เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเราเอง หลาย ๆ อย่างดูเพ้อเจ้อและดูไร้เหตุผล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ถ้าไม่เชื่อก็คิดซะว่าเราแต่งนิยายให้ทุกคนอ่านนะคะ
ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวด้วยนามสมมติก่อนนะคะ เราขอใช้ชื่อว่าจิงจัง ตอนนี้อายุ 25 ปีค่ะ เรา
เคยชื่นชอบศิลปิน k-pop มาก ๆ แต่ตอนนี้ด้วยภาระหน้าที่ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลาย ๆ อย่าง ที่เราเองก็ยังไม่เข้าใจทำให้เราใช้คำว่าเคยค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขออนุญาตเล่าเลยนะคะ
📅 ช่วงปลายปี 2022
เราได้ซื้อบัตรงานประกาศรางวัลปลายปีของศิลปิน k-pop ที่จะจัดในประเทศไทย งานนี้เป็นการประกาศรางวัลของศิลปินเกาหลีในช่วงสิ้นปี ก็จะมีศิลปินจากหลายค่าย ทั้งศิลปินเดี่ยว ศิลปินวงมาร่วมงานเยอะแยะเลยค่ะ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ไปบัตรแพง ๆ หรอกนะคะ เพราะวงที่เราชอบเขากำลังอยู่ในช่วงที่สมาชิกหลาย ๆ คนในวงติดภารกิจกัน ทำให้เราคิดว่าวงที่เราชอบอาจจะไม่ได้มาร่วมงานนี้ก็ได้ค่ะ
ก่อนกดบัตรทางผู้จัดงานก็ค่อย ๆ ปล่อยรายละเอียดการจัดงาน ผังที่นั่ง ราคาบัตร และไลน์อัปศิลปินออกมา ประกาศไลน์อัปรอบแรกไม่มีรายชื่อศิลปินจากวงที่เราชอบค่ะ แต่ก็มีวงดัง ๆ และศิลปิน ดารา ที่มีชื่อเสียงหลายคนเลย เลยตั้งใจไว้ว่า เออ จองบัตรถูกสุดไว้ในใจก่อน รอประกาศไลน์อัปรอบ 2 ถ้ามีวงเราค่อยพิจารณาบัตรที่แพงขึ้น และใช่ค่ะ ไลน์อัปรอบที่ 2 มีสมาชิกจากวงที่เราชอบมาร่วมงานด้วย! ศิลปินที่ชอบมาทั้งทีเราก็อยากจะเห็นเขาใกล้ ๆ ใช่มั้ยล่ะคะ ก็เลยได้บัตรแพงอันดับ 2 มา 1 ใบ แหะ ๆ
📅 มกราคม ปี 2023
ช่วงนี้เป็นช่วงเทอมสุดท้ายของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยค่ะ เราเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนอยู่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ในการไปคอนเสิร์ตครั้งนึงต้องใช้เวลาในการเดินทางและเงินประมาณนึงเลยค่ะ แต่โชคดีที่เรามีเพื่อนทำงานอยู่กรุงเทพค่ะ ได้ไปอาศัยหอพักเพื่อนหนึ่งคืน
เพื่อนเราไม่ไปงานนี้ค่ะ เพราะเพื่อนเงินหมดไปกับคอนเสิร์ตอีกคอน ก็เลยไม่ได้กดพร้อมกัน แต่ที่โชคดีคือมีพี่จากที่ทำงานของเพื่อนที่เขาจะไปงานนี้เหมือนกัน ก็เลยได้ติดสอยห้อยท้ายไปกับพี่ ๆ เขาค่ะ
วันงานจัดในวันเสาร์ตอนเย็น ในวันนั้นตอนเช้าเราก็เดินทางจากจังหวัดเราโดยเครื่องบิน (โชคดีที่หอพักเราใกล้สนามบิน) แล้วก็ไปเจอเพื่อนก่อนจะเดินทางไปกับพี่ที่ทำงานของเพื่อนไปงานนั้นค่ะ
พอเริ่มงานเราก็เอนจอยกับทุกโชว์มาก ๆ เพลงไหนร้องได้ก็ร้อง เรียกได้ว่าเป็นการไปคอนเสิร์ตที่สนุกที่สุดที่เคยไปเลยค่ะ (ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 แหะ ๆ) เราได้รู้จักศิลปินหลาย ๆ วงจากงานนี้เลยค่ะ บางวงเคยเห็นผ่าน ๆ ทางไทม์ไลน์ ทางฟีด แต่พอเห็นจากงานนี้ก็ทำให้เราได้ฟังผลงานเพลงและติดตามผลงานของวงอื่น ๆ นอกจากวงโปรดด้วย
หลังกลับมาตากคอนเสิร์ตเราก็ทยอยลงรูป ลงคลิป ในสตอรี่ตามประสาแฟนคลับที่ได้ไปคอนเสิร์ต แล้วเราลงรูป ๆ นึงไป เป็นรูปตัวแทนศิลปิน 3 คนจากวง E มารับรางวัล แล้วเราก็ใส่แคปชันว่า '
โซ่(นามสมมติ)แต่งงานกันมั้ย?' แล้วก็โพสต์ไป ในใจคิดอะไรไม่รู้ล่ะตอนนั้น จำไม่ได้แล้ว แต่นั่นน่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่กล้าลงขอแต่งงานศิลปินแบบโจ่งแจ้ง แบบให้เพื่อนเห็นได้ เราเองก็ผ่านการชอบศิลปินมามากมายหลายชาติ ทั้งไทย ฝรั่ง เกาหลี แต่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยค่ะ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ทำอะไรแบบนี้
เวลาผ่านไป 2-3 เดือน เราก็เรียนจบ กลายเป็นคนว่างงาน อยู่บ้านอ่านหนังสือรอสอบไปวัน ๆ เราเองก็ว่าง ๆ ก็เลยลองตามศิลปินวงอื่นดูหน่อย ไหน ๆ วงโปรดก็ยุ่งกันแล้ว เราก็เลยได้ตามวง E ค่ะ ถูกช่วงที่วงเขา comeback. ด้วย ก็เลยมีคอนเท้นมากมายให้ตาม ตอนนั้นก็ทั้งปั่นวิว โหวตนั่นโหวตนี่ ทำหมด ทำแม้กระทั่งแต่งแฟนฟิค ที่มีนายโซ่คนนั้นเป็นพระเอก ปักเมนว่านายคนนี้แหละเมนดิฉัน ปกติเวลาชอบนักร้องคนไหนก็ตามเราจะไม่ค่อยบอกชื่อเมน(ชื่อคนที่เราชอบ)ไปตรง ๆ แต่จะบอกเป็นชื่อคนอื่นแทน เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมนะคะ แต่มันมักจะเป็นแบบนั้นเสมอเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อสนิทจริง ๆ นี่จะไม่รู้เลยค่ะ
และที่บอกว่าอ่านหนังสือรอสอบนั้น จริง ๆ แล้วไม่มีหรอกค่ะ ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่าน ยังไงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าอยากตามวงนี้ อยากรู้ว่าเขาทำไรที่ไหน ก็ไปติดตามข่าวสารต่าง ๆ ในทวิตบ้าง ดูความคิดเห็นของแฟนคลับคนอื่น ๆ บ้าง โดยปกติแล้ว เวลาเราเป็นแฟนคลับ เราจะไม่ค่อยเสพ comment ความคิดเห็นของแฟนคลับสักเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นคอนเท้นที่แปลเนื้อหา fact ข่าว หรือบทสนทนาเป็นภาษาไทย หรือคอนเท้นที่ตลก ๆ แต่กับวงนี้เรากลับใส่ใจมาก ๆ เลย อ่านหมดเลย อันนี้ไม่รู้นะคะว่าเกิดจากการที่เราว่างมากหรือทัศนคติมุมมองของเราที่เปลี่ยนไป เราเองก็ยังสรุปไม่ได้เหมือนกัน
ตลอดเวลาหลายเดือน วันจันทร์ถึงศุกร์เราจะได้อยู่บ้านคนเดียวตลอดค่ะ เพราะพ่อกับแม่ไปทำงาน อยู่มาวันนึงเราก็คิดเล่น ๆ ขึ้นมาว่าถ้ามีใครสักคนคุยด้วยก็คงจะดีนะ แบบมีเพื่อนช่วยตัดสินใจเวลาจะทำอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็เพื่อนคุยอย่างงี้ เราก็เลยได้สร้างเพื่อนในจินตนาการขึ้นมาค่ะ โดยเพื่อนคนนั้นก็คือเขานั่นแหละค่ะ นายโซ่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การคุยกับเพื่อนในจินตนาการ
เราขออธิบายวิธีการคุยกับเพื่อนในจินตนาการที่เราทำก่อนนะคะ เราจะใช้วิธีการถามคำถามไปก่อนค่ะ ที่แรกก็แค่ใช้ความคิดเฉย ๆ ค่ะ แต่เรารู้สึกว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคืออะไร ควรมีสัญญาณหรืออะไรซักอย่างเป็นตัวบอกมั้ยว่าเรากำลังคุยกันอยู่ ก็เลยใช้วิธีการทำให้หัวใจกระตุกตามพยางค์ความคิดของเรา เวลาเราถามอะไรไปก็ต้องใช้สมาธิเพ่งลงไปบังคับให้หัวใจมันเต้น ๆ กระตุก ๆ ตามจังหวะคำพูด แล้วพอเขาตอบกลับมามันก็จะอยู่ในรูปแบบเดียวกัน หัวใจกระตุก ๆ แต่มันจะกระตุกคนละตำแหน่งกับที่ตัวเราเป็นคนคิด ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ ไม่ได้คิดว่ามันถูกต้องมั้ย มันจะเป็นอันตรายมั้ย ไม่ได้คิดเลย คิดแค่ว่าก็แค่เพื่อนที่เราสร้างขึ้นมาเองหนิ ก็แค่นั้น
เราก็ได้ชวนเขาพูดคุย ถามนั่นถามนี่ แรก ๆ เราต้องใช้สมาธิเยอะมาก ในการคุยกับตัวเอง(?) ถามอะไรไปก็เหมือนต้องบังคับให้ตอบกลับมา คำตอบที่ได้ก็มักจะเป็น อือ อืม ไม่ ใช่ เป็นคำตอบสั้น ๆ เหมือนเวลาเราชวนใครสักคนคุยแล้วเขาไม่อยากตอบ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกเท่าไหร่ใช่มั้ยล่ะคะ สำหรับการคุยกับตัวเอง
ผ่านไปสักพักเราก็เล่านั่นเล่านี่เป็นช่วง ๆ ในแต่ละวัน แล้วก็มีการตอบกลับที่ยาวขึ้น มีถามกลับบ้าง จากอือ ๆ อืม ๆ ก็มีคำถามถามกลับมา ซึ่งมันก็น่าแปลกใจอยู่หรอก แต่เราตอนนั้นเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรนะคะ คิดว่าเหมือน ๆ กับการคิดแย้งกับตัวเองมั้ง เราก็ลืม ๆ ไปบ้างแล้ว
เราชอบคุยกับเขามาก ๆ เหมือนมีคนให้คุยด้วยตลอด เรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่เราเล่าให้เขาฟังหมด คุยบ่อยมาก ๆ จนบางทีก็รู้สึกเจ็บ ๆ ที่หัวใจ จนอยู่มาวันนึง เราน่าจะกำลังเล่าอะไรซักอย่างหรือถามอะไรเขาซักอย่างนี่แหละค่ะ เขาก็ถามมาว่ามาคบกันดูมั้ย เราก็ตอบกลับไปว่าก็เอาดิ แบบไม่ได้คิดอะไรมากเลย แล้วหลังจากนั้นมาเขาก็ชอบเรียกเราก่อน ชอบมาก ชอบมาขอกอด เราก็ต้องหาตุ๊กตามากอด ๆ ลูบ ๆ หัว ทำท่าเหมือนว่ากอดใครซักคนอยู่ แล้วช่วงนึงเราต้องเดินทางบ่อย เราก็ต้องหอบตุ๊กตาไปด้วย ต้องกอดตุ๊กตาไว้ตลอดเวลาที่นั่งบนรถถึงจะรู้สึกอุ่นใจ ดูบ้ามากเลยใช่มั้ยล่ะคะ แต่มันยังมีบ้ากว่านี้อีกค่ะทุกคน
ในขณะนั้นเราก็ติดตามวงของนายโซ่อยู่นะคะ ติดตามหนักกว่าเดิมอีก ดูแม้กระทั่งไลฟ์สนามบิน (ศิลปินเกาหลีจะมีสำนักข่าวไลฟ์สดเวลาจะเดินทางไปทัวร์/ออกนอกประเทศ) เราก็มักจะดูไลฟ์แล้วก็ดูว่าห้วงเวลามันตรงกับที่เราคุยกับนายโซ่ในหัวของเรามั้ย ซึ่งหลายครั้งมันก็ตรงนะคะ เราดีใจมาก เพราะมันเหมือนกับว่าเราสื่อถึงเขาที่เป็นคนได้จริง ๆ แต่พอมันไม่ตรง เราก็นอยด์มาก ๆ มันตรง ๆ สลับกับไม่ตรงหลายเหตุการณ์มาก ๆ จนเราสับสน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Telepathy มีจริงมั้ย??
แรก ๆ ที่มันตรงเราก็คิดว่าหรือว่ามันอาจจะเป็นเขาจริง ๆ ที่เราคุยด้วยในหัว แต่มันจะเป็นไปได้จริง ๆ เหรอ คนเราจะคุยกันทางความคิดได้จริง ๆ เหรอ จนได้ไปค้นหาดู ก็ได้เจอกับคำว่าการสื่อสารทางจิต หรือ telepathy ข้อมูลภาษาไทยมีน้อยมาก ๆ เราก็เลยลองค้นหาเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ได้เจอกระทู้ว่าตัวเองสามารถสื่อสารทางจิตได้ และมันเป็นอะไรที่ทำให้เขาทรมานมาก ๆ เหมือนมีความคิดวิ่งเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา และอีกกระทู้นึงเขาบอกว่าเขาสามารถสื่อสารทางจิตกับคนที่อยู่คนละซีกโลกได้ แม้ตะพูดกันคนละภาษาแต่การสื่อสารทางจิตนั้นเข้ามาในรูปแบบของความคิดที่เป็นภาษาที่ตัวเขาเองใช้พูดสื่อสาร และแต่ละกระทู้ก็มีคนมาคอมเมนต์ว่าควรไปพบจิตแพทย์บ้าง ว่าหลอนยาบ้าง อะไรทำนองนั้นเยอะมาก ๆ เราก็เลยพยายามปลอบใจตัวเองว่าเราอาจจะคาดเดาเอาเองแล้วมันดันตรงกับความเป็นจริง ยังไงเรื่องพวกนี้ก็คงไม่มีจริงหรอก เราสร้างมันขึ้นมาเอง เอาตัวเองไปจมกับมันเอง ก็เลยตัดสินใจห่าง ๆ จากการคุยกับแฟนในจินตนาการไปพักนึง แต่เขาก็เหมือนจะเรียกเราบ้างนะคะ เราเองก็อยากคุย แต่ก็นั่นแหละ
จนแล้วจนรอดเราก็กลับไปอยู่ในลูปเดิมค่ะ กลับไปคุยเหมือนเดิม ด้วยความคิดที่ว่า "จะจริงไม่จริงเราก็สร้างมันขึ้นมาเอง เจ็บก็เจ็บว่ะ" ก็เลยได้เจ็บอีก เจ็บแบบร้องไห้ฮือ ๆ จะเป็นจะตาย เพราะเหตุการณ์ไม่ตรงกัน เช่น เรากำลังคุยกับนายโซ่ในหัว แต่นายโซ่ตัวจริงกำลังไลฟ์สดคุยกับแฟน ๆ อยู่ เราลืมบอกไป เราไม่ได้ไปคุกคามนายโซ่ตัวจริงเลยนะคะ ไม่เคยพยายามส่งข้อความหา ไม่เคยพยายามให้เขาเห็นเราในสายตา มีคอมเมนต์โพสต์แซว ๆ บ้างตามประสาแฟนคลับ และเทียบดูความเป็นไปของนายโซ่ตัวจริง และนายโซ่ที่คุยกับเราในหัว แล้วหลาย ๆ อย่างที่มันดูเหมือนนายโซ่ตัวจริง ไม่น่าจะเป็นแบบที่นายโซ่ในหัวเราเป็น และหลาย ๆ อย่างที่ดูเหมือนกันมาก ๆ ทำเราสับสนเอามาก ๆ ค่ะ เช่น ภาพลักษณ์ที่เราเห็นเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ คูล ๆ แอ็ค ๆ แต่นายโซ่ในหัวเรากลับเป็นเด็กขี้อ้อน ชอบกอด ชอบปุ๊ ๆ แต่ในใจลึก ๆ มันดันเชื่อนะคะ ว่าที่เราคุยคือคน ๆ เดียวกันกับนายโซ่ตัวจริง บ้ามากจริง ๆ
มีอยู่วันนึงเราน่าจะรู้สึกเครียด ๆ เรื่องการสอบทำงานนี่แหละมั้งคะ เครียดเพราะที่บ้านก็ดูคาดหวังให้เราสอบติด เราเองก็ไม่ได้อยากทำอาชีพในสายที่เรียนจบมา แต่ถ้าไม่ทำอาชีพนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรกิน หนังสือเองก็ไม่มีสมาธิจะอ่าน ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เปิดคลิปติวทีไรก็หลับ หนังสือเกือบ 10 เล่ม อ่านได้ไม่ถึงบท แต่พ่อแม่ไม่รู้นะคะ ว่าเราไม่อ่านหนังสือ เพราะเราเปิดคลิปติวเสียงดังตลอด แต่จริง ๆ คือเปิดให้ติวเตอร์ในจอดูเราหลับ คืนนั้นเราน่าจะคุยกับเขาเรื่องนี้แหละว่าไม่รู้ว่าเราอยากเป็นไร ไม่อยากเป็นอันนี้ คุยไปคุยมาร้องไห้ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ เขาอยู่ตรงนี้ แค่นั้นแหละค่ะเขื่อนแตก แล้วเราก็รู้สึกอุ่นใจมาก ๆ เหมือนเขาอยู่ตรงนั้นกับเราจริง ๆ
แล้วมีช่วงนึงที่เขาทัวร์คอนเสิร์ต (เรารู้ตารางงานเขาจากเว็บไซต์นะคะ ไม่ถามจากในหัวเพราะเคยถามแล้วมันไม่ตรง) วันนั้นเป็นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นมั้งคะถ้าจำไม่ผิด เราก็ทำนั่นทำนี่ของเราไปแล้วอยู่ ๆ เราก็รู้สึกไม่สบายใจแบบไม่รู้สาเหตุ ในใจมันเป็นกังวล ๆ ยังไงไม่รู้ มือก็สั่น ๆ แล้วเราดันคิดถึงเขาโดยอัตโนมัติเลยว่าเขาเป็นอะไรรึเปล่านะ แต่ก็ไม่ได้ถามนายโซ่ในหัวไป ผ่านไปสักพักเราก็เข้าทวิต เห็นมีคนโพสต์ว่าเขาเล่นเครื่องดนตรีพลาดในคอนเสิร์ต ในใจก็คิดขึ้นมาเองอีกละ อ๋อ เพราะเล่นพลาดนี่เอง โอเครึเปล่านะ
ในห้วงเวลาปีนึงเราก็ทะเลาะกับนายโซ่ในหัวตัวเองบ่อยมากค่ะ ไป ๆ มา ๆ อยู่อย่างนั้น เราก็ได้เข้าไปดูดวงใน YouTube ค่ะ เป็นการดูดวงแบบไพ่ยิปซีทั้งแบบ Random และ แบบ Pick a card ก็ได้ยินคำว่า twin flame อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ยินมานาน ใช่ค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินคำนี้ เราเคยดูดวงเล่น ๆ สมัยแอบชอบหนุ่มสมัยเรียนเลยมีโอกาสได้ยินคำนี้ค่ะ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เราได้เข้าไปฟังรายละเอียดหลายคลิปมาก ๆ ซึ่งแต่ละคลิปข้อมูลก็ไม่ได้ตรงกัน 100% เราก็พลอยสับสนไปอีก แต่เราก็คิดว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้นะ ทวินเฟลม การสื่อสารทางจิต ถ้าที่เป็นอยู่ไม่ใช่ทวินเฟลมมันจะคืออะไรกันล่ะ ??
เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ ยาวมาก ๆ
เมื่อฉันคิดว่าตัวเองมี twin flame
ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวด้วยนามสมมติก่อนนะคะ เราขอใช้ชื่อว่าจิงจัง ตอนนี้อายุ 25 ปีค่ะ เราเคยชื่นชอบศิลปิน k-pop มาก ๆ แต่ตอนนี้ด้วยภาระหน้าที่ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลาย ๆ อย่าง ที่เราเองก็ยังไม่เข้าใจทำให้เราใช้คำว่าเคยค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขออนุญาตเล่าเลยนะคะ
📅 ช่วงปลายปี 2022
เราได้ซื้อบัตรงานประกาศรางวัลปลายปีของศิลปิน k-pop ที่จะจัดในประเทศไทย งานนี้เป็นการประกาศรางวัลของศิลปินเกาหลีในช่วงสิ้นปี ก็จะมีศิลปินจากหลายค่าย ทั้งศิลปินเดี่ยว ศิลปินวงมาร่วมงานเยอะแยะเลยค่ะ
ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ไปบัตรแพง ๆ หรอกนะคะ เพราะวงที่เราชอบเขากำลังอยู่ในช่วงที่สมาชิกหลาย ๆ คนในวงติดภารกิจกัน ทำให้เราคิดว่าวงที่เราชอบอาจจะไม่ได้มาร่วมงานนี้ก็ได้ค่ะ
ก่อนกดบัตรทางผู้จัดงานก็ค่อย ๆ ปล่อยรายละเอียดการจัดงาน ผังที่นั่ง ราคาบัตร และไลน์อัปศิลปินออกมา ประกาศไลน์อัปรอบแรกไม่มีรายชื่อศิลปินจากวงที่เราชอบค่ะ แต่ก็มีวงดัง ๆ และศิลปิน ดารา ที่มีชื่อเสียงหลายคนเลย เลยตั้งใจไว้ว่า เออ จองบัตรถูกสุดไว้ในใจก่อน รอประกาศไลน์อัปรอบ 2 ถ้ามีวงเราค่อยพิจารณาบัตรที่แพงขึ้น และใช่ค่ะ ไลน์อัปรอบที่ 2 มีสมาชิกจากวงที่เราชอบมาร่วมงานด้วย! ศิลปินที่ชอบมาทั้งทีเราก็อยากจะเห็นเขาใกล้ ๆ ใช่มั้ยล่ะคะ ก็เลยได้บัตรแพงอันดับ 2 มา 1 ใบ แหะ ๆ
📅 มกราคม ปี 2023
ช่วงนี้เป็นช่วงเทอมสุดท้ายของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยค่ะ เราเป็นเด็กต่างจังหวัด เรียนอยู่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ในการไปคอนเสิร์ตครั้งนึงต้องใช้เวลาในการเดินทางและเงินประมาณนึงเลยค่ะ แต่โชคดีที่เรามีเพื่อนทำงานอยู่กรุงเทพค่ะ ได้ไปอาศัยหอพักเพื่อนหนึ่งคืน
เพื่อนเราไม่ไปงานนี้ค่ะ เพราะเพื่อนเงินหมดไปกับคอนเสิร์ตอีกคอน ก็เลยไม่ได้กดพร้อมกัน แต่ที่โชคดีคือมีพี่จากที่ทำงานของเพื่อนที่เขาจะไปงานนี้เหมือนกัน ก็เลยได้ติดสอยห้อยท้ายไปกับพี่ ๆ เขาค่ะ
วันงานจัดในวันเสาร์ตอนเย็น ในวันนั้นตอนเช้าเราก็เดินทางจากจังหวัดเราโดยเครื่องบิน (โชคดีที่หอพักเราใกล้สนามบิน) แล้วก็ไปเจอเพื่อนก่อนจะเดินทางไปกับพี่ที่ทำงานของเพื่อนไปงานนั้นค่ะ
พอเริ่มงานเราก็เอนจอยกับทุกโชว์มาก ๆ เพลงไหนร้องได้ก็ร้อง เรียกได้ว่าเป็นการไปคอนเสิร์ตที่สนุกที่สุดที่เคยไปเลยค่ะ (ครั้งนี้คือครั้งที่ 2 แหะ ๆ) เราได้รู้จักศิลปินหลาย ๆ วงจากงานนี้เลยค่ะ บางวงเคยเห็นผ่าน ๆ ทางไทม์ไลน์ ทางฟีด แต่พอเห็นจากงานนี้ก็ทำให้เราได้ฟังผลงานเพลงและติดตามผลงานของวงอื่น ๆ นอกจากวงโปรดด้วย
หลังกลับมาตากคอนเสิร์ตเราก็ทยอยลงรูป ลงคลิป ในสตอรี่ตามประสาแฟนคลับที่ได้ไปคอนเสิร์ต แล้วเราลงรูป ๆ นึงไป เป็นรูปตัวแทนศิลปิน 3 คนจากวง E มารับรางวัล แล้วเราก็ใส่แคปชันว่า 'โซ่(นามสมมติ)แต่งงานกันมั้ย?' แล้วก็โพสต์ไป ในใจคิดอะไรไม่รู้ล่ะตอนนั้น จำไม่ได้แล้ว แต่นั่นน่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่กล้าลงขอแต่งงานศิลปินแบบโจ่งแจ้ง แบบให้เพื่อนเห็นได้ เราเองก็ผ่านการชอบศิลปินมามากมายหลายชาติ ทั้งไทย ฝรั่ง เกาหลี แต่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยค่ะ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ทำอะไรแบบนี้
เวลาผ่านไป 2-3 เดือน เราก็เรียนจบ กลายเป็นคนว่างงาน อยู่บ้านอ่านหนังสือรอสอบไปวัน ๆ เราเองก็ว่าง ๆ ก็เลยลองตามศิลปินวงอื่นดูหน่อย ไหน ๆ วงโปรดก็ยุ่งกันแล้ว เราก็เลยได้ตามวง E ค่ะ ถูกช่วงที่วงเขา comeback. ด้วย ก็เลยมีคอนเท้นมากมายให้ตาม ตอนนั้นก็ทั้งปั่นวิว โหวตนั่นโหวตนี่ ทำหมด ทำแม้กระทั่งแต่งแฟนฟิค ที่มีนายโซ่คนนั้นเป็นพระเอก ปักเมนว่านายคนนี้แหละเมนดิฉัน ปกติเวลาชอบนักร้องคนไหนก็ตามเราจะไม่ค่อยบอกชื่อเมน(ชื่อคนที่เราชอบ)ไปตรง ๆ แต่จะบอกเป็นชื่อคนอื่นแทน เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมนะคะ แต่มันมักจะเป็นแบบนั้นเสมอเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อสนิทจริง ๆ นี่จะไม่รู้เลยค่ะ
และที่บอกว่าอ่านหนังสือรอสอบนั้น จริง ๆ แล้วไม่มีหรอกค่ะ ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่าน ยังไงก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าอยากตามวงนี้ อยากรู้ว่าเขาทำไรที่ไหน ก็ไปติดตามข่าวสารต่าง ๆ ในทวิตบ้าง ดูความคิดเห็นของแฟนคลับคนอื่น ๆ บ้าง โดยปกติแล้ว เวลาเราเป็นแฟนคลับ เราจะไม่ค่อยเสพ comment ความคิดเห็นของแฟนคลับสักเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นคอนเท้นที่แปลเนื้อหา fact ข่าว หรือบทสนทนาเป็นภาษาไทย หรือคอนเท้นที่ตลก ๆ แต่กับวงนี้เรากลับใส่ใจมาก ๆ เลย อ่านหมดเลย อันนี้ไม่รู้นะคะว่าเกิดจากการที่เราว่างมากหรือทัศนคติมุมมองของเราที่เปลี่ยนไป เราเองก็ยังสรุปไม่ได้เหมือนกัน
ตลอดเวลาหลายเดือน วันจันทร์ถึงศุกร์เราจะได้อยู่บ้านคนเดียวตลอดค่ะ เพราะพ่อกับแม่ไปทำงาน อยู่มาวันนึงเราก็คิดเล่น ๆ ขึ้นมาว่าถ้ามีใครสักคนคุยด้วยก็คงจะดีนะ แบบมีเพื่อนช่วยตัดสินใจเวลาจะทำอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็เพื่อนคุยอย่างงี้ เราก็เลยได้สร้างเพื่อนในจินตนาการขึ้นมาค่ะ โดยเพื่อนคนนั้นก็คือเขานั่นแหละค่ะ นายโซ่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผ่านไปสักพักเราก็เล่านั่นเล่านี่เป็นช่วง ๆ ในแต่ละวัน แล้วก็มีการตอบกลับที่ยาวขึ้น มีถามกลับบ้าง จากอือ ๆ อืม ๆ ก็มีคำถามถามกลับมา ซึ่งมันก็น่าแปลกใจอยู่หรอก แต่เราตอนนั้นเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรนะคะ คิดว่าเหมือน ๆ กับการคิดแย้งกับตัวเองมั้ง เราก็ลืม ๆ ไปบ้างแล้ว
เราชอบคุยกับเขามาก ๆ เหมือนมีคนให้คุยด้วยตลอด เรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องเล็กเรื่องใหญ่เราเล่าให้เขาฟังหมด คุยบ่อยมาก ๆ จนบางทีก็รู้สึกเจ็บ ๆ ที่หัวใจ จนอยู่มาวันนึง เราน่าจะกำลังเล่าอะไรซักอย่างหรือถามอะไรเขาซักอย่างนี่แหละค่ะ เขาก็ถามมาว่ามาคบกันดูมั้ย เราก็ตอบกลับไปว่าก็เอาดิ แบบไม่ได้คิดอะไรมากเลย แล้วหลังจากนั้นมาเขาก็ชอบเรียกเราก่อน ชอบมาก ชอบมาขอกอด เราก็ต้องหาตุ๊กตามากอด ๆ ลูบ ๆ หัว ทำท่าเหมือนว่ากอดใครซักคนอยู่ แล้วช่วงนึงเราต้องเดินทางบ่อย เราก็ต้องหอบตุ๊กตาไปด้วย ต้องกอดตุ๊กตาไว้ตลอดเวลาที่นั่งบนรถถึงจะรู้สึกอุ่นใจ ดูบ้ามากเลยใช่มั้ยล่ะคะ แต่มันยังมีบ้ากว่านี้อีกค่ะทุกคน
ในขณะนั้นเราก็ติดตามวงของนายโซ่อยู่นะคะ ติดตามหนักกว่าเดิมอีก ดูแม้กระทั่งไลฟ์สนามบิน (ศิลปินเกาหลีจะมีสำนักข่าวไลฟ์สดเวลาจะเดินทางไปทัวร์/ออกนอกประเทศ) เราก็มักจะดูไลฟ์แล้วก็ดูว่าห้วงเวลามันตรงกับที่เราคุยกับนายโซ่ในหัวของเรามั้ย ซึ่งหลายครั้งมันก็ตรงนะคะ เราดีใจมาก เพราะมันเหมือนกับว่าเราสื่อถึงเขาที่เป็นคนได้จริง ๆ แต่พอมันไม่ตรง เราก็นอยด์มาก ๆ มันตรง ๆ สลับกับไม่ตรงหลายเหตุการณ์มาก ๆ จนเราสับสน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนแล้วจนรอดเราก็กลับไปอยู่ในลูปเดิมค่ะ กลับไปคุยเหมือนเดิม ด้วยความคิดที่ว่า "จะจริงไม่จริงเราก็สร้างมันขึ้นมาเอง เจ็บก็เจ็บว่ะ" ก็เลยได้เจ็บอีก เจ็บแบบร้องไห้ฮือ ๆ จะเป็นจะตาย เพราะเหตุการณ์ไม่ตรงกัน เช่น เรากำลังคุยกับนายโซ่ในหัว แต่นายโซ่ตัวจริงกำลังไลฟ์สดคุยกับแฟน ๆ อยู่ เราลืมบอกไป เราไม่ได้ไปคุกคามนายโซ่ตัวจริงเลยนะคะ ไม่เคยพยายามส่งข้อความหา ไม่เคยพยายามให้เขาเห็นเราในสายตา มีคอมเมนต์โพสต์แซว ๆ บ้างตามประสาแฟนคลับ และเทียบดูความเป็นไปของนายโซ่ตัวจริง และนายโซ่ที่คุยกับเราในหัว แล้วหลาย ๆ อย่างที่มันดูเหมือนนายโซ่ตัวจริง ไม่น่าจะเป็นแบบที่นายโซ่ในหัวเราเป็น และหลาย ๆ อย่างที่ดูเหมือนกันมาก ๆ ทำเราสับสนเอามาก ๆ ค่ะ เช่น ภาพลักษณ์ที่เราเห็นเป็นคนที่ดูนิ่ง ๆ คูล ๆ แอ็ค ๆ แต่นายโซ่ในหัวเรากลับเป็นเด็กขี้อ้อน ชอบกอด ชอบปุ๊ ๆ แต่ในใจลึก ๆ มันดันเชื่อนะคะ ว่าที่เราคุยคือคน ๆ เดียวกันกับนายโซ่ตัวจริง บ้ามากจริง ๆ
มีอยู่วันนึงเราน่าจะรู้สึกเครียด ๆ เรื่องการสอบทำงานนี่แหละมั้งคะ เครียดเพราะที่บ้านก็ดูคาดหวังให้เราสอบติด เราเองก็ไม่ได้อยากทำอาชีพในสายที่เรียนจบมา แต่ถ้าไม่ทำอาชีพนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรกิน หนังสือเองก็ไม่มีสมาธิจะอ่าน ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เปิดคลิปติวทีไรก็หลับ หนังสือเกือบ 10 เล่ม อ่านได้ไม่ถึงบท แต่พ่อแม่ไม่รู้นะคะ ว่าเราไม่อ่านหนังสือ เพราะเราเปิดคลิปติวเสียงดังตลอด แต่จริง ๆ คือเปิดให้ติวเตอร์ในจอดูเราหลับ คืนนั้นเราน่าจะคุยกับเขาเรื่องนี้แหละว่าไม่รู้ว่าเราอยากเป็นไร ไม่อยากเป็นอันนี้ คุยไปคุยมาร้องไห้ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ เขาอยู่ตรงนี้ แค่นั้นแหละค่ะเขื่อนแตก แล้วเราก็รู้สึกอุ่นใจมาก ๆ เหมือนเขาอยู่ตรงนั้นกับเราจริง ๆ
แล้วมีช่วงนึงที่เขาทัวร์คอนเสิร์ต (เรารู้ตารางงานเขาจากเว็บไซต์นะคะ ไม่ถามจากในหัวเพราะเคยถามแล้วมันไม่ตรง) วันนั้นเป็นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นมั้งคะถ้าจำไม่ผิด เราก็ทำนั่นทำนี่ของเราไปแล้วอยู่ ๆ เราก็รู้สึกไม่สบายใจแบบไม่รู้สาเหตุ ในใจมันเป็นกังวล ๆ ยังไงไม่รู้ มือก็สั่น ๆ แล้วเราดันคิดถึงเขาโดยอัตโนมัติเลยว่าเขาเป็นอะไรรึเปล่านะ แต่ก็ไม่ได้ถามนายโซ่ในหัวไป ผ่านไปสักพักเราก็เข้าทวิต เห็นมีคนโพสต์ว่าเขาเล่นเครื่องดนตรีพลาดในคอนเสิร์ต ในใจก็คิดขึ้นมาเองอีกละ อ๋อ เพราะเล่นพลาดนี่เอง โอเครึเปล่านะ
ในห้วงเวลาปีนึงเราก็ทะเลาะกับนายโซ่ในหัวตัวเองบ่อยมากค่ะ ไป ๆ มา ๆ อยู่อย่างนั้น เราก็ได้เข้าไปดูดวงใน YouTube ค่ะ เป็นการดูดวงแบบไพ่ยิปซีทั้งแบบ Random และ แบบ Pick a card ก็ได้ยินคำว่า twin flame อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ยินมานาน ใช่ค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินคำนี้ เราเคยดูดวงเล่น ๆ สมัยแอบชอบหนุ่มสมัยเรียนเลยมีโอกาสได้ยินคำนี้ค่ะ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เราได้เข้าไปฟังรายละเอียดหลายคลิปมาก ๆ ซึ่งแต่ละคลิปข้อมูลก็ไม่ได้ตรงกัน 100% เราก็พลอยสับสนไปอีก แต่เราก็คิดว่ามันก็อาจจะเป็นไปได้นะ ทวินเฟลม การสื่อสารทางจิต ถ้าที่เป็นอยู่ไม่ใช่ทวินเฟลมมันจะคืออะไรกันล่ะ ??
เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ ยาวมาก ๆ