ขออนุญาต Quote จากบทความของวุฒิสภาเลยนะครับ
ปมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา
ที่มาและความสำคัญของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา สรุปให้เข้าใจโดยง่ายคือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลแห่งนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อนในหลายมิติ แต่โดยรวมแล้วเกิดจากปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชามากว่า 50 ปี
โดยเกิดขึ้นจากการที่กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยเมื่อปี 1972 ก่อนที่ไทยจะประกาศในปี 1973 ซึ่งต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ขีดเส้นล้ำเข้ามาทับเส้นของอีกฝ่าย ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ทับซ้อนกันกว่า 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นจึงส่งผลต่อสิทธิ์สัมปทานที่ทั้งไทยกับกัมพูชาได้ให้กับบริษัทเอกชนด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จึงทำให้ยังไม่มีใครสามารถเข้าไปดำเนินกิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้ กระทั่งมีการหารือมาในหลายรัฐบาล จนถึงสมัยที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปเยือนกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ณ กรุงพนมเปญ แม้ว่าการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนั้นยังไม่มีวาระการเจรจาในประเด็นการฟื้นฟูการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Overlapping Claims Area: OCA) แต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นก็ระบุว่าจะนำเรื่องนี้มาหารือให้สำเร็จช่วงต้นปี 2567
https://www.senate.go.th/view/386/News/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2Issue/251/TH-TH
คือถ้าเขมรเคลมก่อนไทยไปหนึ่งปี แล้วเรื่องนี้ไปตัดสินกันที่ศาลโลกอีกรอบ ไทยจะเสียเปรียบในทางกฎหมายไหมครับ?
ผมสงสัยว่า ถ้าเขมรเคลมอาณาเขตทางทะเลไปก่อนไทยในปี 1972 แบบนี้ ไทยจะเสียเปรียบไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไปตัดสินกันที่ศาลโลก?
ปมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา
ที่มาและความสำคัญของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา สรุปให้เข้าใจโดยง่ายคือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลแห่งนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อนในหลายมิติ แต่โดยรวมแล้วเกิดจากปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชามากว่า 50 ปี โดยเกิดขึ้นจากการที่กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยเมื่อปี 1972 ก่อนที่ไทยจะประกาศในปี 1973 ซึ่งต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ขีดเส้นล้ำเข้ามาทับเส้นของอีกฝ่าย ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ทับซ้อนกันกว่า 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นจึงส่งผลต่อสิทธิ์สัมปทานที่ทั้งไทยกับกัมพูชาได้ให้กับบริษัทเอกชนด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จึงทำให้ยังไม่มีใครสามารถเข้าไปดำเนินกิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้ กระทั่งมีการหารือมาในหลายรัฐบาล จนถึงสมัยที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปเยือนกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2566 ณ กรุงพนมเปญ แม้ว่าการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนั้นยังไม่มีวาระการเจรจาในประเด็นการฟื้นฟูการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Overlapping Claims Area: OCA) แต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นก็ระบุว่าจะนำเรื่องนี้มาหารือให้สำเร็จช่วงต้นปี 2567
https://www.senate.go.th/view/386/News/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2Issue/251/TH-TH
คือถ้าเขมรเคลมก่อนไทยไปหนึ่งปี แล้วเรื่องนี้ไปตัดสินกันที่ศาลโลกอีกรอบ ไทยจะเสียเปรียบในทางกฎหมายไหมครับ?