หลอกให้เป็นหนี้บัตรเครดิตโดยที่เราไม่ได้ใช้

#เรื่องนี้ค่อนข้างยาวค่ะ ใครที่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้หลังไมค์มาได้ค่ะ เราต้องการคำปรึกษาหรือแนะนำหาทางทวงความยุติธรรมให้กับเพื่อนของเราอย่างถึงที่สุด เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 7 เดือน เราพยายามเรียบเรียงให้อ่านง่ายที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนเราเองค่ะ ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงไม่โพสเองเนื่องจากหน้าที่การงานของเธอ 2.สภาพจิตใจที่ไม่พร้อม และค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก และเราได้รับการยินยอมจากเจ้าของเรื่องแล้ว มาเริ่มเลยค่ะ
โดยมีตัวละครดังนี้ A คือ เพื่อนของเราเป็นเด็กจบใหม่พึ่งบรรจุราชการ (ญ)  B= อีเฮงซวยที่หลอกเพื่อนของเรา (ทอม) C=เพื่อนอย่างเรา

1. ทั้งคู่เจอกันในแอปหนึ่ง A เริ่มคบกับ B ในช่วงของเดือนตุลาคม เมื่อปีที่แล้ว ความสัมพันธุ์ช่วงแรกเป็นไปได้ด้วยดีเป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น เพราะ B พึ่งจะเลิกกับแฟนเก่า และยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่และเงินทอง โดย B บอกกับ A ว่าแฟนเก่าได้ขโมยไอดีโทรศัพท์ไปขายเพื่อเอาเงินไปอยู่กับแฟนใหม่ จำนวนหนึ่ง ซึ่ง A ก็ได้ให้การช่วยเหลือโดยการให้ที่อยู่เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น ซึ่งทั้งคู่ย้ายมาอยู่ด้วยกันในระยะเวลาที่เริ่มคบกัน

2. ข้อตกลงที่ทั้ง 2 ได้ตกลงที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน คือ B จะช่วยจ่ายค่าไฟ ส่วน A จ่ายค่าห้อง หรือบางเดือนก็หารกัน แต่ปรากฏว่า มันไม่เป็นตามที่ตกลงกันไว้ A ที่มีงานประจำเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ค่าห้อง ค่าไฟ ค่าอาหารแมว โดย B อ้างว่ายังว่ายังไม่มีเงิน หรือเงินเดือนไม่พอใช้ B ที่ซื้อโทรศัพท์ใหม่ด้วยเงินของ A โดยการ #กู้บัตรเครดิต ซึ่ง  B บอกกับ  A ว่ายังไงเราก็เป็นแฟนกัน และรู้ที่อยู่สภาพการเป็นอยู่ของบ้าน B ไม่น่าจะโกงแน่ๆ จึงเปิดกู้ให้โดยใช้เครดิตของ A ที่เป็นถึงราชการ แต่แล้วข้อตกลงเริ่มไม่เป็นไปตามที่พูดไว้ B ไม่ได้ช่วย A จ่ายอะไรเลย แต่ A ก็ยังคงไว้ใจหวังว่าสักวันเค้าคงจะช่วยจ่าย ผ่านไป 1 เดือนก็แล้ว 2 เดือน Bได้ยืมเงินของ A เรื่อยๆ 100 200 บ้าง เพื่อไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมเป็นเงินจำนวนหนึ่ง โดยสัญญาว่าจะนำเงินมาคืน ระหว่างนั้นก็มีหลายงวดที่ A ต้องออกค่าบัตรเครดิตให้กับ B ก่อน เพราะติดต่อ B ไม่ได้บ้าง และธนาคารก็โทรตามไม่หยุด และโทรไปที่ทำงานของ A
เหตุการณ์นี้ส่งผลต่อสภาวะจิตใจของ A อย่างหนัก A หวาดระแวงทุกเบอร์แปลกหรือเบอร์ที่ไม่มีชื่อที่โทรหาเธอ

3. หลังจากจำนวนเงินที่ B ยืมเริ่มมากขึ้น ทั้ง 2 เริ่มมีปากเสียงกัน โดย B ใช้คำพูดที่ส่งผลต่อจิตใจของ B ตามรูปที่ดิฉันได้แนบไว้ จากสภาพจิตใจของ B ที่เป็นซึมเศร้า และเครียดกับงาน บวกกับรัก B อยู่ จึงกลับไปคืนดี และรอให้ A คืนเงิน ต่อมาเหตุการณ์เริ่มไม่ไหวมันเยอะเกินที่จะรับไว้ B จึงนำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาเล่าให้กับ C ฟัง โดย C ก็ยังไม่ได้ที่จะให้คำแนะนะมากนักเพราะต้องการให้ B คืนเงินจำนวนหลายบาท

4. ผ่านไปถึงเดือน พฤศจิกายน บัตรเครดิตยอดที่กู้เดิมอยู่ก็ยังไม่หมด B ก็เริ่มที่จะบอก A ว่าแม่ของ B ป่วยต้องใช้เงินรักษาหลักหมื่น เพื่อรักษาโดย B ก็ไม่สามารถกู้ได้เพราะเครดิตตัวเองไม่ดี โดยเหตุการณ์นี้เป็นการเล่ากันปากเปล่า ไม่ได้มีการบันทึกบทสนทนานี้ไว้ A ที่หวังดีต่อแฟนและความเป็นความตายที่ไม่ใช่ใครจะเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น A จึง #กู้บัตรเครดิตเพิ่มเป็นอีก 3 ธนาคารเป็นจำนวนเงินทั้งหมดประมาณ 50,000฿ หลังจากที่กู้ผ่านเงินทั้งหมดถูกโอนเข้าบัญชีของ B ทันที โดย A ไม่ได้ใช้เลยแม้แต่บาทเดียว (หลักฐานทั้งหมดเราจะนำไปให้ตำรวจเท่านั้นหากมีการดำเนินคดี) ผ่านมาถึงเดือนธันวาคม ทั้งคู่ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ห้องของ A ทุกอย่าง A ก็ยังคงเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง B เริ่มที่จะทะเลาะกับ Aมากขึ้น บางครั้งก็ไม่กลับห้องอ้างว่าทำงาน แชทไม่ตอบเพราะตนอ้างว่าต้องทำงาน แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างก็ยังคงเป็น A ที่จ่าย  (มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่