มันสำปะหลังไทย มูลค่าส่งออกหาย 40,000 ล้าน ใน 2 ปี เพราะจีน ซื้อน้อยลง /โดย ลงทุนแมน

จีนซื้อมันสำปะหลังไทยน้อยลง เพราะจีนปลูกเองมากขึ้น

​และเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งตลาดที่หายไป
เสียให้กับ เวียดนาม และ ลาว

https://www.facebook.com/share/p/1KFTuS7aYU/


ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน มันสำปะหลังไทย เคยมีมูลค่าส่งออก
150,000 ล้านบาท อันดับ 1 ของโลก

แต่วันนี้ กลับเหลือมูลค่าส่งออก 110,000 ล้านบาท
หายไปราว 40,000 ล้านบาท ในเวลาแค่ 2 ปี

และในบางช่วง ราคามันสำปะหลังในประเทศ ตกต่ำเหลือเพียงไม่ถึง 2 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น

เกิดอะไรขึ้นกับมันสำปะหลังไทย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

มันสำปะหลัง เป็นสินค้าเกษตรของไทย ที่ส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลกมายาวนาน โดยมันสำปะหลังเกินครึ่งโลก มาจากการแปรรูปที่ประเทศไทยแทบทั้งหมด

เพราะไทยเอามันสำปะหลังสดที่เก็บเกี่ยวได้ มาแปรรูปให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น

- แป้งมันสำปะหลังดัดแปร เกิดจากการนำแป้งมันสำปะหลังดิบ มาผ่านกระบวนการทางเคมี
- มันเส้น นำมันสำปะหลังมาสับเป็นชิ้น แล้วตากแห้ง
- มันอัดเม็ด นำมันเส้นมาอัดเป็นเม็ดให้มีขนาดเล็กลง

ซึ่งมันสำปะหลังที่แปรรูปแล้ว ก็จะนำไปขายให้กับ
อุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อาหารสัตว์ กระดาษ เอทานอล เครื่องสำอาง ยา และอื่น ๆ อีกมากมาย

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมมันสำปะหลัง ถึงเป็นพืชเกษตรหลักแสนล้านบาทได้ในช่วงที่ผ่านมา เพราะสามารถส่งขายให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลายมาก

แต่ตอนนี้ มูลค่าส่งออกมันสำปะหลังแปรรูปของไทย กำลังลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ

- ปี 2565 มูลค่าส่งออก 152,795 ล้านบาท
- ปี 2566 มูลค่าส่งออก 127,728 ล้านบาท
- ปี 2567 มูลค่าส่งออก 110,276 ล้านบาท

ดูจากตัวเลขแค่นี้ จะเห็นได้ว่า แค่ 2 ปี มูลค่าส่งออกมันสำปะหลังแปรรูปของไทย หายไปถึง 42,000 ล้านบาท เลยทีเดียว

แล้วมูลค่า 42,000 ล้านบาทนี้หายไปไหน ?

คำตอบหลัก ๆ ก็มาจากจีน ประเทศที่นำเข้ามันสำปะหลังแปรรูปจากไทยเกินครึ่ง กำลังนำเข้าน้อยลงเรื่อย ๆ

- ปี 2565 จีนนำเข้าจากไทย 98,370 ล้านบาท
- ปี 2566 จีนนำเข้าจากไทย 80,518 ล้านบาท
- ปี 2567 จีนนำเข้าจากไทย 56,720 ล้านบาท

เพียง 2 ปี จีนนำเข้ามันสำปะหลังจากไทย ลดลงราว 42,000 ล้านบาท เท่ากับมูลค่าส่งออกมันสำปะหลังที่ลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน

เหตุผลที่จีนนำเข้าน้อยลง ก็เพราะว่าจีนเริ่มหันไปให้ความสำคัญกับการปลูกพืชอาหารอย่างข้าวโพดมากขึ้น เพื่อนำมาใช้กับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของตัวเอง

ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็นข้าวโพด เพราะช่วงที่ผ่านมา จีนต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ยูเครน หรือบราซิลมาโดยตลอด

ซึ่งถ้าดูจากประเทศที่นำเข้า ก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมจีนต้องเน้นพึ่งพาข้าวโพดในประเทศมากขึ้น เพราะยูเครนก็กำลังเจอสงครามกับรัสเซีย ส่วนสหรัฐฯ ก็เป็นคู่ขัดแย้งกับจีน

และหากหันไปพึ่งพาบราซิลมากขึ้น ก็อาจจะเสี่ยงเกินไปที่จะพึ่งพาการนำเข้าทั้งหมดจากประเทศเดียว

ซึ่งการที่จีนสนับสนุนข้าวโพดแบบนี้ ก็ทำให้
มันสำปะหลังแปรรูปจากไทย โดยเฉพาะมันเส้นที่เอาไปใช้เป็นอาหารสัตว์ ขายได้น้อยลงในจีนตามไปด้วย

จากเมื่อ 3 ปีก่อน ไทยขายมันเส้นในจีนได้ 51,000 ล้านบาท ตอนนี้ขายได้แค่ 16,000 ล้านบาทเท่านั้น เรียกได้ว่า หายไป 35,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าจีนไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ก็คงไม่เป็นไร แต่เพราะจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ 99% ที่ซื้อมันเส้นจากไทย ทำให้มูลค่าส่งออกที่หายไปกระทบไทยอย่างหนักในทันที

แถมมันเส้น ยังคิดเป็น 34% ของมันสำปะหลังแปรรูปที่ไทยส่งออกอีกด้วย นั่นแปลว่า ยอดส่งออกมันเส้นไปจีนที่หายไป ทำให้ยอดการส่งออกมันสำปะหลังแปรรูปทั้งหมดลดลงไปด้วย

นอกจากมันเส้นที่จีนนำเข้าน้อยลงแล้ว แป้งมันสำปะหลังดัดแปรจากไทย ที่เป็นแป้งมันสำปะหลังที่ผ่านกระบวนการเคมี ก็เริ่มนำเข้าลดลงในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน

- ปี 2565 จีนนำเข้าจากไทย 37,629 ล้านบาท
- ปี 2566 จีนนำเข้าจากไทย 32,948 ล้านบาท
- ปี 2567 จีนนำเข้าจากไทย 32,464 ล้านบาท

ซึ่งถ้าถามว่า แล้วมูลค่าส่งออกที่ลดลงราว 5,000 ล้านบาทไปไหน คำตอบก็เพราะว่า จีนนำเข้าจากประเทศอื่นมากขึ้น

จากเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน ส่วนแบ่งตลาดแป้งมันสำปะหลังดัดแปรนำเข้าจากไทย มีสัดส่วนมากถึง 84% ในจีน แต่วันนี้กลับเหลือส่วนแบ่งตลาดแค่ 49% เท่านั้น

โดยส่วนแบ่งตลาดที่หายไปราว 35% ก็ไม่ได้หายไปไหน แต่เสียไปให้กับเวียดนาม.. คู่แข่งอันดับ 2 ของไทยในตลาดนี้แทน

จากเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน แป้งมันสำปะหลังดัดแปรของเวียดนาม มีส่วนแบ่งตลาดแค่ 15%
แต่วันนี้กลับชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้มากถึง 39% เลยทีเดียว

ก็คือเวียดนามเพิ่มส่วนแบ่งตลาดมาได้ถึง 24% ซึ่งก็มาจากส่วนแบ่งตลาดที่ไทยเสียไปในช่วงที่ผ่านมานั่นเอง

และยังมีลาว ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ไปอีกด้วย เพราะผ่านไปแค่ 10 ปี ลาวเพิ่มส่วนแบ่งตลาดตรงนี้จาก 0.1% กลายเป็น 10% ในตลาดจีน

จากปัญหาที่จีนนำเข้ามันเส้นน้อยลง เพราะหันไปปลูกข้าวโพดในประเทศมากขึ้น เมื่อรวมกับคู่แข่งอย่างเวียดนามและลาว ที่มาแย่งตลาดแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ทำให้มันสำปะหลังไทย กำลังมีมูลค่าการส่งออกที่หายไปหลักหมื่นล้านบาท

เรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่ผู้ส่งออกมันสำปะหลังแปรรูปของไทยเท่านั้น แต่ยังกระทบมาถึงเกษตรกรไทย ที่ปลูกมันสำปะหลังต้นทางอีกด้วย

ปัจจุบัน มันสำปะหลัง ถูกแปรรูปเพื่อส่งออกต่างประเทศถึง 73% และใช้ในประเทศแค่ 27% เท่านั้น

นั่นแปลว่า เมื่อยอดส่งออกต่างประเทศหายไป ความต้องการมันสำปะหลังลดลง และซัปพลายมีเหลือในตลาดมากขึ้น ทำให้ราคารับซื้อมันสำปะหลังในประเทศตกต่ำแทน

จากเดิมที่ราคารับซื้อมันสำปะหลังสดอยู่ที่ราว 2-3 บาทต่อกิโลกรัม แต่ในปีนี้ มีบางเดือนที่ราคารับซื้อมันสำปะหลังเคยเหลือไม่ถึง 2 บาทต่อกิโลกรัมเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นการที่มูลค่าส่งออกมันสำปะหลังแปรรูปจากไทยลดลง จึงไม่ได้กระทบกับรายได้ส่งออกของประเทศเท่านั้น แต่ยังกลับมากระทบกับเงินในกระเป๋าของเกษตรกรอีกทอดหนึ่ง

ถึงตรงนี้ เราคงเห็นแล้วว่าการพึ่งพาตลาดส่งออกหลักในประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ในวันที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รายได้การส่งออกก็จะเข้ามาเรื่อย ๆ

แต่หากวันไหน ประเทศที่เคยเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดให้เรา ไม่ต้องการสินค้านั้นอีกต่อไป เมื่อนั้นก็อาจถึงวันที่ความเจ็บปวด กำลังมาเยือนเราแทน

เหมือนกับมันสำปะหลังแปรรูปของไทยในตอนนี้ ที่มูลค่าส่งออกหายไป 40,000 ล้านบาท ภายในเวลา 2 ปีเท่านั้น..

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่