คำพูดที่ว่า “ถือแค่ศีล 5 ก็เป็นอรหันต์ได้” เป็นความเชื่อหรือคำกล่าวที่ไม่สอดคล้องกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาในเชิงลึก โดยเฉพาะตาม พระไตรปิฎก และ อภิธรรม ซึ่งมีหลักเกณฑ์ชัดเจนเกี่ยวกับการบรรลุ พระอรหันต์ ว่า:
1. ศีล 5 เป็นเพียง “พื้นฐาน” ของความดี
ศีล 5 ได้แก่
เว้นจากการฆ่าสัตว์
เว้นจากการลักทรัพย์
เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เว้นจากการพูดเท็จ
เว้นจากการดื่มสุราเมรัย
การรักษาศีล 5 ช่วยให้ “ไม่ตกต่ำ” เป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรมพื้นฐาน แต่ไม่เพียงพอต่อการบรรลุ “อรหันต์”
2. การเป็น “อรหันต์” ต้องมี ปัญญา และ สมาธิ สูงสุด
ต้องผ่าน ศีล-สมาธิ-ปัญญา ครบทั้งสามขั้น
ต้องละกิเลสและอาสวะได้หมดสิ้น
ต้องบรรลุ โลกุตตรธรรม ผ่าน โสดาปัตติผล > สกทาคามิผล > อนาคามิผล > อรหัตผล
3. ศีล 5 ยังไม่พอ
ศีล 5 เป็นเพียงพื้นฐานของ ศีล
ต้องพัฒนาต่อไปเป็น ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 (สำหรับพระ)
ต้องฝึก สมาธิ (ฌาน) และเจริญ ปัญญา (วิปัสสนา) เพื่อเห็น ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
✅ สรุป:
การถือศีล 5 ทำให้เป็น คนดี มีจิตใจสงบสุข และเป็นพื้นฐานของการพัฒนาไปสู่ธรรมขั้นสูง
แต่ การเป็นพระอรหันต์ ต้องมี ศีล สมาธิ และปัญญา ครบถ้วน จนสามารถ ละสังโยชน์ 10 ได้ทั้งหมด
💡 พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้หยุดแค่ศีล 5 แต่สอนให้ “เดินไปให้สุดทาง” ถึง นิพพาน
ศัล 5 สอนให้คนเป็นคนดี มีมนุษยธรรม
1. ศีล 5 เป็นเพียง “พื้นฐาน” ของความดี
ศีล 5 ได้แก่
เว้นจากการฆ่าสัตว์
เว้นจากการลักทรัพย์
เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
เว้นจากการพูดเท็จ
เว้นจากการดื่มสุราเมรัย
การรักษาศีล 5 ช่วยให้ “ไม่ตกต่ำ” เป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรมพื้นฐาน แต่ไม่เพียงพอต่อการบรรลุ “อรหันต์”
2. การเป็น “อรหันต์” ต้องมี ปัญญา และ สมาธิ สูงสุด
ต้องผ่าน ศีล-สมาธิ-ปัญญา ครบทั้งสามขั้น
ต้องละกิเลสและอาสวะได้หมดสิ้น
ต้องบรรลุ โลกุตตรธรรม ผ่าน โสดาปัตติผล > สกทาคามิผล > อนาคามิผล > อรหัตผล
3. ศีล 5 ยังไม่พอ
ศีล 5 เป็นเพียงพื้นฐานของ ศีล
ต้องพัฒนาต่อไปเป็น ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 (สำหรับพระ)
ต้องฝึก สมาธิ (ฌาน) และเจริญ ปัญญา (วิปัสสนา) เพื่อเห็น ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
✅ สรุป:
การถือศีล 5 ทำให้เป็น คนดี มีจิตใจสงบสุข และเป็นพื้นฐานของการพัฒนาไปสู่ธรรมขั้นสูง
แต่ การเป็นพระอรหันต์ ต้องมี ศีล สมาธิ และปัญญา ครบถ้วน จนสามารถ ละสังโยชน์ 10 ได้ทั้งหมด
💡 พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้หยุดแค่ศีล 5 แต่สอนให้ “เดินไปให้สุดทาง” ถึง นิพพาน