โง่ จน เจ็บ

กระทู้สนทนา
บทคัดย่อ: ประเทศไทยในวงจรโง่ จน เจ็บ เปลี่ยน tag เพื่อ? ยอมรับหรือครับว่าฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล แก้ไขปัญหา โง่จนเจ็บ และ ปัญหาโง่จนเจ็บ ไม่ใช่ปัญหาครอบครัว และ ปัญหาสังคม ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?

ระหว่างปี พ.ศ. 2504–2538 ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ประมาณ 88.84 ล้านไร่ ขณะที่พื้นที่เกษตรกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียง 81.83 ล้านไร่ ตัวเลขนี้สะท้อนว่ามีพื้นที่ป่าธรรมชาติอย่างน้อย 7.01 ล้านไร่ ที่หายไปโดยไม่ได้ถูกใช้เพื่อการเกษตร แต่กลับตกเป็นกรรมสิทธิ์ของทุนเอกชนในรูปแบบสัมปทานป่า รีสอร์ท และสนามกอล์ฟ

ในช่วงเวลาเดียวกัน ประชากรชนบทเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า จาก 22.9 ล้านคนในปี 2523 เป็น 48.7 ล้านคนในปี 2538 โดยส่วนใหญ่ยังติดอยู่ในวัฏจักรของความยากจน ความอดอยาก และการขาดโอกาสทางการศึกษา

ปี พ.ศ. 2531 ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก มิสยูนิเวิร์สไทย กล่าวบนเวทีโลกถึงปัญหาเด็กไทยที่อดอยากและเสียชีวิตจากความยากจน แต่คำเรียกร้องดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองอย่างจริงจังจากรัฐบาลไทยและสังคมโดยรวม สะท้อนถึงภาวะ “ไร้หัวใจ” ของผู้มีอำนาจ และสังคมที่ไม่รู้สึกร่วมต่อวิกฤตมนุษย์

ปี พ.ศ. 2538 แรงงานไทยกว่า 79.1% มีการศึกษาระดับประถมหรือต่ำกว่า เป็นหลักฐานชัดเจนว่าระบบการศึกษาไม่สามารถสร้างโอกาสหรือพัฒนาศักยภาพของคนส่วนใหญ่ได้ ผู้คนจำนวนมากต้องเลี้ยงชีพด้วยการถางป่า บุกรุกธรรมชาติ เพื่อแลกข้าว ปรากฏการณ์ “ป่าแลกข้าว” จึงเกิดจากการขาดนโยบายเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่จากความขี้เกียจหรือโง่เขลาของประชาชน

ประเทศไทยไม่ล้มเหลวเพราะประชาชนไม่มีความสามารถ แต่เพราะผู้นำไม่แคร์ ทั้งในด้านมนุษยธรรม การศึกษา และการพัฒนาที่ยั่งยืน ความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัว ไม่ได้ปูทางด้วยเจตนาดี หากแต่ด้วยความเฉื่อยชา เย่อหยิ่ง และความไร้ความรับผิดชอบ

ปี พ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนโยบาย “มัธยมศึกษาตำบล” เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและกำลังคน คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปี จึงจะเปิดโรงเรียนได้ครบทุกตำบลทั่วประเทศ (กว่า 5,000 แห่ง)

ในปี พ.ศ. 2531 เด็กไทยนับหมื่นยังคงเสียชีวิตจากความอดอยาก ตามคำกล่าวอันสะเทือนใจของนางงามจักรวาล ซึ่งแม้จะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่กลับไม่มีแรงสะเทือนต่อกลไกรัฐไทย

ช่วงปี พ.ศ. 2534–2535 ประเทศไทยเผชิญวิกฤตการจัดบริการการศึกษาระดับชาติ มีเด็กอายุระหว่าง 3–17 ปี มากถึง 4.35 ล้านคน ที่ยังไม่มีที่เรียน โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 6–11 ปี ซึ่งมีถึง 650,000 คนที่มีสิทธิได้รับการศึกษาระดับประถมตามรัฐธรรมนูญ 2534 — แต่รัฐกลับไม่สามารถจัดการให้ได้

การ จัดตั้งโรงเรียนไม่ทัน จากความล้มเหลวในการวางแผนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2448 สะสมจนถึงยุคที่ไทยยังคงติดอันดับประเทศยากจนของโลก

สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติจึงลงพื้นที่สำรวจ และพบปัญหาแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค:

ภาคเหนือ: พื้นที่ทุรกันดารและห่างไกล
ภาคอีสาน: ขาดแคลนน้ำและแห้งแล้ง
ภาคใต้: ความไม่ปลอดภัยและความเสี่ยงสูง
ภาคกลาง: ความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้าง

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึง ความล้มเหลวเชิงระบบของรัฐไทย ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน แม้จะมีหลักประกันในรัฐธรรมนูญ 34 และพระราชบัญญัติประถมศึกษามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2448 แล้วก็ตาม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่