ธปท.เผย 30 ผู้ให้บริการการเงิน ทั้งแบงก์-น็อนแบงก์ พร้อมเปิดใช้ข้อมูลค่าน้ำ-ค่าไฟพิจารณาสินเชื่อ ช่วงปี 2568-2569 ชี้มีน็อนแบงก์ 3 รายเริ่มให้บริการแล้ว เล็งระยะต่อไปดึงข้อมูล “ยื่นแบบภาษี-ชำระเบี้ยประกัน-หุ้น” เข้าระบบด้วย
นางสาววิภาวิน พรหมบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า โครงการ Your Data ที่ ธปท. ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค เปิดตัว “บริการขอประวัติการใช้และชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ” ผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ เพื่อใช้ประกอบการสมัครขอสินเชื่อได้นั้น เริ่มต้นจะมีผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) 3 ราย ที่เริ่มให้บริการได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 2568
ขณะที่ภาพรวม จะมีผู้ให้บริการที่เข้าร่วมรับข้อมูล ประวัติการชำระ ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่แจ้งความจำนงมาแล้ว และจะให้บริการในปี 2568-2569 รวม 30 แห่ง โดยจะเป็นการทยอยให้บริการ แบ่งเป็นในปี 2568 จำนวน 13 ราย ส่วนอีก 17 ราย จะพร้อมให้บริการในปี 2569
ทั้งนี้ จะประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารทิสโก้ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2568 ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และธนาคารไทยเครดิต พร้อมให้บริการในปี 2569
สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมให้บริการในปี 2569
ด้านน็อนแบงก์ เข้าร่วมทั้งสิ้นจำนวน 22 แห่ง โดยมี 3 รายที่พร้อมเริ่มให้บริการทันที คือ เงินดีดี, เธียรสุรัตน์ ลีสซิ่ง และ พี.ซี.ทาวเวอร์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ (1996) ขณะที่น็อนแบงก์ 4 ราย พร้อมให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2568 นี้ ได้แก่ โช สมาร์ท เทค, มันนิกซ์, สบายลีสซิ่ง และอบาคัส ดิจิทัล และน็อนแบงก์อีก 5 ราย พร้อมให้บริการในไตรมาส 4 ปี 2568 ได้แก่ ชูเกียรติ พร็อพเพอร์ตี้, บิ๊ก มันนี่ พลัส, ฟอร์ท สมาร์ท แคปปิตอล, แรบบิท แคช และฮิวแมนเชส แคปปิตอล
ส่วนในปี 2569 จะมีน็อนแบงก์ที่พร้อมจะให้บริการอีก 10 ราย ได้แก่ คาร์ด เอกซ์, เงินให้ใจ, พรอมิส (ประเทศไทย), แมคคาเล กรุ๊พ, อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส, เอส 11 กรุ๊ป, เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส, รีโซลูชั่น เวย์, บัตรกรุงศรีอยุธยา และโลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส
“ประชาชนสามารถดาวน์โหลดข้อมูล ประวัติการใช้ การจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟของท่าน แล้วส่งไปให้ผู้ให้บริการสินเชื่อ เพื่อยื่นประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้เลย ผ่านทางมือถือ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะข้อมูลสามารถนำไปใช้ประมวลผลต่อได้เลย”...
นางสาววิภาวินกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของโครงการ คือ อยากให้ประชาชน และผู้ประกอบการ มีช่องทาง มีกลไก ที่จะใช้สิทธิส่งข้อมูลของตนเอง ที่อยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หรือผู้ให้บริการทางการเงิน ส่งไปทางช่องทางดิจิทัล เพื่อจะได้รับบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์แต่ละบุคคลมากขึ้น
“ข้อมูลการชำระค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นหนึ่งในข้อมูลที่จะแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมทางการเงินที่ดี รวมถึงสะท้อนการมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ฉะนั้น จะทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อรู้จักและเข้าใจ สามารถพิจารณาโดยนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบ ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยมีข้อมูลการเดินบัญชีกับสถาบันการเงินมาก่อน การมีข้อมูลนี้มาจะทำให้ผู้ให้บริการรู้จักและเข้าใจท่านได้ดีขึ้น”
นางสาววิภาวินกล่าวว่า นอกจากข้อมูลค่าน้ำ ค่าไฟแล้ว ระยะต่อไปจะมีข้อมูลการชำระภาษีของกรมสรรพากร ที่คาดว่าจะสามารถใช้สิทธิส่งข้อมูลได้ภายในปลายปี 2568 นี้ ส่วนข้อมูลอื่น ๆ จะเป็นข้อมูลในภาคการเงิน อาทิ เงินฝาก สินเชื่อ การชำระเงิน ค่าเบี้ยประกัน รวมถึงข้อมูลในตลาดทุนเกี่ยวกับหลักทรัพย์ เป็นต้น ซึ่ง ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างผลักดัน คาดว่าในปี 2569 จะเริ่มให้มีการใช้สิทธิข้อมูลชุดแรกได้...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1838488
เปิด 30 ผู้ให้บริการการเงิน ใช้ ‘ค่าน้ำ-ค่าไฟ’ ปล่อยกู้
นางสาววิภาวิน พรหมบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า โครงการ Your Data ที่ ธปท. ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค เปิดตัว “บริการขอประวัติการใช้และชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ” ผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ เพื่อใช้ประกอบการสมัครขอสินเชื่อได้นั้น เริ่มต้นจะมีผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) 3 ราย ที่เริ่มให้บริการได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 2568
ขณะที่ภาพรวม จะมีผู้ให้บริการที่เข้าร่วมรับข้อมูล ประวัติการชำระ ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่แจ้งความจำนงมาแล้ว และจะให้บริการในปี 2568-2569 รวม 30 แห่ง โดยจะเป็นการทยอยให้บริการ แบ่งเป็นในปี 2568 จำนวน 13 ราย ส่วนอีก 17 ราย จะพร้อมให้บริการในปี 2569
ทั้งนี้ จะประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารทิสโก้ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2568 ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) และธนาคารไทยเครดิต พร้อมให้บริการในปี 2569
สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมให้บริการในปี 2569
ด้านน็อนแบงก์ เข้าร่วมทั้งสิ้นจำนวน 22 แห่ง โดยมี 3 รายที่พร้อมเริ่มให้บริการทันที คือ เงินดีดี, เธียรสุรัตน์ ลีสซิ่ง และ พี.ซี.ทาวเวอร์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ (1996) ขณะที่น็อนแบงก์ 4 ราย พร้อมให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2568 นี้ ได้แก่ โช สมาร์ท เทค, มันนิกซ์, สบายลีสซิ่ง และอบาคัส ดิจิทัล และน็อนแบงก์อีก 5 ราย พร้อมให้บริการในไตรมาส 4 ปี 2568 ได้แก่ ชูเกียรติ พร็อพเพอร์ตี้, บิ๊ก มันนี่ พลัส, ฟอร์ท สมาร์ท แคปปิตอล, แรบบิท แคช และฮิวแมนเชส แคปปิตอล
ส่วนในปี 2569 จะมีน็อนแบงก์ที่พร้อมจะให้บริการอีก 10 ราย ได้แก่ คาร์ด เอกซ์, เงินให้ใจ, พรอมิส (ประเทศไทย), แมคคาเล กรุ๊พ, อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส, เอส 11 กรุ๊ป, เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส, รีโซลูชั่น เวย์, บัตรกรุงศรีอยุธยา และโลตัสส์ มันนี่ เซอร์วิสเซส
“ประชาชนสามารถดาวน์โหลดข้อมูล ประวัติการใช้ การจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟของท่าน แล้วส่งไปให้ผู้ให้บริการสินเชื่อ เพื่อยื่นประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้เลย ผ่านทางมือถือ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะข้อมูลสามารถนำไปใช้ประมวลผลต่อได้เลย”...
นางสาววิภาวินกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของโครงการ คือ อยากให้ประชาชน และผู้ประกอบการ มีช่องทาง มีกลไก ที่จะใช้สิทธิส่งข้อมูลของตนเอง ที่อยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หรือผู้ให้บริการทางการเงิน ส่งไปทางช่องทางดิจิทัล เพื่อจะได้รับบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์แต่ละบุคคลมากขึ้น
“ข้อมูลการชำระค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นหนึ่งในข้อมูลที่จะแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมทางการเงินที่ดี รวมถึงสะท้อนการมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ฉะนั้น จะทำให้ผู้ให้บริการสินเชื่อรู้จักและเข้าใจ สามารถพิจารณาโดยนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบ ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยมีข้อมูลการเดินบัญชีกับสถาบันการเงินมาก่อน การมีข้อมูลนี้มาจะทำให้ผู้ให้บริการรู้จักและเข้าใจท่านได้ดีขึ้น”
นางสาววิภาวินกล่าวว่า นอกจากข้อมูลค่าน้ำ ค่าไฟแล้ว ระยะต่อไปจะมีข้อมูลการชำระภาษีของกรมสรรพากร ที่คาดว่าจะสามารถใช้สิทธิส่งข้อมูลได้ภายในปลายปี 2568 นี้ ส่วนข้อมูลอื่น ๆ จะเป็นข้อมูลในภาคการเงิน อาทิ เงินฝาก สินเชื่อ การชำระเงิน ค่าเบี้ยประกัน รวมถึงข้อมูลในตลาดทุนเกี่ยวกับหลักทรัพย์ เป็นต้น ซึ่ง ธปท. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างผลักดัน คาดว่าในปี 2569 จะเริ่มให้มีการใช้สิทธิข้อมูลชุดแรกได้...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1838488