ล่าสมุน ฮุนเซน ‘ก๊กอาน’ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้น 19 จุดยึดบ้าน-เงิน เจ้าพ่อปอยเปตแสบ


ตำรวจไซเบอร์สนธิกำลังค้น 19 จุดในพื้นที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี ทลายเครือข่าย “ก๊กอาน” ผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นคนสนิทสมเด็จฮุน เซน ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟอกเงินซื้อบ้านและคอนโดหรูหลายแห่ง พุ่งเป้าบ้านหรูย่านประเวศพร้อมอายัดเงิน “จุรี” ลูกสาวก๊กอาน 27 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆรวมกว่า 500 ล้านบาท
ตำรวจสนธิกำลังค้นบ้าน “ก๊กอาน” ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ก.ค. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข รอง ผบก.สอท. สนธิกำลังเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 19 จุด ประกอบด้วยพื้นที่กรุงเทพฯ 4 จุด จ.สมุทรปราการ 14 จุด และ จ.ชลบุรีอีก 1 จุด ตามยุทธการปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมรเครือข่าย “ก๊กอาน”
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.กล่าวว่า เมื่อช่วงปี 2567 ตำรวจไซเบอร์สืบสวนหาตัวการใหญ่ในกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยในรูปแบบต่างๆ สร้างความเสียหายนับหลายพันล้านบาท พบว่ากระทำความผิดอันมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ ณ สถานที่หลายแห่งในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา กลุ่มคนร้ายใช้สถานที่ทำการหลอกลวงทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ไฮบริดสแกม คอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงินผ่านบัญชีม้า และสกุลเงินดิจิทัล ใช้แรงงานไทยจำนวนมากถูกหลอกไปทำงานในลักษณะบัญชีม้า พร้อมบังคับให้สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันธุรกรรม และมีพฤติกรรมกักขังหน่วงเหนี่ยวบุคคล
ผบช.สอท.เปิดเผยว่า แนวทางการสืบสวนทราบว่า นายก๊กอาน (MR. Kok An) อายุ 71 ปี นักธุรกิจเจ้าของอาคารที่เปิดเป็นกาสิโนรวม 4 แห่ง ประกอบด้วย Crown Casino Resort อาคาร HISO ตึก 25 ชั้น และตึก 18 ชั้น เป็นบุคคลใกล้ชิดกับสมเด็จฮุน เซน ตั้งฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ริมชายแดนไทยที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับที่ 3924/2568 ลงวันที่ 7 ก.ค.68 เพื่อติดตามจับกุมนายก๊กอานในความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตรวจพบว่านายก๊กอานและบุคคลใกล้ชิดครอบครองบ้านพักโครงการหรูและคอนโดมิเนียมหรูนับสิบแห่ง รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ และ จ.ชลบุรี บ้านแต่ละหลังมีราคานับสิบล้านบาท ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายค้น 19 จุด

พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า เป้าหมายสำคัญเข้าตรวจค้นบ้านหรูสองชั้นราคากว่า 30 ล้านบาท เลขที่ 77 ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เป็นบ้านพักของนายก๊กอาน และนางจุรี คล่องกิจกล หรือเชอร์รี่ อายุ 42 ปี ลูกสาวนายก๊กอาน พบว่าบ้านปิดล็อกไม่มีผู้อาศัย ประสานให้ผู้ดูแลนำตรวจค้น ทราบว่านายก๊กอานเข้ามาพักอาศัยเป็นครั้งคราว ครั้งสุดท้ายเข้ามาพักที่บ้านดังกล่าวราว 1 สัปดาห์ ก่อนเดินทางไปไต้หวัน ส่วนบ้านพักหลังอื่นพบว่า ให้ชาวจีนมาเช่าพักอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัว ตำรวจสอบสวนและตรวจเอกสารผู้ที่พักอาศัยทุกรายอย่างละเอียด เพื่อหาข้อมูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
ผบช.สอท.กล่าวว่า ปฏิบัติการวันนี้ขยายผลเพิ่มเติมจากคดีต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจไซเบอร์ไม่ว่าจะเป็นคดีภูริคาสิโน ผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนสูญเสียเงินไปกว่า 300 ล้านบาท เช่น คดีของ น.ส.ชาลอต และคดีคุณหมอ จ.เชียงราย ถูกหลอกลวงไปกว่า 30 ล้านบาท การสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหาสารภาพแบบเดียวกันว่า เดินทางไปสแกนใบหน้าที่ตึก 25 ชั้น ตึก 18 ชั้น อาคาร HISO และอาคาร Crown Casino ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายก๊กอานเป็นเจ้าของอาคารที่พักทั้งหมด อีกทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของนางจุรีจำนวน 27 ล้านบาท รวมทั้งทรัพย์สินอื่น อาทิ รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนมไว้ตรวจสอบแล้ว รวมมูลค่าเฉพาะราคาบ้านทั้งหมดที่ตรวจยึดมีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ยังไม่รวมราคาที่ดินของแต่ละแปลง ทั้งนี้จากการตรวจค้นบ้านพักหลังนี้ตามที่ระบุว่าพบภาพถ่ายคู่กับบุคคลสำคัญของไทย จีน และกัมพูชานั้นเบื้องต้นยังไม่พบ
“นางจุรีรีถือบัตรประชาชนคนไทย หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบว่าที่มาของการถือบัตรประชาชนนั้นถูกต้องหรือไม่ ส่วนสถานที่อื่นๆอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใคร ขอเวลาตรวจสอบก่อน แต่ยืนยันว่าทั้ง 19 จุด มีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาตามหมายจับ การปฏิบัติการในครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายหรือมีธงว่าจะต้องออกหมายจับบุคคลดังกล่าวที่มีความใกล้ชิดกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นปฏิบัติการที่ตำรวจติดตามมาอย่างต่อเนื่องนานแล้ว ดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนสนับสนุนส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่มาก่อเหตุอาชญากรรมในไทย” พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าว

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่ https://www.thairath.co.th/news/local/2869338
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่