3 เหตุผลที่เจ้าของร้าน อยากสำเร็จ แต่ล้มเหลวในช่วงแรก

3 เหตุผลที่เจ้าของร้าน อยากสำเร็จ แต่ล้มเหลวในช่วงแรก ใครทำงานประจำอยู่อยากออกมาเปิดร้านอาหาร ควรอ่าน

สวัสดีครับผมโยขายดี
สามวันก่อนผมได้คุยกับน้องเอ
อดีตเพื่อนสมัยอยู่Australia
เขาทำงานออฟฟิศ
เงินเดือน 28000 บาท มาได้ 8 ปี
จนเบื่อชีวิตประจำวัน เบื่อเพื่อนร่วมงาน
อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

เขาจึงตัดสินใจออกจากงาน
เอาเงินออมมาเปิดร้านข้าวขาหมู
เพราะมีสูตรจากป้าที่ทำมาตั้งแต่เด็ก
หลายคนชิมแล้วบอกว่าอร่อยมาก

แต่หลังจากเปิดได้ไม่ถึงปี
เขากำลังจะปิดกิจการ

เขาบอกว่า ทำไปทำมา
ขาดทุนทุกเดือน ไม่รู้จะสู้ต่อไปทำไม

ผมเลยถามว่า ตอนเปิดร้าน
นายวางแผนอะไรไว้บ้าง?

คำตอบที่ได้ ทำให้ผมเข้าใจทันทีว่า
ทำไมหลายคนถึงล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้น

1. คิดว่าทำอาหารเป็น = เปิดร้านได้
น้องเอบอกว่าสูตรข้าวขาหมูป้าอร่อยมาก
เพื่อนๆ ชิมแล้วชมทุกคน เลยคิดว่าเปิดร้านน่าจะรอด

การทำอาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำร้านอาหารเท่านั้น
สิ่งที่เจ้าของร้านต้องรู้นอกจากทำอาหาร

การบริหารต้นทุน
คิดราคาขาย
คำนวณต้นทุนเเบบละเอียด
การตลาด
การสร้างฐานลูกค้า
การโปรโมต
การจัดการพนักงาน
การฝึกอบรม
การสร้างระบบ
การเงิน
การวางแผนงบประมาณ
การลงทุน

น้องเอเก่งเรื่องทำข้าวขาหมู
แต่ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้มาก่อน
เลยต้องเรียนรู้ตอนเปิดร้านแล้ว = ผิดพลาดเยอะ ต้นทุนพุ่ง

ร้านอาหารที่อร่อย
เเต่บริหารไม่เป็น = ปิดตัวเร็วกว่าร้านรสธรรมดาแต่บริหารดี

ถ้าคุณทำอาหารเก่ง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ดี
แต่ถ้าคุณคิดว่านั่นคือทุกอย่าง = คุณกำลังเตรียมตัวล้มเหลว

2. ไม่ได้ศึกษาตลาดให้ดีพอ
น้องเอเลือกทำเลใกล้ออฟฟิศเก่า
เพราะคิดว่ารู้จักพื้นที่ดี คนเยอะ
แต่ไม่ได้สำรวจว่า

คนทำงานในย่านนั้นชอบกินอะไร ราคาไหน เวลาไหน
มีร้านข้าวขาหมูคู่แข่งกี่ร้าน
จุดแข็งจุดอ่อนของเราคืออะไร
คนในพื้นที่ใช้จ่ายค่าอาหารเท่าไร ต่อมื้อ ต่อวัน

ผลลัพธ์ที่ได้
น้องเอตั้งราคาข้าวขาหมู 55 บาท (เพราะต้นทุนสูง วัตถุดิบดี)
แต่ร้านข้าวแกงข้างๆ ขาย 45 บาท ได้กับข้าว 2 อย่าง

พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่เลือกร้านข้าวแกง
เพราะอิ่มกว่า คุ้มกว่า
เวลาพีคคือ 12.00-13.00 น. แต่น้องเอเปิดร้าน 11.00 น.
พลาดลูกค้าช่วงเช้าที่อยากซื้อไปกินที่ออฟฟิศ
การไม่ศึกษาตลาด = การเดิมพันด้วยการคาดเดา ไม่ใช่ข้อมูลจริง

3. คาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป
น้องเอคิดว่าพอเปิดร้านปุ๊บ ด้วยรสชาติดี ลูกค้าจะเข้ามาเองเลย
เดือนแรกที่ขายไม่ดี เขาเริ่มเครียด
เดือนที่สอง ยังขายไม่ดี เขาเริ่มท้อ
เดือนที่สาม เขาคิดจะปิดร้าน

ความจริงคือ ธุรกิจต้องใช้เวลาในการสร้างฐานลูกค้า
สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
ระยะเวลาจริงของร้านอาหารใหม่

น้องเอมีเงินเก็บพอใช้แค่ 6 เดือน
แต่คาดหวังให้ร้านทำกำไรภายใน 3 เดือน
เมื่อไม่เป็นไปตามคาด เขาเลยหมดใจ ไม่อยากต่อสู้

เจ้าของร้านที่ประสบความสำเร็จรู้ว่า
ความอดทน = เป็นทักษะสำคัญที่สุดของเจ้าของร้าน
สิ่งที่ผมอยากฝากถึงใครที่กำลังจะเริ่มต้น หรือกำลังดิ้นรนอยู่

อย่าคิดว่าความล้มเหลวในช่วงแรกคือจุดจบ
มันเป็นเพียงบทเรียนที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น
แกร่งขึ้น ถ้าคุณเรียนรู้จากมัน
จำไว้ว่า ทุกร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จ
ล้วนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อนทั้งนั้น

ร้านข้าวขาหมูดังหลายร้าน เคยเงียบมา 6-8 เดือนแรก
เจ้าของร้านที่รวยทุกวันนี้ เคยต้องกู้เงินมาหมุนเวียน
ร้านที่ตอนนี้มีสาขาหลายร้าน เคยปิดแล้วเปิดใหม่หลายครั้ง

ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรก
ขอแค่คุณมีใจรัก มีความมุ่งมั่น
และพร้อมที่จะเรียนรู้ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

สรุป

ความล้มเหลวในช่วงแรก = ไม่ใช่ความล้มเหลวที่แท้จริง
แต่เป็นค่าเทอมการเรียนรู้ที่ต้องจ่าย
เจ้าของร้านที่ประสบความสำเร็จ = ไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้มเหลว

แต่เป็นคนที่ลุกขึ้นมาจากความล้มเหลว
และเรียนรู้จากมัน

อย่าท้อ อย่ายอมแพ้
ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ แล้วคุณจะพบว่า
ความล้มเหลววันนี้ คือบันไดสู่ความสำเร็จในวันหน้า

ถ้าวันนี้คุณยังไม่ประสบความสำเร็จ แปลว่า
คุณยังไม่ได้ล้มเหลวครั้งสุดท้าย

ลุยกันต่อไป ความสำเร็จรออยู่ที่ปลายทาง

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ
(โยขายดี)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่