
- ด้วยความที่เข้ามาตอนละครแสดงไปแล้วไม่แน่ใจว่ากี่นาที จู่ ๆ ได้มาเห็นฉากที่คุณปวิตรหันหน้าสบตาคนดูพร้อมกับทำท่าโอบกอดตัวคุณบัวที่ยิ้มด้วยสีหน้าชื่นมื่นอยู่บนเตียงส่วนคุณเมจิกับคุณชอนก็ยืนสบตาปิ๊ง ๆ กันและกันตรงหน้าปุ๊ปในใจจึงคิดกับตนเองว่า เข้ามาไม่ทันไรก็รับน้องด้วยภาพอล่างฉ่างกันเลยหรอเนี่ย ! ไม่ทันสิ้นเสียงอุทานไฟบน Spotlight ก็ค่อย ๆ ดับลงแล้วเปลี่ยนเป็นฉากต่อไปที่ตัวคุณปวิตรกับคุณเมจิกำลังจู๋จี๋พาราณสีกัน 2 ต่อ 2 เพื่อเป็นที่รับทราบในเวลาต่อมาว่ายินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่องราวความสัมพันธ์สุดอลเวงผ่านนักแสดงทั้ง 4 ประกอบด้วย คุณปวิตร , คุณบัว , คุณเมจิ และ คุณชอน ที่ได้จับคู่โอน้อยออกแล้วว่าใครคู่กับใคร จากนั้นทั้ง 2 คู่จึงต้องมาแสดงตัวให้เราชมกันตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีที่ดูไปเกิดนึกถึงละครเวทีเรื่อง บุพกาลี (2567) ลอยมาตามลมเพียงเปลี่ยนจากเรื่องลูกมาเป็นเรื่องกาเมที่ยังคงจัดเต็มเรื่องอารมณ์และท้าตบด้วยฝีปากให้เราทั้งขำและเสวกับความสัมพันธ์ที่ซ่อนเงื่อนมากกว่าแค่บอกว่ารัก เพราะชีวิตจริงมันมี Layers อื่นทับซ้อนมากกว่านั้น

- เมื่อจับคู่ตามที่กล่าวไปเสร็จ ตัวเรื่องก็พาเราไปส่องความสัมพันธ์ทั้ง 2 คู่ โดยประเดิมที่คู่ของคุณปวิตรกับคุณเมจิก่อนเป็นอย่างแรกว่าคู่ของเรารักกันมากแค่ไหน ? ระหว่างเสิร์ฟภาพหวานฉ่ำสังเกตุได้ว่าช่วงนี้กินเวลาค่อนข้างนานพอสมควรด้วยเพราะกำลังปูความให้เราค่อย ๆ เรียบเรียงตามว่าทั้งคู่รู้จักกันได้ไง ? เป็นแฟนกันตอนไหน ? แม้เก็บสารได้ไม่หมดเพราะมัวแต่หลงคารมของคุณปวิตรที่จ้อเป็นพ่อปลาไหลกับเสน่ห์ของคุณเมจิที่สวยเซ็กซี่เกินการควบคุมสะกดใจให้จ้องเป็นนกกระปูดจนไม่เป็นอันไปโฟกัสในส่วนอื่นที่ไหลมาพร้อมกัน อย่างเช่น เรื่องแฟนเก่า ที่เป็นประเด็นหลักของเรื่องจนพอเปลี่ยน Part มาเล่าที่คู่ของคุณบัวกับคุณชอนแสดงกลิ่นความรักให้เพื่อนได้รู้ว่าคู่เราก็ซาบซ่าไม่แพ้กัน นอกจากเริ่มท้าทายเส้นแบ่งทางศีลธรรมบาง ๆ แล้วยังเหมือนเป็นการนำ Details ใหม่ที่มีความเกี่ยวพันกันนำไปประกบกับส่วนที่ตกสำรวจไปก่อนหน้าโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของคุณปวิตรกับคุณบัวที่ผมเอ๊ะมาแต่ต้น

- เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งมวลจึงพาเราไปชมภาพอันเร่าร้อนระหว่างคุณปวิตรกับคุณบัวกัน 2 ต่อ 2 ในห้องอีกแล้วเพื่อรื้อฟื้นความหลังที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมานานจนเริ่มมีกลิ่นอับ ขณะเดียวกันก็เริ่มสับสนในตัว Timeline กับสถานที่ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? ทั้งที่ข้อความก็ได้บรรยายไว้บนผนังแต่ด้วยเพราะมัวแต่ซึมซับเคมีที่กำลังทำปฏิกิริยากันจนสังเกตุอีกว่าเป็นช่วงที่เลี้ยงเวลาพอ ๆ กับตอนที่ประกบฉากกับคุณเมจิจนเริ่มเป็นห่วงว่าเมื่อไหร่จะถึงตาคุณชอนออกโรงบ้างแต่ด้วยความที่มีตัวละครไม่กี่คนแถมสถานที่ที่วาร์ปก็มีไม่กี่ที่เลยพอจะประติดประต่อได้อยู่เดี๋ยว Step ต่อไปจะเกิดอะไร ? ในเมื่อต่างคนต่างสนุกกับการเอาใจไปเล่นในเกมราคะจนลืมนึกถึงคู่รักของตนที่ต้องรู้เข้าสักวันว่าจะคาบ้านกี่โมง ?

- เมื่อติดลมจนลืมดูเวลาว่านาทีต่อไปได้นำพาไปสู่เหตุการณ์โป๊ะแตกคาห้องอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น Match 4 เส้า ที่เรา 4 คนจะต้องนั่งเคลียร์ใจกันบนโต๊ะหมู่ชาบูว่าจะเอายังไงต่อจากนี้ ซึ่งพอเห็นว่าแต่ละคนมีการจิบน้ำชิมเค้กกันอร่อยปากก็คิดว่าเหตุการณ์จะสงบแต่กลับกลายเป็นว่าดันมาเปิดท้ายสาดวาจาจนห้องแทบจะพังเป็นหน้ากลอง ก็ในเมื่อภาพเมื่อกี้มันยังติดตาและประเด็นที่ยังคาใจไม่หาย การที่อีกคนจะเกิดอาการหัวร้อนจนขอท้าอีกฝ่ายชกชิงแชมป์ Heavyweight จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่มีอารมณ์หึงบวกเมื่อคนรักของตนไปเล่นลักหยบกับคนที่อยู่ต่อหน้าแต่สิ่งที่พีคกว่าคือการประชันฝีปากระหว่างคุณเมจิกับคุณชอนที่ผมตะลึงในความปากจ้านอย่างเข็มขัดสั้นว่าจะปล่อยของทิ้งทวนก่อนลาได้แสบทรวงถึงลำไส้ขนาดนี้

- นอกจากจบลงได้สาแก่ใจตามชื่อเรื่องรวมถึงทิศทางการกำกับของคุณดำเกิงจากการนำบทประพันธ์ละคร Classic ในตำนานอย่าง Private Life ของคุณ โนแอล โคเวิร์ด มาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยถูกจริตคนปัจจุบันแล้วยังสะท้อนถึงชีวิคคู่ในสังคมปัจจุบันด้วยว่าความรักไม่ใช่แค่เรื่องของอารมณ์หรือการเอาชนะเพื่ออยากครอบครองแต่เป็นเรื่องของความซื่อสัตย์จากการยินยอมปฏิญาณทั้ง 2 คนที่ควรคำนึงและปฏิบัติ ถึงจะมีผิดพลั้งจนออกนอกทางบ้างก็ต้องมีสติไว้เพื่อเรียกกลับมาอยู่ในครรลองพร้อมกับเป็นบทเรียนว่าต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้ผิดซ้ำอีกครั้งนี่ล่ะคือสิ่งสำคัญของชีวิตคู่

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.159 ความรักควรไปตาย (Private Lives) (2568) : รักหยบจึงหยอกเสว
- ด้วยความที่เข้ามาตอนละครแสดงไปแล้วไม่แน่ใจว่ากี่นาที จู่ ๆ ได้มาเห็นฉากที่คุณปวิตรหันหน้าสบตาคนดูพร้อมกับทำท่าโอบกอดตัวคุณบัวที่ยิ้มด้วยสีหน้าชื่นมื่นอยู่บนเตียงส่วนคุณเมจิกับคุณชอนก็ยืนสบตาปิ๊ง ๆ กันและกันตรงหน้าปุ๊ปในใจจึงคิดกับตนเองว่า เข้ามาไม่ทันไรก็รับน้องด้วยภาพอล่างฉ่างกันเลยหรอเนี่ย ! ไม่ทันสิ้นเสียงอุทานไฟบน Spotlight ก็ค่อย ๆ ดับลงแล้วเปลี่ยนเป็นฉากต่อไปที่ตัวคุณปวิตรกับคุณเมจิกำลังจู๋จี๋พาราณสีกัน 2 ต่อ 2 เพื่อเป็นที่รับทราบในเวลาต่อมาว่ายินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่องราวความสัมพันธ์สุดอลเวงผ่านนักแสดงทั้ง 4 ประกอบด้วย คุณปวิตร , คุณบัว , คุณเมจิ และ คุณชอน ที่ได้จับคู่โอน้อยออกแล้วว่าใครคู่กับใคร จากนั้นทั้ง 2 คู่จึงต้องมาแสดงตัวให้เราชมกันตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีที่ดูไปเกิดนึกถึงละครเวทีเรื่อง บุพกาลี (2567) ลอยมาตามลมเพียงเปลี่ยนจากเรื่องลูกมาเป็นเรื่องกาเมที่ยังคงจัดเต็มเรื่องอารมณ์และท้าตบด้วยฝีปากให้เราทั้งขำและเสวกับความสัมพันธ์ที่ซ่อนเงื่อนมากกว่าแค่บอกว่ารัก เพราะชีวิตจริงมันมี Layers อื่นทับซ้อนมากกว่านั้น
- เมื่อจับคู่ตามที่กล่าวไปเสร็จ ตัวเรื่องก็พาเราไปส่องความสัมพันธ์ทั้ง 2 คู่ โดยประเดิมที่คู่ของคุณปวิตรกับคุณเมจิก่อนเป็นอย่างแรกว่าคู่ของเรารักกันมากแค่ไหน ? ระหว่างเสิร์ฟภาพหวานฉ่ำสังเกตุได้ว่าช่วงนี้กินเวลาค่อนข้างนานพอสมควรด้วยเพราะกำลังปูความให้เราค่อย ๆ เรียบเรียงตามว่าทั้งคู่รู้จักกันได้ไง ? เป็นแฟนกันตอนไหน ? แม้เก็บสารได้ไม่หมดเพราะมัวแต่หลงคารมของคุณปวิตรที่จ้อเป็นพ่อปลาไหลกับเสน่ห์ของคุณเมจิที่สวยเซ็กซี่เกินการควบคุมสะกดใจให้จ้องเป็นนกกระปูดจนไม่เป็นอันไปโฟกัสในส่วนอื่นที่ไหลมาพร้อมกัน อย่างเช่น เรื่องแฟนเก่า ที่เป็นประเด็นหลักของเรื่องจนพอเปลี่ยน Part มาเล่าที่คู่ของคุณบัวกับคุณชอนแสดงกลิ่นความรักให้เพื่อนได้รู้ว่าคู่เราก็ซาบซ่าไม่แพ้กัน นอกจากเริ่มท้าทายเส้นแบ่งทางศีลธรรมบาง ๆ แล้วยังเหมือนเป็นการนำ Details ใหม่ที่มีความเกี่ยวพันกันนำไปประกบกับส่วนที่ตกสำรวจไปก่อนหน้าโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของคุณปวิตรกับคุณบัวที่ผมเอ๊ะมาแต่ต้น
- เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งมวลจึงพาเราไปชมภาพอันเร่าร้อนระหว่างคุณปวิตรกับคุณบัวกัน 2 ต่อ 2 ในห้องอีกแล้วเพื่อรื้อฟื้นความหลังที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมานานจนเริ่มมีกลิ่นอับ ขณะเดียวกันก็เริ่มสับสนในตัว Timeline กับสถานที่ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? ทั้งที่ข้อความก็ได้บรรยายไว้บนผนังแต่ด้วยเพราะมัวแต่ซึมซับเคมีที่กำลังทำปฏิกิริยากันจนสังเกตุอีกว่าเป็นช่วงที่เลี้ยงเวลาพอ ๆ กับตอนที่ประกบฉากกับคุณเมจิจนเริ่มเป็นห่วงว่าเมื่อไหร่จะถึงตาคุณชอนออกโรงบ้างแต่ด้วยความที่มีตัวละครไม่กี่คนแถมสถานที่ที่วาร์ปก็มีไม่กี่ที่เลยพอจะประติดประต่อได้อยู่เดี๋ยว Step ต่อไปจะเกิดอะไร ? ในเมื่อต่างคนต่างสนุกกับการเอาใจไปเล่นในเกมราคะจนลืมนึกถึงคู่รักของตนที่ต้องรู้เข้าสักวันว่าจะคาบ้านกี่โมง ?
- เมื่อติดลมจนลืมดูเวลาว่านาทีต่อไปได้นำพาไปสู่เหตุการณ์โป๊ะแตกคาห้องอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น Match 4 เส้า ที่เรา 4 คนจะต้องนั่งเคลียร์ใจกันบนโต๊ะหมู่ชาบูว่าจะเอายังไงต่อจากนี้ ซึ่งพอเห็นว่าแต่ละคนมีการจิบน้ำชิมเค้กกันอร่อยปากก็คิดว่าเหตุการณ์จะสงบแต่กลับกลายเป็นว่าดันมาเปิดท้ายสาดวาจาจนห้องแทบจะพังเป็นหน้ากลอง ก็ในเมื่อภาพเมื่อกี้มันยังติดตาและประเด็นที่ยังคาใจไม่หาย การที่อีกคนจะเกิดอาการหัวร้อนจนขอท้าอีกฝ่ายชกชิงแชมป์ Heavyweight จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่มีอารมณ์หึงบวกเมื่อคนรักของตนไปเล่นลักหยบกับคนที่อยู่ต่อหน้าแต่สิ่งที่พีคกว่าคือการประชันฝีปากระหว่างคุณเมจิกับคุณชอนที่ผมตะลึงในความปากจ้านอย่างเข็มขัดสั้นว่าจะปล่อยของทิ้งทวนก่อนลาได้แสบทรวงถึงลำไส้ขนาดนี้
- นอกจากจบลงได้สาแก่ใจตามชื่อเรื่องรวมถึงทิศทางการกำกับของคุณดำเกิงจากการนำบทประพันธ์ละคร Classic ในตำนานอย่าง Private Life ของคุณ โนแอล โคเวิร์ด มาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยถูกจริตคนปัจจุบันแล้วยังสะท้อนถึงชีวิคคู่ในสังคมปัจจุบันด้วยว่าความรักไม่ใช่แค่เรื่องของอารมณ์หรือการเอาชนะเพื่ออยากครอบครองแต่เป็นเรื่องของความซื่อสัตย์จากการยินยอมปฏิญาณทั้ง 2 คนที่ควรคำนึงและปฏิบัติ ถึงจะมีผิดพลั้งจนออกนอกทางบ้างก็ต้องมีสติไว้เพื่อเรียกกลับมาอยู่ในครรลองพร้อมกับเป็นบทเรียนว่าต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้ผิดซ้ำอีกครั้งนี่ล่ะคือสิ่งสำคัญของชีวิตคู่
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้