JJNY : 5in1 ณัฐพงษ์ซัด‘แกนนำม็อบ’│โอฬารเตือนรบ.│ปริญญาชี้ถ้าสั่งพัก│ธปท.ชี้ศก.พ.ค.ชะลอ│เพจ“ฮุนเซน”โพสต์ภาพ Rae Lil Black

ณัฐพงษ์ ซัด ‘แกนนำม็อบ’ ใช้สถานการณ์แอบแฝง ฝักใฝ่รัฐประหาร ขออย่าหลงเชื่อ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9827382
.
.
ณัฐพงษ์ ชี้เปลี่ยนตัวนายกฯ มีหลายวิธี ไม่ควรเรียกร้องรัฐประหาร เชื่อประชาชนชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ติง‘แกนนำม็อบ’บางคน ใช้สถานการณ์แอบแฝง ฝักใฝ่รัฐประหาร อย่าหลงเป็นเครื่องมือ
.
วันที่ 30 มิ.ย.2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ทั้งพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเกรงว่าจะนำไปสู่การรัฐประหารว่า เชื่อว่าผู้ชุมนุมเรียกร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต้องการให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
.
แต่วิธีการเปลี่ยนตัวมีหลายแบบ ทั้งการลาออกของนายกฯ หรือถูกกระบวนการนิติสงครามถอดถอน รวมถึงการตัดสินใจยุบสภาของนายกฯ เพื่อให้มีการเลือกตั้ง และช่องทางที่ไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย เช่นการทำรัฐประหาร
.
แม้ผู้ชุมนุมจะไปชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่กังวลว่าจะมีแกนนำบางคน จะใช้สถานการณ์นี้ไปเรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นว่าแกนนำผู้ชุมนุมล้วนเป็นหน้าเดิมๆ ที่เคยออกมาต่อต้านและนำไปสู่การทำรัฐประหาร” นายณัฐพงษ์ กล่าว
.
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า แม้ในเวทีไม่มีการพูดชัดเจนว่าให้ทำรัฐประหาร แต่ไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการรัฐประหาร ยังเป็นการพูดเปิดช่องว่า ถ้าปฏิวัติมา ก็ไม่ต้องการนายกฯ ที่มาจากทหารเท่านั้นเอง
.
ทั้งหมดนี้ยังทำให้ฝ่ายค้านกังวลว่า การชุมนุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์แอบแฝงโดยแกนนำหรือไม่ ตนขอสื่อสารไปยังผู้ชุมนุมว่าการชุมนุมเป็นสิทธิ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกเป็นเครื่องมือ ของบุคคลที่เรียกร้อง กระบวนการนอกประชาธิปไตย
.
เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวในการชุมนุมจะเข้าทางกัมพูชาหรือไม่ เพราะหวังให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และเกิดความวุ่นวายในประเทศ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ถึงจุดนี้คือความไม่แน่นอนของปัญหาไทยกัมพูชา ที่ขาดความชัดเจนขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของรัฐบาล เพราะทุกครั้งทางกัมพูชาจะสื่อสารตัดหน้าไทย และการวางตัวของนายกฯ
.
ทั้งนี้ การเจรจามีหลายวิธี หากนายกฯใช้บทบาทของตัวเอง คือ บทบาทระหว่างผู้นำต่อผู้นำของประเทศ หรือรัฐต่อรัฐ บทสนทนาจะไม่ได้ออกมารูปแบบนี้ แต่พอนายกฯใช้วิธีความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ต่อครอบครัว บทสนทนาจึงเปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นำมาใช้ประโยชน์ได้ทำลายล้างทางฝั่งไทย
.

.
โอฬาร เตือนรบ. อย่าใช้ พรบ. นิรโทษฯเป็นเครื่องมือการเมือง หวั่นยัด ม.112-คดีทักษิณ ลากประเทศสู่ทางตัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5254082
.
โอฬาร เตือนรบ. อย่าใช้ พรบ. นิรโทษฯเป็นเครื่องมือการเมือง หวั่นยัด ม.112-คดีทักษิณ ลากประเทศสู่ทางตัน ซ้ำรอยเหมาเข่ง
.
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน จากกรณีที่มีการเตรียมนำ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ออกมาแสดงความเห็น เตือนรัฐบาลอย่าใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะการยัดเนื้อหาเกี่ยวกับมาตรา 112 หรือคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะอาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่
.
รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่า หลักการของการนิรโทษกรรมเพื่อเยียวยาผู้เกี่ยวข้อง กับการเมืองระดับล่างที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เหมาะสม เป็นสิ่งที่พอรับได้ และอาจช่วยลดความขัดแย้งในสังคมคล้ายกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ศ. 2523 (กฎหมาย 66/23) แต่การเดินหน้าในครั้งนี้ รัฐบาลต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่ควรแอบแฝงเจตนาทางการเมืองเพื่อช่วยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
.
“หากมีการนิรโทษกรรมที่รวมถึงความผิดตามมาตรา 112 หรือคดีของคุณทักษิณ นับว่าอันตราย เพราะเรื่อง ม.112 ละเอียดอ่อนมาก ส่วนเรื่องคดีคุณทักษิณ ถ้ามีเอี่ยวในการนิรโทษกรรม จะถูกมองว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และอาจทำให้สังคมแตกแยกรุนแรงอีกครั้ง เหมือนกรณี นิรโทษกรรมเหมาเข่งในอดีต ที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอและทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน” รศ.ดร.โอฬาร กล่าว
.
ทั้งนี้ รศ.ดร.โอฬาร เสนอว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจ ต้องระบุขอบเขตของกฎหมายนิรโทษกรรมให้ชัดเจนว่า ใช้ได้เฉพาะคดีเล็กน้อยที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ไม่ใช่คดีอาญาร้ายแรงหรือคดีที่สังคมอ่อนไหว
.
ผู้มีอำนาจมักเตือนฝ่ายอื่นว่าอย่าสร้างเงื่อนไขให้เกิดการยึดอำนาจ ตัวเองก็ต้องไม่ทำเช่นนั้น อย่าทำให้ประชาชนรู้สึกว่ากฎหมายกลายเป็นเครื่องมือของชนชั้นนำเพียงเพื่อปกป้องพวกพ้อง เพราะนั่นจะเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายซ้ำรอยเดิม” รศ.ดร.โอฬาร กล่าว
.

.
‘ปริญญา’ ชี้ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงานนายกฯ ไม่กระทบบริหารประเทศ
https://www.dailynews.co.th/news/4868626/
.
'ปริญญา' ชี้ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่เกิดปัญหาบริหารราชการแผ่นดิน เหตุรองนายกฯ สามารถทำแทนได้ พร้อมรับสนองพระบรมราชโองการ ขอคนไทยอย่าเรียกรัฐประหาร
.
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงแนวโน้มของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีการประชุมปรึกษาหารือในวันที่ 1 ก.คนี้ ซึ่งมีเรื่องสำคัญคือการพิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ยื่นให้มีการถอดถอนนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรณีคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน ว่า เรื่องนี้อยู่ที่ศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร หากไม่รับคำร้องก็จบ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องแล้วก็ต้องมาว่ากันต่อในประเด็นที่ 2 คือจะมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็คิดว่าไม่ได้มีปัญหากระทบอะไรกับการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะต่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่ก็ยังอยู่ในตำแหน่ง แล้ววันนี้พรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อมแล้ว ตามที่มีภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ ออกรอบตีกอล์ฟ เป็นการสยบข่าวลือว่ามีปัญหาสุขภาพไม่สามารถรับตำแหน่งนายกฯ ได้แล้ว เรื่องนี้ก็จะเหมือนช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาเพียงประมาณ 3 วัน ก็ประชุมสภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ ซึ่งเสียงที่เขารวมกันตอนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อโหวต น.ส.แพทองธารเท่านั้น แต่ก็เพื่อโหวตนายกฯ คนต่อไป ที่มีการออกมาระบุว่าตอนนี้เกินครึ่งไปแล้ว
.
พรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ก็อยู่ที่การโหวตของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง ถ้าไม่รับคำร้องก็จบ แต่ถ้ารับคำรอก็จะมาถึงเรื่องที่ 2 ว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อยู่ที่การโหวตของศาลรัฐธรรมนูญ 5 เสียงขึ้นไป โหวตอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ถ้าศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ก็ปฏิบัติหน้าที่แทน ในระหว่างนี้ เพราะอย่าลืมว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มีผลกระทบมากเหมือนคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง แค่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น” ผศ.ปริญญา กล่าว
.
ผศ.ปริญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ถ้านายภูมิธรรมปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ถ้านายกฯทำอะไรได้ นายภูมิธรรมก็สามารถทำแทนได้หมด รวมถึงการรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ เหมือนเมื่อครั้งที่นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประธานสภาตอนนั้นไม่อยู่ ไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ก็มีรองประธานสภา เป็นคนลงนามแทน รับสนองพระบรมราชโองการแทน ดังนั้นโดยทางกฎหมายมหาชน ไม่มีช่องว่างว่าถ้าถูกนายกฯ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผู้รักษาราชการก็ลงนามแทน ไม่ได้มีปัญหาอะไรในข้อนั้น แม้กระทั่งในสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกจากตำแหน่ง หลังวันที่ 23 พ.ค.2535 ก็ยังมีรองนายกฯ เพื่อลงนามและสนองพระบรมราชโองการ เพราะฉะนั้นอย่าตีความให้มีทางตัน เรื่องนี้ไม่มีทางตัน มีช่องทางให้สามารถไปได้หมด
.
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าสมเด็จฮุน เซน แทรกแซงการเมืองภายในประเทศไทยได้สำเร็จใช่หรือไม่ ผศ.ปริญญา กล่าวว่า แน่นอน เพราะสมเด็จฮุน เซน ต้องการล้มรัฐบาลและพูดเองว่าภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เจรจากันไม่ได้แล้ว ต้องเป็นนายกฯ คนใหม่ รัฐบาลใหม่ เพราะฉะนั้นเจตนาชัดเจน แต่ว่าเรื่องของเราก็เป็นปัญหาของเราที่ต้องว่ากันไป ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นหรือไม่ ที่ทำให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่ามีความหนักใจ ว่าจะทำเช่นนี้ไปแล้วจะเข้าทางกัมพูชา ข้อนี้ก็ต้องเข้าใจเจตนาของสมเด็จฮุน เซน และก็ต้องเข้าใจด้วยว่าถ้าใครจะอยู่จะไปก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายของเรา ข้อสำคัญคืออย่าไปเรียกทหารมายึดอำนาจ หรืออย่าไปใช้ช่องทางนอกรัฐธรรมนูญกันอีก ขอให้ใช้ตามกติกา แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะเห็นว่ามีข้ออ่อนหลายข้อ แต่ก็ต้องว่ากันไปตามรัฐธรรมนูญ.
.

.
ธปท. ชี้เศรษฐกิจ พ.ค.ชะลอ ท่องเที่ยว-ผลิตซบเซา แนะจับตา 4 ปัจจัยเสี่ยง
https://www.matichon.co.th/economy/news_5254025
.
ธปท. ชี้เศรษฐกิจ พ.ค.ชะลอ ท่องเที่ยว-ผลิตซบเซา แนะจับตา 4 ปัจจัยเสี่ยง
.
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน นางปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนพฤษภาคม 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2568 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการด้านการค้า การขนส่ง และการท่องเที่ยว โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากบางส่วนเร่งผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลังไปแล้วในเดือนก่อน ประกอบกับมีปัจจัยชั่วคราวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน
.
นางปราณี กล่าวว่า ขณะที่รายรับการท่องเที่ยว ลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางระยะไกล (long-haul) ที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูง ด้านการลงทุนภาคเอกชนลดลงหลังเร่งไปในเดือนก่อน ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัวโดยหมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หมวดบริการปรับลดลง อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะหมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามความต้องการตลาดโลกและการเร่งส่งออกในช่วงระยะผ่อนผันการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและลงทุนของรัฐบาลกลางจากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่ายหลัง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้
.
นางปราณี กล่าวว่า ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากเดือนก่อนจากหมวดอาหารสด อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงาน ติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังปรับเพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลลดลงตามดุลการค้าที่กลับมาเกินดุล ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุล จากการส่งกลับกำไรของธุรกิจ ต่างชาติตามฤดูกาลด้านตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามการจ้างงานในภาคการผลิตเป็นสำคัญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่