จากกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมตั้งอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 36% ล่าสุด นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ออกมาเตือนผ่านโซเชียลมีเดียว่า สถานการณ์นี้ถือเป็น “คำเตือนแรง” จากฝั่งสหรัฐฯ ว่าข้อเสนอของไทยยังไม่เป็นที่พอใจ และหากไม่สามารถต่อรองข้อตกลงใหม่ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ไทยอาจเผชิญผลกระทบรุนแรงทั้งด้านการส่งออกและการลงทุนจากต่างชาติ

นายกอบศักดิ์ระบุว่า อัตราภาษีดังกล่าวเท่ากับรอบแรก ถือเป็นสัญญาณเตือนจากสหรัฐฯ ว่า ข้อเสนอของไทย “ยังไม่พอ ไม่โดนใจ” และยังไม่ใช่ข้อตกลงที่ดี (Good Deal) พร้อมเตือนว่า หากไทยไม่สามารถเสนอข้อเสนอที่ดีกว่าในการเจรจาครั้งถัดไปภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า อาจต้องกลับไปใช้มาตรการภาษีที่ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา โดยมองว่า รอบนี้สหรัฐฯ อาจไม่ยอมถอย เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้รับรู้ข้อมูลภาษีล่วงหน้าแล้ว และผู้ประกอบการมีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า 90 วัน

“ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐลงไม่มาก ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าลงไม่ถล่มทลายเหมือนต้นเมษายนก็ยากที่จะมีใครมาเปลี่ยนใจท่านประธานาธิบดีทรัมป์ได้” นายกอบศักดิ์แสดงความคิดเห็น

นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นถึงความเสียเปรียบทางการแข่งขัน โดยเปรียบเทียบว่า หากเวียดนามถูกเก็บภาษี 20% มาเลเซีย 25% แต่ไทยถูกเก็บถึง 36% จะทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบคู่แข่งมากถึง 10-16% ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออก และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ พร้อมยกตัวอย่างว่า เวียดนามเคยถูกตั้งภาษีไว้ที่ 46% แต่สามารถเจรจาลดลงเหลือเพียง 20% ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่า “ต้องมีหนทาง” ในการแก้ไขปัญหานี้ พร้อมส่งกำลังใจให้ทีมเจรจา

ท้ายที่สุด สถานการณ์ดังกล่าวจึงถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ไทยต้องเร่งหาทางรับมือ ก่อนที่ผลกระทบจะลุกลามต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

 

https://www.sanook.com/news/9812630/