ประวัติงั่งจันทร์เสี้ยว "แบนดิท-BANDIT"


ผมได้รับการติดต่อจากเจ้าของพระเมื่อ 3 เดือนก่อน (มีนาคม 2568)
เจ้าของพระงั่งองค์นี้ (คุณเอก) บอกผมว่าเค้าอยู่ที่กาญจนบุรี เพิ่งได้มาเมื่อวันก่อน สาเหตุที่ได้มาเพราะคุณแม่ของเค้าไปกวาดลานดินหน้าบ้านแล้วเจอถุงผ้าโผล่มาจากหลุมดินซึ่งหมาที่บ้านเค้าขุด ซึ่งหลุมนี้ลึกพอสมควร แม่เค้าเห็นถุงผ้าโผล่มาเลยหยิบขึ้นมาดู พอแกะถุงผ้าออกก็เห็นพระงั่งองค์นี้
คุณเอกและแม่สันนิษฐานว่าพระงั่งองค์นี้น่าจะเป็นของคุณตาเค้าที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากคุณตาเค้ามีพระงั่งและเครื่องรางของขลังแบบอื่นๆด้วย แต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงนำพระงั่งองค์นี้มาฝังไว้ที่ตรงนี้

ตอนที่เจอพระงั่งองค์นี้ ยังไม่รู้ว่าคืออะไรเพราะปกติจะรู้จักแต่พระงั่งเกศบิดตาแดง พอเจอแบบนี้เลยสงสัยและลองหาข้อมูลในออนไลน์ดู และก็ได้ติดต่อผมมาเพื่อสอบถาม เพราะเห็นว่าผมมีพระงั่งแบบคล้ายๆกัน (เค้าเห็น “ซูพรีม” ของผม) เมื่อผมเห็นรูปที่เค้าส่งมาให้ดู ใจผมเต้นแรงมากครับ เพราะเป็นงั่งจันทร์เสี้ยวแบบคล้ายๆกับ Supreme ของผม คือเป็นพิมพ์เกศบัวตูม (ก้นหอย) สภาพพระที่เห็นคือสีดำทั้งองค์ เนื่องจากฝังอยู่ในดิน โดนความร้อนและความชื้นมานาน ซึ่งสภาพผิวพระทั้งองค์นั้นเหมือนกันครับ คือมีคราบสีดำและคราบตะกรันเกาะทั้งองค์
คุณเอกสอบถามข้อมูลประวัติและการใช้งานจากผม ซึ่งผมก็ตอบได้เท่าที่มีข้อมูล และด้วยความอยากได้พระงั่งองค์นี้ ผมจึงถามเพื่อขอซื้อต่อจากเค้า แต่คุณเอกไม่อยากปล่อย เพราะคิดว่าเป็นของคุณตาและก็อยากทดลองใช้งานก่อน ในวันนั้นผมจึงยังไม่ได้องค์นี้มา
หลังจากนั้นผมก็ทักไปถาม และพูดคุยเป็นระยะๆ คุณเอกบอกว่าเค้าพกใช้งานโดยใส่กระเป๋ากางเกงและตอนนี้ผิวพระเริ่มเปิดแล้ว ผมจึงแนะนำไปว่าให้หาผ้ามาห่อและใส่ในถุงพลาสติกซิปล็อค เพื่อป้องกันผิวพระเปิด

เมื่อวันก่อนได้มีการทักทายพูดคุยกันในแชท ดูเหมือนว่าคุณเอกอยากจะปล่อย ผมเลยขอเข้าไปดูองค์จริงและรับกลับมาเลย เพราะไม่ต้องการให้ส่งไปรษณีย์ (กลัวหาย) แต่จริงๆแล้วที่อยากไปรับพระเองเพราะใจร้อนครับ ไม่อยากรอ ซึ่งระยะทางไปกลับ 200 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลารวมประมาณ 4 ชั่วโมง ผมเลยตัดสินใจเดินทางไปเอง ต้องบอกก่อนว่าตอนที่คุยกันล่าสุด คุณเอกเหมือนลังเลไม่อยากจะปล่อย แต่ผมคิดว่ายังไงก็ต้องจบดีลนี้ให้ได้ เลยต้องอาศัยตัวช่วยครับ

ผมพกซูพรีมออกมาด้วย และได้อธิษฐานกับซูพรีมว่าวันนี้ขอให้ผมเดินทางไปรับพระงั่งองค์นี้กลับมาได้สำเร็จ ถ้าสำเร็จจะจัดเหล้าขาวและดอกกุหลาบให้ ระหว่างทางที่ขับไปนั้น ใจผมคิดหลายเรื่องครับ กล้วเจ้าของเค้าจะไม่ปล่อยหรือเปลี่ยนใจขึ้นมา เพราะไม่ได้มีการตบปากรับคำว่าจะขาย อีกอย่างหนึ่งดูเหมือนจะไม่อยากให้ผมไปหา

เอาล่ะ…ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ต้องไปครับ

จนเมื่อไปถึงที่บ้านเค้า (เป็นอู่แต่งปรับจูนรถ) บ้านพื้นที่ใหญ่มาก มีรถจอดอยู่ในอู่หลายคัน ผมไปเจอคุณเอกกำลังซ่อมรถอยู่ เลยยืนรอสักครู่ เมื่อคุณเอกวางมือจากงานตรงหน้าจึงได้คุยกัน เค้าพาเดินไปที่บ้านและหยิบถุงซิปล็อคที่ใส่พระเอามาให้ผม ยืนสอบถามข้อมูลสักครู่จึงได้ตกลงเรื่องราคากันและในที่สุดผมก็ปิดดีลได้อย่างรวดเร็ว และก่อนกลับผมก็สอบถามว่า ตรงที่เจองั่งฝังอยู่ อยู่ตรงไหนของบ้าน เค้าจึงชี้จุดให้ผมดู ผมจึงไปถ่ายรูปจุดนั้นมาเป็นที่ระลึกครับ



#งั่งจันทร์เสี้ยว
#พญางั่งจักรพรรดิจันทร์เสี้ยว
#CrescentMoonNgang
#โมเดิร์นเมจิค #MODERNMAJIK

ย้อนกลับไปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย. 68[img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t33/1/16/1f319.png[/img]
หลังจากผมได้คุยกับคุณเอก (เจ้าของพระ) เหมือนเค้าจะยังไม่อยากปล่อยพระให้ผม เพราะว่าพอผมอยากจะขอเข้าไปดูพระคุณเอกบอกว่ายังไม่พร้อมขอเตรียมตัวก่อนซึ่งฟังดูแล้วเหมือนเป็นการปฏิเสธ (ไม่อยากให้ผมเข้าไปหา)
วันรุ่งขึ้น (เสาร์ที่ 28 มิ.ย. 68) ก่อนออกมาทำงาน ผมเลยพก “ซูพรีม” ออกมาด้วย เนื่องจากเมื่อ 3 เดือนก่อนตอนที่เจ้าของั่งติดต่ออผมมา ผมได้ทำการขอกับซูพรีมเอาไว้ โดยขอเอาไว้ว่าขอให้ผมได้พระงั่งองค์นี้มาครอบครองด้วย

หลังจากที่ช่วงเช้าผมออกมาทำงาน ในช่วงบ่ายผมได้เดินทางไปธุระที่โรงหล่อ ในช่วงที่อยู่ที่โรงหล่อนั้นได้มีการพูดคุยกับนายช่างใหญ่เจ้าของโรงหล่อเกี่ยวกับเรื่องต่างๆระหว่างนั้นผมได้นำงั่งจันทร์เสี้ยว “ซูพรีม” ออกมา ให้เจ้าของโรงหล่อดู หลังจากได้จับดูพลิกไปพลิกมา เค้าก็บอกผมว่าพระงั่งองค์นี้ดูขลังมาก ซึ่งผมก็บอกว่าพระงั่งพิมพ์นี้ เป็นพิมพ์ที่หายาก ไม่มีประวัติอ้างอิง เป็นแบบที่ผมตามเก็บสะสม ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นนายช่างใหญ่แห่งโรงหล่อ ก็ได้พูดขึ้นมาอีกว่าพระงั่งองค์นี้ดูขลังมาก ผมจึงบอกไปว่าอาจจะเป็นเพราะพิมพ์พระที่ดูลึกลับ และสภาพผิวพระที่ผ่านการเก็บมานานทำให้สภาพโดยรวมดูขลัง

เมื่อผมพูดจบ เจ้าของโรงหล่อจึงยกแขนขวาขึ้นมาให้ผมดู (เค้าจับพระงั่งเอาไว้ที่มือขวา) ผมสังเกตเห็นขนแขนของเขาลุกขึ้นทั้งแขน ขนลุกในระดับที่ผิวหนังปูดออกมาเป็นเม็ดเล็กๆเต็มไปหมด เท่านั้นยังไม่พอเค้าก็ยกแขนซ้ายขึ้นมาให้ผมดูด้วย ซึ่งแขนซ้ายก็มีอาการขนลุกจนผิวหนังผุดขึ้นมาเป็นเม็ดเล็กๆเหมือนกับแขนขวาเช่นเดียวกัน เนื่องจากเค้าจับพระงั่งหมุนไปมา ดูมุมต่างๆ โดยใช้ทั้งมือซ้ายและขวา หลังจากที่ยกแขนขวาและแขนซ้ายให้ผมดูเค้ายังบอกผมว่าพี่ขนลุกทั้งตัวพร้อมทั้งยกขาซ้ายและขาขวาให้ผมดูซึ่งก็มีอาการเช่นเดียวกันก็คือขนหน้าแข้งลุกทั้งสองข้าง
สิ่งนี้ทำให้ผมผมประหลาดใจมาก เพราะปกติคนที่สัมผัสพลังของพระงั้งได้นั้นบางครั้งก็จะเป็นแค่ความรู้สึกที่เหมือนมีไฟช็อตหรือมีประจุไฟฟ้าวิ่งผ่านจากพระงั่งเข้าสู่แขนหรือร่างกาย ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ผมเคยเจอกับตัวเองมาแล้ว แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือเจ้าของโรงหล่ออายุประมาณเกือบ 60 ปี เกิดอาการขนลุกขนพองทั้งตัว สาเหตุเพราะได้สัมผัสกับงั่งจันทร์เสี้ยว Supreme

เมื่อเป็นเช่นนี้ผมจึงถามพี่เค้าว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบที่ได้คือ พี่เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนที่สัมผัสเรื่องพวกนี้ได้ หากได้สัมผัสพระเครื่องหรือเครื่องรางที่มีพลัง เค้าจะรับรู้ได้ ยกตัวอย่างเช่นพระเครื่องที่เค้าใช้บูชาติดตัวอยู่ เค้าแขวนกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เนื่องจากเคยได้สัมผัสแล้วรู้สึกถึงพลังงาน จึงรู้สึกศรัทธาและเค้าก็บอกว่าปกติจะไม่ค่อยได้เจออะไรแบบนี้ แต่ในครั้งนี้งั่งจันทร์เสี้ยวองค์นี้ทำให้เค้ารู้สึกได้จนเค้าประหลาดใจจนต้องพูดออกมาว่า
”พระงั่งองค์นี้ดูขลังมาก“

หลังจากคุยเรื่องนี้เสร็จ และเสร็จธุระจากที่โรงหล่อ ผมตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าก่อนที่จะออกจากบ้านมาผมได้อธิษฐานขอเอาไว้ว่า

“ขอให้เจ้าของพระงั่ง ยอมขายพระงั่งให้ผม”

แต่ที่น่าเสียดายก็คือเมื่อเช้าผมได้โทรไปหาเจ้าของพระแล้ว ซึ่งเค้าไม่รับสาย และก็ไม่โทรกลับหาผม ทำให้ผมรู้สึกว่าภารกิจนี้อาจจะไม่สำเร็จ
แต่เมื่อครั้นได้มาเจอกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าของโรงหล่อแล้ว ทำให้ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาอีกครั้งว่า ผมควรจะโทรไปหาเจ้าของพระงั่งอีกครั้ง โดยก่อนที่โทรไป ผมได้นำ Supreme มากำไว้ในมือแล้วอธิษฐานอีกครั้งว่า ขอให้ผมปิดดีลนี้ได้สำเร็จ หากสำเร็จผมจะถวายดอกกุหลาบและเหล้าขาว เมื่ออธิษฐานเสร็จผมจึงกดโทรศัพท์หาเจ้าของพระงั่งอีกหนึ่งครั้ง ปรากฏว่าเค้ารับสาย โดยผมไม่ถามว่าจะขายหรือไม่ขาย แต่ผมบอกว่าจะขอเข้าไปดูพระหน่อย อยากเห็นตัวจริงว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเค้าก็รับสายแบบรีบรีบพูด เหมือนติดธุระอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไรครับอย่างน้อยก็เค้ารู้แล้วว่าผมจะเข้าไปหา
ผมจึงออกเดินทางไปที่กาญจนบุรีทันที โดยระยะเวลาที่ดูจาก Google Maps นั้นประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากเดินทางไปถึงนั้นผมก็สามารถปิดดีลได้สำเร็จอย่างรวดเร็วเหมือนกับที่เล่าไปในโพสต์ก่อนหน้านี้

สำหรับชื่อพระงั่งที่ผมตั้งให้องค์ใหม่
ผมตั้งชื่อว่า Bandit (อ่านว่า แบน-ดิท)
ซึ่งแปลว่า “ตัวแสบ / ตัวร้าย”
เนื่องจากพระงั่งองค์นี้ ถูกฝังเอาไว้นอกบ้าน อาจจะเป็นความเชื่อของคนโบราณที่ไม่ให้นำเครื่องรางประเภทนี้เข้าบ้าน ผมเลยมองว่า การตั้งชื่อว่าเจ้าตัวแสบหรือเจ้าตัวร้าย น่าจะเหมาะกับพระงั่งองค์นี้ อีกทั้งชื่อนี้ผมมีความรู้สึกว่าเหมาะกับพระงั่งองนี้มาก
รูปนี้จึงเป็นรูปคู่ชุดแรกของ Suprreme และ Bandit ครับ

#พญางั่งจักรพรรดิจันทร์เสี้ยว
#CrescentMoonNgang #งั่งจันทร์เสี้ยว
#โมเดิร์นเมจิค #MODERNMAJIK
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่