แท็ก #RespectLISA นี้เพื่อปกป้องลิซ่าเนื่องจากสื่อเกาหลีที่ออกข่าวเกี่ยวกับ Vogue Thailand ที่พูดถึงประเด็นลิซ่าไม่ได้รับความเท่าเทียมจากค่ายเท่านั้น และได้มีการบิดเบือนจากคนกลุ่มหนื่งว่าโวกไทยกล่าวหาเมมเบอร์ แล้วมีคนเกาหลีเข้าไปลามปามถึงเยียดเชื้อชาติคนไทย ในคลิปข่าว KBS
เริ่มจาก YG เกาหลี - ลิซ่า - แฟนพูดจนเป็นกระแส - สื่อลงบทวิเคราะห์ ถามหาความมืออาชีพของค่ายใหญ่ระดับโลก - ติ่งเกาหลีบางกลุ่มเบี่ยงประเด็นเฟคเป็นเรื่อง Vogue กล่าวร้ายเมมเบอร์ - จนสื่อทีวียักษ์ KBS เกาหลีโต้ตอบบทความ Vogue ไทยและต่อลิซ่า - เนติเซ็นเกาหลีเหยียดลิซ่า ประเทศไทย อาเซียน - #RespectLISA
เคสลิซ่า เจอค่ายใหญ่เกาหลีหลุดเอกสารที่เกี่ยวกับการกระทำบางอย่างต่อลิซ่า สื่อไทยทั้งทีวี สิ่งพิมพ์ ยังทำข่าวมากกว่านี้มาก ก็ไม่มีปฏิกริยาใดๆ
แต่นี่เป็นบทวิจารย์ของสื่อ Vogue Thailand ที่มักลงข่าวเคป๊อปทั่วๆไป เน้นโปรโมทข่าวไอดอลเกาหลีด้วยซ้ำ ของไอดอลไทยน้อยมาก

บทสรุปของบทความ Vogue Thailand ( สื่อเดียวในไทย ที่ลงข่าวประเด็นที่หลายคนพูดถึงกับ คลิปตัวอย่างคัมแบคล่าสุดถูกปล่อย )
- บทความจาก VOGUE Thailand -
ถกประเด็น 'ลิซ่า-ลลิษา'! เมื่อความนิยมขั้นสุดจนต้องถูกลดทอนซีนในนาม BLACKPINK จริงหรือ?
แฟนๆ คิดเห็นอย่างไรที่ประเด็นนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ และไม่มีการได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังเสียที
ถือเป็นการสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้กับแฟนๆ ทั่วโลกเมื่อ BLACKPINK ได้ปล่อยทีเซอร์โปรโมตเวิลด์ทัวร์ “BLACKPINK WORLD TOUR: Deadline” ออกมาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมาอย่างมาเป็นทางการ กระแสในโลกออนไลน์ก็เริ่มแผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วทั้งเรื่องการคัมแบ็กพร้อมหน้าพร้อมตากันของสี่สาวอย่าง 'ลิซ่า-ลลิษา' , 'Jennie' , 'Rose' และ 'Jisoo' เรื่อยไปจนถึงประเด็นที่กลายเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลามคงหนีไม่พ้นการปรากฏตัวของลิซ่าในคลิปเพียงสั้นๆ และแทบไม่มีบทบาทเด่นเมื่อเทียบกับอีกสามสมาชิกของวงที่เหลือ ซึ่งทีเซอร์ที่มีความยาวประมาณ 40 วินาทีนั้น เริ่มต้นด้วยฉากที่โรเซ่รับสายโทรศัพท์ แล้วค่อยๆ ตัดสลับไปยังภาพของแต่ละสมาชิกตามลำดับ ถึงแม้แต่ละคนจะมีช่วงเวลาสั้นใกล้เคียงกัน ทว่าหลายคนสังเกตได้ว่าภาพของลิซ่านั้นได้แอร์ไทม์เฉพาะช่วงโคลสอัปใบหน้าประมาณ 2 วินาทีเท่านั้น และไม่มีฉากเคลื่อนไหวหรือภาพกว้างเหมือนสมาชิกคนอื่นจนสังเกตได้
ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลต่อความรู้สึกของแฟนคลับจำนวนมากที่มองว่านี่ไม่ใช่เพียงการตัดต่อคลิปธรรมดา แต่สะท้อนความลำเอียงหรือความไม่เท่าเทียมในการจัดการโปรโมต เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลิซ่าถูกตั้งคำถามเรื่อง "ช่วงแอร์ไทม์ออกสื่อน้อยกว่าสมาชิกคนอื่น" ตั้งแต่ช่วงผลงานเดี่ยวในปี 2019 ไปจนถึงการทำกิจกรรมร่วมกับวง เทคนิคการตัดต่อที่เลือกจะให้ลิซ่าอยู่ในฉากที่สั้นและไม่มีบริบทชัดเจนเมื่อเทียบกับฉากของเจนนี่ที่มีการเดินเข้ากล้อง หรือจีซูที่เผยใบหน้าชัดเจน และโรเซ่ที่เปิดเรื่องด้วยบทพูด ทำให้แฟนๆ บางส่วนรู้สึกว่าเธอถูกลดทอนความสำคัญหรือ 'ถูกกันซีน' อย่างไม่ยุติธรรม
แน่นอนว่าการเกิดขึ้นของกระแสนี้ไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องความรู้สึกของเหล่าแฟนๆ เท่านั้น ทว่ายังสะท้อนความละเอียดอ่อนในการทำคอนเทนต์ของศิลปินระดับโลก ที่ทุกวินาทีในการโปรโมตหรือออกสื่อนั้นถูกวิเคราะห์ และทุกการตัดสินใจสามารถถูกตั้งคำถามได้จากทั้งผู้ชมทั่วไปและผู้ติดตามอย่างใกล้ชิดได้เสมอ ในกรณีของ BLACKPINK ที่สมาชิกแต่ละคนมีฐานแฟนคลับทั่วโลก ความสมดุลในการนำเสนอจึงควรถูกให้ความสำคัญ ไม่ใช่เพียงเพื่อความยุติธรรมของตัวศิลปินเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับภาพลักษณ์ของต้นสังกัดอีกด้วย
แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางเสียงในโลกโซเชียลที่พยายามมองในมุมกลางโดยให้ความเห็นว่าอาจจะเกิดความคิดมากหรือการถกเถียงมากเกินความเป็นจริง เพราะทีเซอร์นี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแคมเปญที่อาจจะมีคลิปหรือคอนเทนต์อื่นๆ ตามมาซึ่งอาจจะเน้นไปที่ลิซ่าในช่วงต่อไปก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหล่าแฟนๆ ที่รู้สึกว่า “สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ” ทำให้คำอธิบายเช่นนี้อาจไม่เพียงพอ และยิ่งตอกย้ำความคาดหวังว่าในฐานะศิลปินที่มีอิทธิพลระดับโลก ค่ายต้นสังกัดควรมีความระมัดระวังมากกว่านี้ในการนำเสนอภาพลักษณ์ของสมาชิกแต่ละคนให้เท่าเทียมกัน
กล่าวโดยสรุป กระแสวิจารณ์ในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของทีเซอร์ไม่กี่วินาที แต่เป็นจุดสะสมของความรู้สึกที่แฟนๆ มีต่อการบริหารจัดการของทีมงาน และความหวังที่พวกเขาอยากให้
ศิลปินคนโปรดได้รับ
'ความยุติธรรม' และ
'การยอมรับ' ในระดับเท่าเทียมกับเพื่อนร่วมวง หากประเด็นนี้ไม่ถูกคลี่คลายหรือได้รับการชี้แจงจากทางต้นสังกัดก็อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในระยะยาว บางทีต้นสังกัดอาจต้องจัดการปัญหาเช่นนี้ที่เกิดขึ้นมาเรื้อรังหลายปีอย่างจริงจังเสียที...
++
https://www.vogue.co.th/lifestyle/entertainment/article/lisa-blackpink-no-airtime-in-blackpink

KBS เอาลิซ่าไปแขวนในข่าว การคัมแบคของวง BlackPink และกล่าวถึงประเด็นดราม่าจากบทความ Vogue Thai และแน่นอน ข้อความเหยียดเชื้อชาติลิซ่า อย่างรุนแรง ก็ได้เกิดขึ้นแทบทุกคอมเม้น ในคลิปข่าวช่อง YOUTUBE นี้ ( ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยาก เพราะเกาหลีขึ้นชื่อเรื่องคลั่งชาติ ชาตินิยม และมีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติติดอันดับต้นๆ ของโลก )

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แปลคอมเม้นบางส่วน KOREA - ENG

จนในที่สุด แฟนลิซ่า ก็ติดแท๊ก #RespectLISA เรียกร้องความเป็นธรรมให้ลิซ่า ที่โดนเหยียดเชื้อชาติอย่างไม่เป็นธรรม จากสื่อและเนติเซ็นเกาหลี ดังที่เห็นในคอมเม้นจากคลิปข่าว
#RespectLISA จากบทความ Vogue Thai ไปสู่คลิปข่าว KBS กับข้อความการเหยียดเชื้อชาติลิซ่า คนไทย SEA ของคนเกาหลี
เริ่มจาก YG เกาหลี - ลิซ่า - แฟนพูดจนเป็นกระแส - สื่อลงบทวิเคราะห์ ถามหาความมืออาชีพของค่ายใหญ่ระดับโลก - ติ่งเกาหลีบางกลุ่มเบี่ยงประเด็นเฟคเป็นเรื่อง Vogue กล่าวร้ายเมมเบอร์ - จนสื่อทีวียักษ์ KBS เกาหลีโต้ตอบบทความ Vogue ไทยและต่อลิซ่า - เนติเซ็นเกาหลีเหยียดลิซ่า ประเทศไทย อาเซียน - #RespectLISA
เคสลิซ่า เจอค่ายใหญ่เกาหลีหลุดเอกสารที่เกี่ยวกับการกระทำบางอย่างต่อลิซ่า สื่อไทยทั้งทีวี สิ่งพิมพ์ ยังทำข่าวมากกว่านี้มาก ก็ไม่มีปฏิกริยาใดๆ
แต่นี่เป็นบทวิจารย์ของสื่อ Vogue Thailand ที่มักลงข่าวเคป๊อปทั่วๆไป เน้นโปรโมทข่าวไอดอลเกาหลีด้วยซ้ำ ของไอดอลไทยน้อยมาก
บทสรุปของบทความ Vogue Thailand ( สื่อเดียวในไทย ที่ลงข่าวประเด็นที่หลายคนพูดถึงกับ คลิปตัวอย่างคัมแบคล่าสุดถูกปล่อย )
- บทความจาก VOGUE Thailand -
++ https://www.vogue.co.th/lifestyle/entertainment/article/lisa-blackpink-no-airtime-in-blackpink
KBS เอาลิซ่าไปแขวนในข่าว การคัมแบคของวง BlackPink และกล่าวถึงประเด็นดราม่าจากบทความ Vogue Thai และแน่นอน ข้อความเหยียดเชื้อชาติลิซ่า อย่างรุนแรง ก็ได้เกิดขึ้นแทบทุกคอมเม้น ในคลิปข่าวช่อง YOUTUBE นี้ ( ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยาก เพราะเกาหลีขึ้นชื่อเรื่องคลั่งชาติ ชาตินิยม และมีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติติดอันดับต้นๆ ของโลก )
แปลคอมเม้นบางส่วน KOREA - ENG
จนในที่สุด แฟนลิซ่า ก็ติดแท๊ก #RespectLISA เรียกร้องความเป็นธรรมให้ลิซ่า ที่โดนเหยียดเชื้อชาติอย่างไม่เป็นธรรม จากสื่อและเนติเซ็นเกาหลี ดังที่เห็นในคอมเม้นจากคลิปข่าว