มหาธีร์ โมฮาหมัด อายุครบ 100 ปีในวันนี้ ย้อนเรื่องราวสุดโชกโชน

จากอดีตเด็กเรียนเก่งจากรัฐเกดะห์ สู่แพทย์ และกลายเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่นานที่สุดของมาเลเซีย

มหาธีร์ โมฮาหมัด เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1925 (พ.ศ. 2468) ในรัชสมัยสุลต่านอับดุล ฮามิด ฮาลิม ชาห์ แห่งเกดะห์ เทียบกับของไทยประมาณปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ่อเป็นครูใหญ่ชาวมลายูเชื้อสายมาลายาลัม (จากรัฐเกรละ) แม่เป็นมลายูเชื้อสายสุลต่านเกดะห์ วัยเด็กมหาธีร์เล่นเก่งและเรียนเก่ง และมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีจนกระทั่งได้เข้าเรียนโรงเรียนอังกฤษ แต่การเรียนของเขาก็สะดุดลงเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 มหาธีร์ต้องขายกาแฟและกล้วยทอดเลี้ยงชีพจนกระทั่งเมื่อสงครามสิ้นสุดลงจึงได้เข้าเรียนแพทย์ที่ King Edward VII College of Medicine


ต่อมามหาธีร์ได้เป็นแพทย์ในโรงพยาบาลปีนังและโรงเรียนอโลร์สตาร์ก่อนที่จะลาออกมาเปิดคลีนิกส่วนตัวชื่อ มหาคลีนิก (Maha Clinic) และด้วยจากการที่เคยเป็นคอลัมนิสต์วิจารณ์การเมืองและมีอุดมการณ์ทางเชื้อชาติมลายูที่เข้มข้น ในเวลาต่อมาจึงได้ร่วมสมัครสมาชิกพรรคอัมโนและลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ไม่ได้รับเลือกในตอนแรก ทั้งยังมีปัญหากับตุนกู อับดุล ระห์มัน ในหลายเรื่อง เช่น การวิจารณ์ตุนกูในเรื่องการให้ยังมีกองกำลังอังกฤษประจำการอยู่ หรือการกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำทางการศึกษา แต่เขาก็ได้เป็นหัวหน้าพรรคอัมโนสาขาเกดะห์และได้รับเลือกตั้งในปี 1964 (พ.ศ. 2507) ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประจำเขต Kota Setar Selatan

ช่วงความขัดแย้งระหว่างชนชาติมลายูและจีน มหาธีร์มักกล่าวโจมตีลีกวนยูต่อเนื่องว่าสนับสนุนแต่ชาวจีนและต่อต้านชาวมลายูและโจมตีตลอดจนกระทั่งสิงคโปร์แยกตัวออกจากมาเลเซีย นอกจากนี้ เมื่อแพ้การเลือกตั้งให้กับสมาชิกจากพรรค PAS มหาธีร์เลือกโทษชาวจีนและกล่าวว่าเป็นเพราะชาวจีนเลือกให้การสนับสนุนพรรค PAS ซึ่งมีอุดมการณ์ทางเชื้อชาติเบากว่า และยังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรงภายหลังเกิดเหตุการณ์ 13 พฤษภาคม จนกระทั่งถูกขับออกจากพรรค และตุนกูยังต้องร้องขอไม่ให้มีการจับกุมเนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรงดังกล่าว

มหาธีร์เขียนหนังสือ The Malay Dilemma โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและเรียกร้องไม่ให้ชาวมลายูต้องตกเป็นเบี้ยล่างของชาวจีนมากเกินไปและหนังสือก็ถูกแบนในเวลานั้น แต่ในเวลาต่อมา มหาธีร์ก็กลับเข้าร่วมพรรคอัมโนอีก และครั้งนี้เขามีบทบาทในพรรคอย่างก้าวกระโดดจนกระทั่งได้เป็นรองประธานพรรคและกลายเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของ ฮุสเซน อนน์

ปี 1981 (พ.ศ. 2524) ฮุสเซน อนน์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปูทางให้มหาธีร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย มหาธีร์แตกต่างกับ 3 นายกรัฐมนตรีก่อนหน้าที่มีความสัมพันธ์อันดีและเป็นบุคคลระดับสูงของพรรคขณะที่ตัวมหาธีร์นั้นไม่เคยมีเบื้องหลังอิทธิพลทางการเมืองมาก่อน และด้วยความนิยม เขาจึงได้รับเลือกถึง 5 ครั้ง และดำรงตำแหน่งนานถึง 22 ปี (เป็นธรรมดาของประเทศที่เป็นอดีตอาณานิคมอังกฤษและปกครองด้วยระบอบรัฐสภา ซึ่งไม่มีการจำกัดจำนวนวาระดำรงตำแหน่ง มีเพียงแต่วาระการดำรงตำแหน่งประมาณ 5 ปี) ช่วงเวลาดังกล่าว ชาวมาเลเซียมีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น ประเทศได้รับการพัฒนามากขึ้น แต่ก็มีเหตุการณ์วุ่นวายอย่างคราววิกฤติทางการเมืองในปลายยุค 80s หรือกรณีระหว่างมหาธีร์กับอันวาร์ อิบราฮีมในปี 1998 (พ.ศ. 2541)

หลังจากเกษียณและวางมือจากการเมือง ด้วยความขัดแย้งระหว่างมหาธีร์และนาจิบ ราซะก์ จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมการเมืองอีกครั้งโดยจับมือกับพรรคของวันอาซิซะห์ ภรรยาของอันวาร์ซึ่งถูกจำคุกในขณะนั้น และได้รับชัยชนะอีกในปี 2018 (พ.ศ. 2561)  แต่ก็อยู่ในตำแหน่งเพียงแค่เกือบ 2 ปีก็ต้องลาออกเพียงคานอำนาจกับพรรค แต่สุดท้ายปัญหาก็เลยเถิดจนกระทั่งเกิดวิกฤติการเมืองที่มีการเปลี่ยนนายกถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะยุติลงเมื่ออันวาร์ อิบราฮีม ได้รับวินิจฉัยจากยังดีเปอร์ตวนอากงให้ดำรงตำแหน่งในฐานะสมาชิกพรรคที่ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด

มหาธีร์ ยังมีบทบาทในการเขียนโพสต์แสดงความคิดเห็นต่างๆ ในแอคส่วนตัวทางโซเชียลของเขา จากวันนั้น เขาจึงเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด นายกรัฐมนตรีคนเดียวที่ดำรงตำแหน่ง 2 สมัย และเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุยืนที่สุดในเวลานี้ นอกจากนี้ มหาธีร์ยังมีอายุมากกว่าอัลมัรฮุมสุลต่านอับดุล ฮาลิม ชาห์ แห่งเกดะห์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี 2017 (พ.ศ. 2560) ถึง 2 ปี และมีอายุมากกว่าสุลต่านซัลเลฮุดดิน สุลต่านองค์ปัจจุบันของเกดะห์ถึง 17 ปี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่