เทรดสกุลเงินไหนดี? หากลงทุนระยะยาว

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง ฟอเร็กซ์ ไม่ได้เป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังสามารถวางแผนลงทุนระยะยาวได้ หากเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสม โดยเฉพาะ "สกุลเงินหลัก" ที่มีเสถียรภาพสูง เช่น USD, EUR, JPY และ CHF เพราะมาจากประเทศเศรษฐกิจมั่นคง มีนโยบายการเงินที่โปร่งใส

ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ถึง การลงทุนฟอเร็กซ์ในระยะยาว ควรเทรดสกุลเงินไหนดี เพื่อเตรียมตัวรับมือการการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึง

สกุลที่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว
สกุลเงินที่ “มีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาว” มักจะมาจากประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น เศรษฐกิจเติบโตดี ดุลการค้าบวก เสถียรภาพทางการเมืองสูง และมีเทคโนโลยีหรือทรัพยากรสำคัญในมือ ซึ่งผมได้รวบรวมทั้ง 6 สกุลเงินหลัก ที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว

1. USD – ดอลลาร์สหรัฐฯ
ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น "สกุลเงินสำรองโลก" (Global Reserve Currency) โดยมากกว่า 60% ของเงินทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกถือเป็น USD อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขาย สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) เช่น น้ำมัน, ทองคำ, ข้าวสาลี ฯลฯ ส่งผลให้มี สภาพคล่องสูง และเป็นที่ต้องการตลอดเวลา

อีกทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีอิทธิพลต่อค่าเงินทั่วโลก ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์แนวโน้ม USD ได้ง่ายจากดัชนีชี้วัด เช่น ดอกเบี้ย, NFP, CPI และ GDP

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และเป็นประเทศที่มี GDP สูงที่สุดในโลก (กว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024) ซึ่งดึงดูดเงินทุนจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้น หรือพันธบัตร ในส่วนดัชนีดอลลาร์ (DXY) ยังมีทิศทางเป็นขาขึ้นในบางช่วงเมื่อเทียบกับสกุลอื่น

หากมองจากปัจจัยคู่แข่ง USD ยังคงได้เปรียบ เนื่องสกุลเงินคู่แข่ง เช่น ยูโร หรือ หยวน เองก็ยังไม่พร้อมเป็นที่ 1 เนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่าง อาทิเช่น:
-ยูโร (EUR) แม้แข็งแกร่ง แต่ยังมีความไม่แน่นอนในโซนยุโรป เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม
-หยวน (CNY) ยังมีข้อจำกัดด้านเสรีภาพการเงิน และมีมาตราการทางการเงินที่ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ
-BRICS Currency ยังอยู่ในช่วงทดลอง และกลุ่ม BRICS ยังคงถูกเล่นงานจากสหรัฐ

2. EUR – ยูโร
ยูโรเป็น สกุลเงินของสหภาพยุโรป (Eurozone) และมีปริมาณการใช้งานเป็นอันดับ 2 รองจาก USD โดยรวมประเทศเศรษฐกิจใหญ่ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ทำให้ EUR มีน้ำหนักในเศรษฐกิจโลกสูง

แม้ยูโรจะมีความเสี่ยงจากความไม่เป็นเอกภาพของสมาชิก (เช่น ปัญหาการคลังของกรีซ หรือเงินเฟ้อบางประเทศ) แต่ก็ได้รับแรงหนุนจาก ภาคเทคโนโลยี พลังงานสะอาด และนโยบายการคลังที่เข้มแข็งจากกลุ่มผู้นำ เช่น เยอรมนี

ปัจจัยที่จะทำให้ EUR เติบโตคือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของสหภาพยุโรป และหากประเทศหลักๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี มีเศรษฐกิจที่ดี ก็อาจหนุนให้ EUR เติบโตขึ้นในอนาคต

3. CNY – หยวนจีน
หยวนจีน (CNY) หรือ Renminbi (RMB) เป็นสกุลเงินของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับการผลักดันให้เป็น “สกุลเงินระหว่างประเทศ” มากขึ้น เพื่อท้าทายอำนาจของดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะผ่านนโยบาย “การลดการพึ่งพา USD” ของจีน

จีนยังเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และแรงกดดันจากสงครามการค้า แต่จีนยังเป็นผู้ผลิตหลักของโลก และมีการลงทุนข้ามประเทศสูง การเติบโตของ GDP จีนในระยะกลางยังคงน่าจับตา หากกลับมาโต >5% CNY มีโอกาสแข็งค่า

จีนผลักดันให้กลุ่ม BRICS ใช้เงินหยวนมากขึ้น และในประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย, บราซิล, ซาอุฯ เริ่มใช้ CNY มากขึ้นในการชำระค่าสินค้า

จีนยังควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน CNY อย่างเข้มงวด ไม่ได้ปล่อยให้ตลาดเสรีเต็มที่เหมือน USD หรือ EUR ข้อจำกัดนี้ทำให้หยวน ยังไม่เป็นสกุลเงินเสรี 100% ซึ่งอาจลดความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ในมุมตรงกันข้าม หากหยวนเปิดเสรี 100% ไม่แน่ CNY อาจเติบโตแบบก้าวกระโดดก็เป็นได้

4. JPY – เยนญี่ปุ่น
เยน (JPY) เป็นสกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นหนึ่งใน “Safe Haven Currency” หรือสกุลเงินที่นักลงทุนมักหลบภัยยามวิกฤต เช่นเดียวกับทองคำและฟรังก์สวิส (CHF) เนื่องจากมี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง, ดอกเบี้ยต่ำ, และนโยบายระมัดระวังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)

แต่...ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เยนอ่อนค่าต่อเนื่อง จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า JPY ยังน่าถือระยะยาวอยู่ไหม?

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบมานาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่สหรัฐและยุโรปปรับดอกเบี้ยขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ BOJ กลับ “คงดอกเบี้ยต่ำ” → ทำให้เงินไหลออกจาก JPY สู่ USD

ญี่ปุ่นมีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก → ค่าใช้จ่ายรัฐสูง → ภาระหนี้เพิ่มขึ้น คนวัยทำงานน้อยลง → ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง → ส่งผลต่อความน่าสนใจของ JPY

หาก BOJ ปรับเปลี่ยนแนวนโยบายจาก ผ่อนคลาย → คุมเข้ม (Hawkish) เช่น ขึ้นดอกเบี้ยในปี 2025 จะทำให้เยนแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการเปลี่ยนแนวทางครั้งใหญ่ในรอบหลายปี

แม้เยนจะอ่อนในช่วงนี้ แต่เวลาที่ตลาดกลัว เช่น เกิดสงคราม หรือวิกฤตโลก → นักลงทุนยังคงไหลกลับมาหา JPY ดังนั้น JPY ยังเหมาะกับ “พอร์ตกระจายความเสี่ยง”

5. CHF – ฟรังก์สวิส
ฟรังก์สวิส (Swiss Franc – CHF) เป็นสกุลเงินประจำประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลกว่าเป็นหนึ่งใน "สกุลเงินปลอดภัย" (Safe Haven Currency) เช่นเดียวกับทองคำและเงินเยน โดยเฉพาะในช่วงที่โลกเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือภัยคุกคามจากสงคราม

สวิตเซอร์แลนด์มีเสถียรภาพทางการเมืองสูง ไม่มีหนี้สาธารณะมากเกินไป ระบบธนาคารเข้มแข็ง โปร่งใส และมีความน่าเชื่อถือในระดับสากล GDP ต่อหัวสูงมาก และประชากรมีคุณภาพ

เมื่อโลกเผชิญวิกฤต เช่น สงคราม เงินเฟ้อ หรือภัยธรรมชาติ CHF จะถูกซื้อเก็บทันที แม้นักลงทุนจะเทขายหุ้นหรือคริปโต พวกเขาก็มักจะเก็บ CHF ไว้เป็นเงินสดสำรอง

ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) มีความระมัดระวังสูงและมีการแทรกแซงค่าเงินเมื่อจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ แม้ CHF จะมีแนวโน้มแข็งค่ามากในระยะยาว แต่ SNB มักเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้กระทบการส่งออก

6. SGD – ดอลลาร์สิงคโปร์
ดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) คือสกุลเงินประจำประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีเสถียรภาพสูงที่สุดในเอเชีย และเป็นสกุลเงินสำรองของหลายประเทศ ด้วยเศรษฐกิจที่เปิดเสรี พึ่งพาการค้าและบริการระดับโลก ทำให้ SGD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกในระยะยาว

สิงคโปร์ = ศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก เป็นแหล่งรวมของบริษัทข้ามชาติ ธนาคาร และกองทุนขนาดใหญ่ มีระบบกฎหมายและกฎระเบียบการเงินที่ทันสมัย โปร่งใส และได้รับการยอมรับทั่วโลก

สิงคโปร์ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่ “ง่ายต่อการทำธุรกิจ” หลายปีซ้อน รายได้ต่อหัวสูงมาก และมีเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง

ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ใช้นโยบายการบริหารค่าเงินแทนการกำหนดดอกเบี้ย ผลคือ SGD มักจะแข็งค่าขึ้นในระยะยาว → ดีต่อการถือครอง

รัฐบาลสิงคโปร์ลงทุนอย่างมากในเทคโนโลยี เช่น AI, ฟินเทค, เฮลท์เทค มีการส่งเสริมสตาร์ทอัพ ทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นสูงในระยะยาว

สรุป
ในช่วงที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เศรษฐกิจโลกกำลังเจอกับปัญหา ความท้าทายใหม่ๆ หากนักลงทุนไม่รู้จะเทรดสกุลเงินไหนดี กับสถานการณ์เหล่านี้ ผมได้วิเคราะห์ถึง 6 สกุลเงิน ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว และผมอยากให้ทุกท่านคำนึงถึงการลงทุนระยะยาวมากกว่าการลงทุนระยะสั้น เพราะท้ายที่วิกฤตทางเศรษฐกิจเหล่านี้จะผ่านพ้นไปด้วยดี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่