง) จะ กระตุ้นความต้องการทางเพศ และทำให้เกิดแรงดึงดูดในระดับกายภาพ มันเหมือนสวิตช์ที่เปิดไฟให้ใจเราเต้นแรงเมื่อเจอคนที่ใช่
ตัวอย่างในชีวิตจริง
เคยรู้สึกมั้ยว่าเห็นคนที่ชอบแล้วมันมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้อยากเข้าไปใกล้ ๆ? นั่นแหละ ฮอร์โมนตัวนี้กำลังทำงาน! มันทำให้เรารู้สึกว่า “คนนี้แซ่บจัง”
ความรักมันเหมือน ค็อกเทลเคมี ที่ร่างกายเราผสมขึ้นมาเอง
โดพามีน ทำให้เราฟินและตื่นเต้น
ออกซิโทซิน ทำให้เราอยากกอด อยากผูกพัน
เซโรโทนิน ทำให้เราคลั่งรักจนหยุดคิดถึงเขาไม่ได้
เทสโทสเตอโรน/เอสโตรเจน จุดไฟให้ใจร้อนแรง
ทั้งหมดนี้รวมกันกลายเป็นพลังแห่งรักที่ทำให้เราทำอะไรแปลก ๆ แต่ก็ฟินสุด ๆ ไปเลย เพื่อน ๆ ล่ะ เคยรู้สึกถึงพลังของฮอร์โมนตัวไหนชัดสุด?
กลิ่นที่มองไม่เห็น สมมติเราเดินผ่านใครสักคน แล้วจู่ ๆ รู้สึกใจเต้นตึกตัก โดยที่เขาไม่ได้ฉีดน้ำหอมอะไรเลย นั่นอาจจะเป็นพลังของ ฟีโรโมน มันคือ สารเคมีลับ ที่ร่างกายเราปล่อยออกมาแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่นที่เราจะรับรู้ได้ด้วยจมูกแบบปกติ แต่! มันมีพลังในการ ส่งผลต่อพฤติกรรม ของคนอื่นได้
มันเหมือน ข้อความลับ ที่ร่างกายเราส่งผ่านอากาศไปถึงคนอื่น โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย เหมือนมีมนต์สะกดที่ทำให้คนรู้สึกดึงดูดโดยไม่รู้ว่าทำไม
ก่อนจะไปถึงมนุษย์ เรามาดูในโลกของสัตว์กันก่อน ในสัตว์ ฟีโรโมนคือ เครื่องมือสุดเจ๋ง ที่ช่วยในเรื่อง
- การเลือกคู่ เช่น น้องผีเสื้อตัวเมียปล่อยฟีโรโมนออกมาเพื่อบอกตัวผู้ว่า “ฉันพร้อมแล้วนะ”
- บ่งบอกช่วงเจริญพันธุ์ ฟีโรโมนจะบอกว่าตอนนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการสืบพันธุ์
เหมือนสัตว์มีแอปแชทลับอยู่ในตัว ที่ส่งข้อความไปหาคู่ที่ใช่โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย ธรรมชาตินี่มันเก่งจริง ๆ นะ
แม้ว่าฟีโรโมนในคนจะไม่ชัดเจนเหมือนในสัตว์ แต่ว่าเราก็ยังมี ฟีโรโมน ที่ปล่อยออกมาผ่าน ต่อมเหงื่อ และ ผิวหนัง ตัวอย่างที่เด็ดสุดคือ androstenone ซึ่งเป็นฟีโรโมนที่พบในผู้ชาย ฟีโรโมนตัวนี้บางทีอาจทำให้ผู้หญิงบางคนรู้สึก ดึงดูด โดยไม่รู้ตัว มันเหมือนกลิ่นที่มองไม่เห็น แต่สมองของอีกฝ่ายรับรู้ได้ แล้วก็แบบ “ว้าว คนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษ”
การทดลองที่เจ๋งมาก ๆ นั่นคือ การทดลองเสื้อยืด นักวิจัยให้ผู้ชายใส่เสื้อยืดไปนอนสักสองสามคืน เพื่อให้เสื้อซึมซับ กลิ่นตัว ของเขาแบบเต็ม ๆ แล้วเอาเสื้อไปให้ผู้หญิงดม (ฟังดูแปลก ๆ แต่เพื่อวิทยาศาสตร์นะ)
ผลคืออะไร? ผู้หญิงบางคนรู้สึกว่า ถูกดึงดูด กับกลิ่นของเสื้อบางตัว โดยที่พวกเธอไม่รู้ตัวเลยว่าทำไม มันเหมือนสมองของพวกเธอรับรู้ฟีโรโมน แล้วส่งสัญญาณว่า “คนนี้แหละ น่าสนใจ” นี่คือพลังของฟีโรโมนที่ทำงานแบบเงียบ ๆ แต่ทรงพลังสุด ๆ
ฟีโรโมน มันคือ กลิ่นไร้กลิ่น ที่เหมือนมีพลังวิเศษ มันลอยอยู่ในอากาศ ส่งข้อความลับจากร่างกายเราไปถึงคนอื่น ทำให้เกิดความดึงดูดแบบที่เราไม่รู้ตัว! ไม่ว่าจะเป็นในสัตว์ที่ช่วยเลือกคู่ หรือในมนุษย์ที่ทำให้ใจเต้นโดยไม่ต้องฉีดน้ำหอม ฟีโรโมนคือตัวช่วยที่ทำให้ความรักมันมีสีสัน
เคยรู้สึกมั้ยว่าเวลาตกหลุมรักเนี่ย มันเหมือนโลกทั้งใบเปลี่ยนไป หัวใจเต้นตึกตัก มือเย็น เหงื่อออก แล้วก็คิดถึงเขาตลอดเวลา นั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกเฉย ๆ นะ แต่มันคือ ปฏิกิริยาทางเคมี ที่เกิดขึ้นในสมองและร่างกายของเรา มันเหมือนร่างกายเรากลายเป็น โรงงานเคมี ที่ผลิตสารแห่งความรักออกมาแบบไม่หยุด และที่สำคัญ มันไม่ใช่แค่เรื่องของหัวใจอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับ จิตใจ และ ร่างกาย ด้วย มาดูกันว่าเคมีของความรักมันทำงานยังไงบ้าง
1. สมองตอนตกหลุมรัก เหมือนติดยาเสพติด
เมื่อเราตกหลุมรัก สมองของเราจะทำงานเหมือนตอนที่เรา ติดยาเสพติด โดยเฉพาะ โดพามีน หรือที่ผมขอเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความฟิน โดพามีนจะหลั่งออกมาแบบพรั่งพรู ทำให้เรารู้สึก ยิ่งกว่าใช่ มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น กระตือรือร้น และเหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูไปหมด ลองนึกภาพตอนที่เราได้เจอคนที่ชอบครั้งแรก หรือตอนที่เขาแอบยิ้มให้ สมองเราจะปล่อยโดพามีนออกมาเหมือนจุดพลุ
นอกจากความฟินแล้ว สารเคมีในสมองยังทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้นแรง เหงื่อออก มือเย็น และรู้สึกกระตือรือร้นแบบสุด ๆ มันเหมือนร่างกายเรากำลังบอกว่า “คนนี้แหละ ที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสัน”
อ่านต่อ หน้า 2 ...