***ขออภัยที่ลงสลับบท ต้อง10/11และ12ค่ะ***
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (11)...ชีวิตนี้ที่ปลายฟ้า
ดวงเนตรตัดผมให้พี่หนอยเสร็จ เธอแวะไปถามพี่ ๆ ว่าต้องการซื้ออะไรเพิ่มไหม แล้วทั้งสามก็ออกรถมาถึงห้างใหญ่ในเมืองมหาวิทยาลัย
ดวงเนตรแวะเข้าซื้อของสด มีทั้ง ผัก ผลไม้ นม ไข่ และเนื้อ อีกทั้งเครื่องปรุงอาหารต่าง ๆ จนครบ พี่หนอยเดินเข็นรถตามต้อยๆ “เฮ่อ! คนอะไร ทั้ง
สวยทั้งคล่อง ...เสียดาย” หนอยมองดวงเนตรจับโน่น หยิบนี้ อย่างคล่องแคล่ว จนได้ของตามรายการเกือบครบแล้ว ส่วนพี่น้อยยังเดินหาของอย่างช้า ๆ
“พี่ถามอะไรเนตรหน่อยได้ไหม”
“ถามมาก ๆ ก็ได้ค่ะ”
พี่หนอยได้โอกาสจึงแหย่เอา “เดี๋ยวนี้ช่างยอกย้อนนะเราน่ะ”
“เนตรทำอะไรไว ๆ จนชินแล้วค่ะ เพราะต้องดูแลน้องหลายคนตอนเรียนอยู่ที่เชียงใหม่”
“ถึงว่าเก่งขนาดนี้...แล้วเรื่องตัดผมล่ะ” ดวงเนตรเฉลยข้อสงสัย
“เนตรเคยไปเข้าคอร์สสั้น ๆ แล้วก็ตัดให้น้อง พอเพื่อน ๆ เห็นเขาก็มาตัดกันมีแค่ในกลุ่มที่สนิทกันน่ะค่ะ”
“เนตรมีแฟนอยู่ที่เมืองไทยรึเปล่า”
“เรื่องอะไรจะตอบมันเรื่องส่วนตัว...มีกับใครเขาที่ไหน มีแต่เวลาเรียน พอเรียนเสร็จก็รีบซิ่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้านไปดูแลเรื่องอาหารกับเรียน
พิเศษของน้อง ๆ ขนาดเพื่อนเซ้าซี้ให้เข้าชมรมยังไม่มีเวลาเลยค่ะ” ดวงเนตรพูดซะยาว หนอยฟังอย่างเงียบ ๆ พอเริ่มสนิทกัน ดูดวงเนตรทำตัว
สบายขึ้นแล้วช่างเจรจานัก หนอยคิด
“ไปหรือยังค่ะเสร็จแล้ว” เสียงพี่น้อยดังขึ้นด้านหลัง
“รอแต่พี่น้อยครับ น้องเขาเสร็จนานแล้ว”
“นี่ซื้อของตั้งเยอะทำได้ไงเร็วจัง”
“เขายังเด็กอยู่มังครับเลยทำอะไรไว”
“หนอยนี้ปากคอเราะรายว่าพี่อีกแล้วนะ”
“โธ่! พี่น้อยผมล้อเล่นน่ะ” พี่น้อยค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะมามองดูของในรถเข็น
“น้องเนตรเอาไข่อีกแพ็กไหม เราใช้กันเยอะนะ อีกอย่างไม่ต้องใส่ตู้เย็นเพราะอากาศข้างนอกเย็นพออยู่แล้ว”พูดแล้วไม่รอคำตอบหยิบเพิ่มให้ดวงเนตรอีกหนึ่งแพ็ก
ดวงเนตรมองดูนาฬิกาพลางคิด
‘นี้เราใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงเลยนะ’
“ไม่ต้องรีบ...พี่หนอยมีเวลารับใช้แม่นางน้อยถึงย่ำค่ำเลยครับ”
“แต่เพลานี้ เราหิวกันแล้วแวะกินอาหารจีนไหมครับ”
“นี่หนอยพูดธรรมดาก็ได้ เปลี่ยนสรรพนามไปมา พี่น้อยงง!”
“ไปกินกันแล้วจะได้ไปดูยาร์ดเซลนะคะ” ดวงเนตรสรุป
จากห้างสรรพสินค้า...พี่น้อยกางหนังสือพิมพ์ ทั้งสองคนรู้จักทางดีจึงหาไม่ยาก ที่แรกมีของวางไว้บนผ้าพลาสติกหน้าสนาม หลายอย่าง...มี
ทั้งแก้วเจียระไนลายละเอียดสี่ใบวางไว้ติดราคาสองเหรียญ ดวงเนตรหยิบกองไว้ พี่หนอยหิ้วเตารีดมาให้เธอดู
“นี่ไงน้ำหนักกำลังดี รับรองรีดผ้าเรียบง่าย”
“จ้ะคนเชียร์คนเก่ง ราคาเท่าไรจ๊ะ” พี่น้อยถาม
“แค่เหรียญเดียวครับ”...สุดท้ายมันอยู่ยั่งยืนยงคู่ดวงเนตรถึงสิบปี
“ดีเลยคะ เนตรกำลังอยากได้”
“เอาเลยถูกยังกับได้ฟรี” พี่น้อยรีบสนับสนุน คุณลุงฝรั่งคนขายรีบเสนอขายที่รีดผ้าแบบยืนรีด พร้อมแถมผ้าคลุมที่รีดผืนใหม่ด้วย พอรู้ว่าเราเป็น
คนเอเชีย เขาว่าคนเอเซียนิสัยดี สุภาพ พี่หนอยบอกคุณลุงว่าเรามาจากประเทศไทย
“Oh! Bangkok, Thailand” เขาดีใจเชกแฮนด์กับหนอย แล้วบอกว่าชื่อลุงแฟรงค์ เพิ่งไปเที่ยวเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว...สนุกมาก
“คนไทยน่ารัก” เขาพยายามพูดประโยคนี้อยู่นาน ส่วนพวกเราลุ้นจนเหนื่อย แล้วทั้งหมดก็หัวเราะพร้อมกัน สุดท้ายลุงแถมของมาให้มากมาย
โดยเฉพาะให้ดวงเนตร แกชมว่าสาวไทยที่เจอไม่สวยเท่าดวงเนตร เนตรเกือบจะเหมาของแกหมด เพราะเธอเอาเขียง มีด และเตาปิ้งขนมปังด้วย ทั้งหมดลุงฝรั่งเอาแค่สิบเหรียญ แล้วเราก็กล่าวอำลา ดูเหมือนดวงเนตรได้ของครบแล้ว แต่พี่น้อยยังอยากไปต่อ
“ไปอีกที่เนอะ น้องเนตร... นะจ๊ะหนอย”
“ได้เลยครับท่านผมว่างทั้งวัน แค่ขอข้าวเย็นหนึ่งมื้อก็พอ”
“ได้จ้ะ น้องเนตรเขาทำอาหารอร่อยนะ...เนอะ ๆ ” พี่น้อยหันมาขอแรงเชียร์แรงใจจากเนตรด้วย “เนตรจะทำพระกระโดดกำแพงให้พี่หนอยทาน”
“เอาแบบธรรมดาก็ได้จ้ะ เดี๋ยวขาหัก” พี่น้อยหัวเราะกับคารมของทั้งคู่
พี่หนอยขับมาเข้าถนนอีกสายหนึ่ง บ้านหลังเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ทาสีฟ้าอ่อน สีอิฐ สีครีม มีเนินเขา และแนวดอกไม้เมืองหนาวปลูกสลับสีดูงดงาม ท่ามกลางอากาศยามบ่ายซึ่งเย็นสบายเพียงยี่สิบองศา พี่หนอยขับมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่สีอิฐ ของที่วางไว้หน้าบ้านดูมากมาย ดวงเนตรเลือกยาง
รัดผมหลากสีที่ใส่ไว้ในถุงพลาสติกใส ติดราคาไว้ 25เซนต์ หนอยไปเอาตะกร้าเล็กที่เขาทิ้งไว้ท้ายรถมาคอยเดินตามดวงเนตร เธอเอียงคอมอง
“ขอบคุณมากค่ะพี่หนอย” คนถูกเรียกชื่อยิ้มกว้างอย่างพอใจ จอนผมสองข้างแก้ม ทำให้เนตรมองเห็นว่าที่จริงหน้าพี่หนอยมีสัดส่วนใบหน้าลง
ตัวเลยทีเดียว พอซอยผมสั้นเปิดให้เห็นกรามที่กางออก ดูหล่อนัก
“อ้าว! เด็ก ๆ มั่วแต่มองกันอยู่นี่ จะได้ซื้อของไหมจ๊ะ”
“ค่ะ ๆ ” เนตรตอบรับ พี่หนอยยื่นกิ๊บใหญ่สี่อัน อันแรกมีดอกไม้เล็กติดเป็นช่อเข้ากับกิ๊บ ที่เหลือเป็นลายเพนด์รูปนก กระต่าย ผีเสื้อ กิ๊บขนาด
ใหญ่พอเหมาะ ดวงเนตรรับไว้ใส่ในตะกร้า
“พอแล้วค่ะพี่หนอย” ทั้งสองคนเอาของในตะกร้าไปยื่นให้คุณป้าคิดเงิน
“แฟนยูเหรอ”
“ครับ”
“ She is very lovely...เธอน่ารักมาก นี่ของแถมให้แฟนคุณไว้ผูกผม” คุณป้าใจดีส่งผ้ากว้างประมาณสามนิ้ว ยาวขนาดพับรอบศีรษะได้สอง
รอบสองผืน ทำจากผ้าไหมสีสวย เขากล่าวขอบคุณ ดวงเนตรไม่ค่อยเข้าใจที่สองคนพูด เลยได้แต่ยิ้มให้คุณป้า
“พี่น้อยไม่ได้อะไรเลยเหรอคะ”
“มาดูเผื่อถูกใจ แต่ในห้องไม่มีที่วางอะไรแล้วค่ะ” ดวงเนตรเลือกซื้อของถูกใจมากกว่าใครจนพอรถเคลื่อนตัวไปได้หน่อย
“พี่หนอยยิ้มอะไรอยู่ได้ บอกเนตรมาเลยนะว่าเมื่อกี้คุยอะไรกับมาดาม”
“ไม่ต้องรู้หรอกเรื่องของผู้ใหญ่”
“พี่น้อยคะ...เนตรไม่ยอมนะ” ดวงเนตรร้องหาตัวช่วย
“คุยอะไรกันเหรอคะ บอกน้องไปสิ”
“เขาถามว่าเป็นแฟนผมใช่ไหม แล้วแกก็ว่าน้องน่ารัก เลยแถมผ้าผูกผมมาให้ด้วยเท่านั้นเอง” ดวงเนตรหน้างอไม่เอ่ยอะไรสักคำจนถึงหอพัก
“ทำหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองไปได้หนูน้อย” พี่น้อยมองดูและนึกขำดวงเนตร เธอเองกำลังคิดตำหนิที่ทำเช่นนี้กับพี่หนอย เขาพาไป
ซื้อของหลายที่ ไม่เคยออกปากบ่นสักคำ แล้วเราทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ ดวงเนตรสะบัดหัวไปมา...ละทิ้งอารมณ์ไม่ดี พร้อมเอ่ยเสียงแผ่วว่า
”พี่หนอยคะ เนตรขอโทษนะคะ”
“อ้าว! นึกว่าเนตรกลายเป็นเตมีย์ใบ้ซะแล้ว” เขาเอ่ย พี่หนอยจอดรถหน้าหอพัก หันมาทางดวงเนตร
“ไม่โกรธหรอกครับ ดีกันนะ” เขายื่นนิ้วก้อยมาให้ดวงเนตรเกี่ยว เธอยิ้ม...ดวงตาบอกให้รู้ว่า ขอโทษ หนอยคิด...'
เกือบอดกินข้าวเย็นแล้ว
ไหมล่ะ’ ทั้งสามคนช่วยกันหอบของพะรุงพะรัง บังเอิญเจอพี่ศิริพอดี
“ได้อะไรมาเยอะแยะเลยจ๊ะ มา ๆ พี่ช่วยหิ้วอีกคน” ของที่ซื้อมาถูกเอามากองไว้ที่ห้องดวงเนตร เธอยกมือไหว้ทุก ๆ คนแล้วขอเวลาเก็บของ
ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทำอาหารเย็น พี่น้อยขอตัวไปอาบน้ำ ส่วนพี่หนอยยังนั่งแช่อยู่กับพื้น หน้าขาวใสออกแดงเพราะโดนแดด ดวงเนตรเทน้ำเย็นแก้วใหญ่
ให้ เขาดื่มรวดเดียวหมด
“เอาอีกไหมคะ”
“ไม่แล้วเดี๋ยวพี่เก็บท้องไว้กินของอร่อยดีกว่า”
“พี่หนอยไปรอที่ห้องน้าวิวแป๊บเดียวนะ ขอเนตรเก็บของให้เรียบร้อยก่อน” ประตูยังเปิดค้างอยู่ รอให้หนุ่มหน้าหยกออกไป
“ขอพี่หนอยรอที่นี่แหละ รับรองพี่จะไม่กวนเนตรหรอก”
“ค่ะ ๆ ” ดวงเนตรหันไปเก็บของสด และล้างผลไม้ใส่ตระกร้าเข้าตู้เย็น ของที่ซื้อมาจากยาร์ดเซล ถูกนำมาทำความสะอาดทุกชิ้น และแยกเก็บ
เข้าที่ ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ หันมาอีกที พี่หนอยนอนเอามือหนุนท้ายทอยอยู่ข้างเตียง ดวงเนตรเอาหมอนมา แล้วยกศีรษะเขาขึ้น สอดหมอน
รองให้ เธอนึกสงสารคงเหนื่อยน่าดู หนอยรู้สึกได้ถึงมือนุ่ม ๆ ที่จับหัวเขาอยู่เมื่อครู่กับกลิ่นกายหอมอ่อนชื่นใจนัก
‘หอมเอย หอมรวยรื่น ได้กลิ่นแล้ว
ชื่นใจนัก’…
ความคิดล่องลอยและหลับลง
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (11)...ชีวิตนี้ที่ปลายฟ้า
***ขออภัยที่ลงสลับบท ต้อง10/11และ12ค่ะ***
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (11)...ชีวิตนี้ที่ปลายฟ้า
ดวงเนตรตัดผมให้พี่หนอยเสร็จ เธอแวะไปถามพี่ ๆ ว่าต้องการซื้ออะไรเพิ่มไหม แล้วทั้งสามก็ออกรถมาถึงห้างใหญ่ในเมืองมหาวิทยาลัย
ดวงเนตรแวะเข้าซื้อของสด มีทั้ง ผัก ผลไม้ นม ไข่ และเนื้อ อีกทั้งเครื่องปรุงอาหารต่าง ๆ จนครบ พี่หนอยเดินเข็นรถตามต้อยๆ “เฮ่อ! คนอะไร ทั้ง
สวยทั้งคล่อง ...เสียดาย” หนอยมองดวงเนตรจับโน่น หยิบนี้ อย่างคล่องแคล่ว จนได้ของตามรายการเกือบครบแล้ว ส่วนพี่น้อยยังเดินหาของอย่างช้า ๆ
“พี่ถามอะไรเนตรหน่อยได้ไหม”
“ถามมาก ๆ ก็ได้ค่ะ”
พี่หนอยได้โอกาสจึงแหย่เอา “เดี๋ยวนี้ช่างยอกย้อนนะเราน่ะ”
“เนตรทำอะไรไว ๆ จนชินแล้วค่ะ เพราะต้องดูแลน้องหลายคนตอนเรียนอยู่ที่เชียงใหม่”
“ถึงว่าเก่งขนาดนี้...แล้วเรื่องตัดผมล่ะ” ดวงเนตรเฉลยข้อสงสัย
“เนตรเคยไปเข้าคอร์สสั้น ๆ แล้วก็ตัดให้น้อง พอเพื่อน ๆ เห็นเขาก็มาตัดกันมีแค่ในกลุ่มที่สนิทกันน่ะค่ะ”
“เนตรมีแฟนอยู่ที่เมืองไทยรึเปล่า”
“เรื่องอะไรจะตอบมันเรื่องส่วนตัว...มีกับใครเขาที่ไหน มีแต่เวลาเรียน พอเรียนเสร็จก็รีบซิ่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้านไปดูแลเรื่องอาหารกับเรียน
พิเศษของน้อง ๆ ขนาดเพื่อนเซ้าซี้ให้เข้าชมรมยังไม่มีเวลาเลยค่ะ” ดวงเนตรพูดซะยาว หนอยฟังอย่างเงียบ ๆ พอเริ่มสนิทกัน ดูดวงเนตรทำตัว
สบายขึ้นแล้วช่างเจรจานัก หนอยคิด
“ไปหรือยังค่ะเสร็จแล้ว” เสียงพี่น้อยดังขึ้นด้านหลัง
“รอแต่พี่น้อยครับ น้องเขาเสร็จนานแล้ว”
“นี่ซื้อของตั้งเยอะทำได้ไงเร็วจัง”
“เขายังเด็กอยู่มังครับเลยทำอะไรไว”
“หนอยนี้ปากคอเราะรายว่าพี่อีกแล้วนะ”
“โธ่! พี่น้อยผมล้อเล่นน่ะ” พี่น้อยค้อนให้วงใหญ่ก่อนจะมามองดูของในรถเข็น
“น้องเนตรเอาไข่อีกแพ็กไหม เราใช้กันเยอะนะ อีกอย่างไม่ต้องใส่ตู้เย็นเพราะอากาศข้างนอกเย็นพออยู่แล้ว”พูดแล้วไม่รอคำตอบหยิบเพิ่มให้ดวงเนตรอีกหนึ่งแพ็ก
ดวงเนตรมองดูนาฬิกาพลางคิด ‘นี้เราใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงเลยนะ’
“ไม่ต้องรีบ...พี่หนอยมีเวลารับใช้แม่นางน้อยถึงย่ำค่ำเลยครับ”
“แต่เพลานี้ เราหิวกันแล้วแวะกินอาหารจีนไหมครับ”
“นี่หนอยพูดธรรมดาก็ได้ เปลี่ยนสรรพนามไปมา พี่น้อยงง!”
“ไปกินกันแล้วจะได้ไปดูยาร์ดเซลนะคะ” ดวงเนตรสรุป
จากห้างสรรพสินค้า...พี่น้อยกางหนังสือพิมพ์ ทั้งสองคนรู้จักทางดีจึงหาไม่ยาก ที่แรกมีของวางไว้บนผ้าพลาสติกหน้าสนาม หลายอย่าง...มี
ทั้งแก้วเจียระไนลายละเอียดสี่ใบวางไว้ติดราคาสองเหรียญ ดวงเนตรหยิบกองไว้ พี่หนอยหิ้วเตารีดมาให้เธอดู
“นี่ไงน้ำหนักกำลังดี รับรองรีดผ้าเรียบง่าย”
“จ้ะคนเชียร์คนเก่ง ราคาเท่าไรจ๊ะ” พี่น้อยถาม
“แค่เหรียญเดียวครับ”...สุดท้ายมันอยู่ยั่งยืนยงคู่ดวงเนตรถึงสิบปี
“ดีเลยคะ เนตรกำลังอยากได้”
“เอาเลยถูกยังกับได้ฟรี” พี่น้อยรีบสนับสนุน คุณลุงฝรั่งคนขายรีบเสนอขายที่รีดผ้าแบบยืนรีด พร้อมแถมผ้าคลุมที่รีดผืนใหม่ด้วย พอรู้ว่าเราเป็น
คนเอเชีย เขาว่าคนเอเซียนิสัยดี สุภาพ พี่หนอยบอกคุณลุงว่าเรามาจากประเทศไทย
“Oh! Bangkok, Thailand” เขาดีใจเชกแฮนด์กับหนอย แล้วบอกว่าชื่อลุงแฟรงค์ เพิ่งไปเที่ยวเมืองไทยเมื่อปีที่แล้ว...สนุกมาก
“คนไทยน่ารัก” เขาพยายามพูดประโยคนี้อยู่นาน ส่วนพวกเราลุ้นจนเหนื่อย แล้วทั้งหมดก็หัวเราะพร้อมกัน สุดท้ายลุงแถมของมาให้มากมาย
โดยเฉพาะให้ดวงเนตร แกชมว่าสาวไทยที่เจอไม่สวยเท่าดวงเนตร เนตรเกือบจะเหมาของแกหมด เพราะเธอเอาเขียง มีด และเตาปิ้งขนมปังด้วย ทั้งหมดลุงฝรั่งเอาแค่สิบเหรียญ แล้วเราก็กล่าวอำลา ดูเหมือนดวงเนตรได้ของครบแล้ว แต่พี่น้อยยังอยากไปต่อ
“ไปอีกที่เนอะ น้องเนตร... นะจ๊ะหนอย”
“ได้เลยครับท่านผมว่างทั้งวัน แค่ขอข้าวเย็นหนึ่งมื้อก็พอ”
“ได้จ้ะ น้องเนตรเขาทำอาหารอร่อยนะ...เนอะ ๆ ” พี่น้อยหันมาขอแรงเชียร์แรงใจจากเนตรด้วย “เนตรจะทำพระกระโดดกำแพงให้พี่หนอยทาน”
“เอาแบบธรรมดาก็ได้จ้ะ เดี๋ยวขาหัก” พี่น้อยหัวเราะกับคารมของทั้งคู่
พี่หนอยขับมาเข้าถนนอีกสายหนึ่ง บ้านหลังเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ทาสีฟ้าอ่อน สีอิฐ สีครีม มีเนินเขา และแนวดอกไม้เมืองหนาวปลูกสลับสีดูงดงาม ท่ามกลางอากาศยามบ่ายซึ่งเย็นสบายเพียงยี่สิบองศา พี่หนอยขับมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่สีอิฐ ของที่วางไว้หน้าบ้านดูมากมาย ดวงเนตรเลือกยาง
รัดผมหลากสีที่ใส่ไว้ในถุงพลาสติกใส ติดราคาไว้ 25เซนต์ หนอยไปเอาตะกร้าเล็กที่เขาทิ้งไว้ท้ายรถมาคอยเดินตามดวงเนตร เธอเอียงคอมอง
“ขอบคุณมากค่ะพี่หนอย” คนถูกเรียกชื่อยิ้มกว้างอย่างพอใจ จอนผมสองข้างแก้ม ทำให้เนตรมองเห็นว่าที่จริงหน้าพี่หนอยมีสัดส่วนใบหน้าลง
ตัวเลยทีเดียว พอซอยผมสั้นเปิดให้เห็นกรามที่กางออก ดูหล่อนัก
“อ้าว! เด็ก ๆ มั่วแต่มองกันอยู่นี่ จะได้ซื้อของไหมจ๊ะ”
“ค่ะ ๆ ” เนตรตอบรับ พี่หนอยยื่นกิ๊บใหญ่สี่อัน อันแรกมีดอกไม้เล็กติดเป็นช่อเข้ากับกิ๊บ ที่เหลือเป็นลายเพนด์รูปนก กระต่าย ผีเสื้อ กิ๊บขนาด
ใหญ่พอเหมาะ ดวงเนตรรับไว้ใส่ในตะกร้า
“พอแล้วค่ะพี่หนอย” ทั้งสองคนเอาของในตะกร้าไปยื่นให้คุณป้าคิดเงิน
“แฟนยูเหรอ”
“ครับ”
“ She is very lovely...เธอน่ารักมาก นี่ของแถมให้แฟนคุณไว้ผูกผม” คุณป้าใจดีส่งผ้ากว้างประมาณสามนิ้ว ยาวขนาดพับรอบศีรษะได้สอง
รอบสองผืน ทำจากผ้าไหมสีสวย เขากล่าวขอบคุณ ดวงเนตรไม่ค่อยเข้าใจที่สองคนพูด เลยได้แต่ยิ้มให้คุณป้า
“พี่น้อยไม่ได้อะไรเลยเหรอคะ”
“มาดูเผื่อถูกใจ แต่ในห้องไม่มีที่วางอะไรแล้วค่ะ” ดวงเนตรเลือกซื้อของถูกใจมากกว่าใครจนพอรถเคลื่อนตัวไปได้หน่อย
“พี่หนอยยิ้มอะไรอยู่ได้ บอกเนตรมาเลยนะว่าเมื่อกี้คุยอะไรกับมาดาม”
“ไม่ต้องรู้หรอกเรื่องของผู้ใหญ่”
“พี่น้อยคะ...เนตรไม่ยอมนะ” ดวงเนตรร้องหาตัวช่วย
“คุยอะไรกันเหรอคะ บอกน้องไปสิ”
“เขาถามว่าเป็นแฟนผมใช่ไหม แล้วแกก็ว่าน้องน่ารัก เลยแถมผ้าผูกผมมาให้ด้วยเท่านั้นเอง” ดวงเนตรหน้างอไม่เอ่ยอะไรสักคำจนถึงหอพัก
“ทำหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองไปได้หนูน้อย” พี่น้อยมองดูและนึกขำดวงเนตร เธอเองกำลังคิดตำหนิที่ทำเช่นนี้กับพี่หนอย เขาพาไป
ซื้อของหลายที่ ไม่เคยออกปากบ่นสักคำ แล้วเราทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ ดวงเนตรสะบัดหัวไปมา...ละทิ้งอารมณ์ไม่ดี พร้อมเอ่ยเสียงแผ่วว่า
”พี่หนอยคะ เนตรขอโทษนะคะ”
“อ้าว! นึกว่าเนตรกลายเป็นเตมีย์ใบ้ซะแล้ว” เขาเอ่ย พี่หนอยจอดรถหน้าหอพัก หันมาทางดวงเนตร
“ไม่โกรธหรอกครับ ดีกันนะ” เขายื่นนิ้วก้อยมาให้ดวงเนตรเกี่ยว เธอยิ้ม...ดวงตาบอกให้รู้ว่า ขอโทษ หนอยคิด...'เกือบอดกินข้าวเย็นแล้ว
ไหมล่ะ’ ทั้งสามคนช่วยกันหอบของพะรุงพะรัง บังเอิญเจอพี่ศิริพอดี
“ได้อะไรมาเยอะแยะเลยจ๊ะ มา ๆ พี่ช่วยหิ้วอีกคน” ของที่ซื้อมาถูกเอามากองไว้ที่ห้องดวงเนตร เธอยกมือไหว้ทุก ๆ คนแล้วขอเวลาเก็บของ
ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทำอาหารเย็น พี่น้อยขอตัวไปอาบน้ำ ส่วนพี่หนอยยังนั่งแช่อยู่กับพื้น หน้าขาวใสออกแดงเพราะโดนแดด ดวงเนตรเทน้ำเย็นแก้วใหญ่
ให้ เขาดื่มรวดเดียวหมด
“เอาอีกไหมคะ”
“ไม่แล้วเดี๋ยวพี่เก็บท้องไว้กินของอร่อยดีกว่า”
“พี่หนอยไปรอที่ห้องน้าวิวแป๊บเดียวนะ ขอเนตรเก็บของให้เรียบร้อยก่อน” ประตูยังเปิดค้างอยู่ รอให้หนุ่มหน้าหยกออกไป
“ขอพี่หนอยรอที่นี่แหละ รับรองพี่จะไม่กวนเนตรหรอก”
“ค่ะ ๆ ” ดวงเนตรหันไปเก็บของสด และล้างผลไม้ใส่ตระกร้าเข้าตู้เย็น ของที่ซื้อมาจากยาร์ดเซล ถูกนำมาทำความสะอาดทุกชิ้น และแยกเก็บ
เข้าที่ ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ หันมาอีกที พี่หนอยนอนเอามือหนุนท้ายทอยอยู่ข้างเตียง ดวงเนตรเอาหมอนมา แล้วยกศีรษะเขาขึ้น สอดหมอน
รองให้ เธอนึกสงสารคงเหนื่อยน่าดู หนอยรู้สึกได้ถึงมือนุ่ม ๆ ที่จับหัวเขาอยู่เมื่อครู่กับกลิ่นกายหอมอ่อนชื่นใจนัก‘หอมเอย หอมรวยรื่น ได้กลิ่นแล้ว
ชื่นใจนัก’…ความคิดล่องลอยและหลับลง