เพื่อนๆเคยมีความทรงจำที่ไม่ลืมกันไหม

 
บางความทรงจำเก่าเก่า ก็ยังคงงดงามไม่คลาย
กระจ่างอยู่ข้างใน เมื่อไรที่คิดขึ้นมา
 
....
 
รถสปอร์ตทรงยุโรปสีแดงค่อยๆ ผ่อนคันเร่งและจอดอยู่หน้าคันทรีคลับสุดหรู ผู้ชายในชุดเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกเผยท่อนแขนที่เต็มไปด้วยกล้าเนื้อ ปลดกระดุมสามเม็ดบนให้เห็นช่วงคอเป็นรูปตัววี มองเห็นมัดกล้ามบางส่วนเวลาที่เขาก้มตัว ผู้ชายคนนี้มีความสูงประมาณ 181เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 75กิโลกรัม อายุประมาณ27ปี ผมสีน้ำตาลช็อคโกแลตเฉดอ่อนที่ดูเป็นธรรมชาติ เส้นผมถูกเซ็ตอย่างเรียบง่าย ไม่ดูเนี้ยบเกินความหรูหราของเนื้อผ้าที่สวมใส่ ริมฝีปากได้รูปคิ้วเข้มใบหน้าคมคาย เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถคัน ผู้ชายคนนี้คือตัวผมเมื่อสิบปีก่อน
 
ผมมีชื่อที่เพื่อนต่างชาติเรียกว่าโทนี่โท แต่เพื่อนคนไทยจะเรียกสั้นๆ ว่าโท ผมกวาดสายตามองไปยังคันทรีคลับสุดหรู มันเป็นสนามกอล์ฟตั้งอยู่ใจกลางภูเขาสองลูกที่กำลังทำหน้าที่เสมือนสองมือโอบกอดแต่งแต้มด้วยทะเลสาบสีคราม ลาดยาวด้วยพื้นหญ้าขจีอ่อน ดูจากสายตาคร่าวๆ คงจะมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยไร่ แต่ถึงอย่างนั้นสถานที่เหล่านี้ไม่ใช่งานอดิเรกของผมเลยแม้แต่น้อย ผมจะไม่เหยียบเท้ามาที่นี่เลย ถ้าไม่ใช่เพราะผมรำคาญ
 
‘เมื่อความเหงาเข้าตา ผู้คนมักจะโหยหาย แต่ในอีกด้านหนึ่งของเหรียญ การโหยหาก็เป็นตัวเร่งให้ถอยห่าง เหมือนเช่นกฎของzero sum game สิ่งที่เราได้รับมากเท่าไหร่ ย่อมมีผู้สูญเสียสิ่งนั้นมากเท่ากัน’
 
 
“เฮ้ย...นั้นไง ไอ้โทมาแล้ว” เสียงร้องตะโกนเรียกความสนใจให้ผมมองไปหา
คนที่มาเร็วยิ่งกว่าพนังงานรับรถของคลับก็คือกลุ่มเพื่อนของผมทั้งสองคน ใช่แล้วครับ เป็นเพราะพวกมันทั้งสองคนที่คะยั้นคะยอให้ผมมาที่นี่จนผมขี้เกียจปฏิเสธ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสมัยเรียนของผม คนที่สูงกว่าผมเล็กน้อย มีรูปร่างดีและมัดกล้ามโดดเด่น แต่หน้าตาดรอปจากผมปลายก้อย คนนี้มีชื่อว่าอ๊อฟ ส่วนคนที่ตัวเล็กขาวตี๋ ใบหน้าออกไปทางตัวโกงแบบในหนังแต่ยังคงความหล่อและเสน่ห์เอาไว้มีชื่อว่าเจมส์
 
“นึกครึ้มอะไรถึงชวนกันมาออกรอบ?” ผมถามไปด้วยความสงสัย เพราะผมเองก็รู้จักนิสัยของพวกมันทั้งสองคนดีพอๆ กับรู้จักตัวเอง ไอ้เจมส์คือนักล่าราตรี กลางวันนอนกลางคืนเที่ยว มันเคยเล่าให้ผมฟังว่า มรดกตกทอดจากพ่อแม่ สามารถให้มันเข้าจองโต๊ะวีไอพีคืนละหนึ่งแสนบาทได้ไปจนตาย มันชอบย้ำว่าจะเลิกเที่ยวตอนอายุ80อยู่บ่อยๆ ดังนั้นมันจึงไม่คิดทำสิ่งอื่นนอกจากเที่ยวเล่นไปวันๆ ส่วนไอ้อ๊อฟ มักจะสิงอยู่แต่ในสนามแข่ง เวลาครึ่งหนึ่งอยู่กับเพื่อนและครอบครัว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งใช้ไปกับรถ ตลอดเวลาเกือบยี่สิบปีที่เพื่อนกันมา ผมไม่เห็นว่าจะมีใครชอบตีกอล์ฟสักคน
 
“ไฮโซอย่างพวกเราฝึกตีกอล์ฟไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอกและอีกอย่างข้า ก็เห็นไอ้โทไม่ค่อยร่าเริงเลยชวนมาสูดอากาศเล่น” เจมส์ตอบคำถามพร้อมกับมองไปที่อ๊อฟราวกับว่าตัวตั้งตัวตีเกิดจากความคิดของคนทั้งคู่
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าที่นี่มีของดีอะไรอยู่” อ๊อฟยักคิ้วกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้าง หากเป็นในหนังการ์ตูนคงต้องมีเอฟเฟคประกายสะท้อนออกมาจากดวงตาของมันบ้างแล้ว
 
ผมส่งกุญแจรถให้กับพนังงานรับรถและเดินตามพวกมันเข้าไป เพราะบรรยากาศของที่ทำให้ผมได้รับโอโซนไปเต็มปอดจึงทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่น่าเบื่อมากเกินไปนัก
เจมส์เดินเข้าไปหาผู้จัดการสนามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกให้พวกเราไปนั่งรอในจุดวีไอพี ผมเห็นแบบนั้นถึงกับพูดกับอ๊อฟว่า “มันจะวีไอพีทุกสถานที่ที่มันไปเลยหรือไง?”
อ๊อฟตอบผมอย่างติดตลก “ก็เฉพาะที่ๆ อวดสาวได้เท่านั้นแหละ”
“มาอวดสาวในสนามกอล์ฟเนี้ยนะ?”
อ๊อฟหัวเราะเบาๆ “ไอ้คุณโท สนามกอล์ฟเนี้ยก็มีของดีนะครับ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรกลับไป ผมก็รู้ความหมายของมันทันที เมื่อเห็นเจมส์เดินนำหน้ากลุ่มแคดดี้สาวสามคนพร้อมถุงกอล์ฟและอุปกรณ์มาบริการถึงที่
 
แคนดี้ที่เจมส์เตรียมไว้แต่ละคนอาจพูดได้ว่า สามารถทำอาชีพพริตตี้ควบคู่ไปได้อย่างสบายๆ ถึงแต่ละคนจะสวยสะดุดตามากแค่ไหน สายตาของผมกลับถูกดึงดูดให้มองหาแต่เธอเพียงคนเดียว
แคดดี้สาวที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ทำเอาผมถึงกับหยุดนิ่งและเกือบลืมใจหาย ผู้หญิงอายุยี่สิบต้นๆ สูงประมาณ 160กลาง ผมสีน้ำตาลอ่อนประบ่า ดวงตาโค้งเรียว มีลักยิ้มเล็กๆ มุมปาก เธอมาในชุดโปโลแขนยาวสีกรม สวมทับด้วยเสื้อกั๊กสนามสีเทาอ่อนเข้ากับหมวกแก๊ปใบเล็กที่ไว้ปิดบังแดด แต่ที่สะดุดตาที่สุด เพราะใบหน้าของเธอนั้นเป็นใบหน้าที่ผมรู้สึกคุ้นเคย...คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ผมใช้แขนสะกิดอ๊อฟ แต่ก็ยังไม่ได้พูดคำใดออกมา
อ๊อฟเห็นท่าทางของผม มันกระซิบสวนกลับมา “หน้าเหมือนเปียมากเลยใช่มั้ยละ ตอนแรกข้าเห็นก็คิดว่าคนๆ เดียวกัน ไอ้เจมส์ถึงกับเข้าไปทักผิด หน้าแตกกลับมาเลยละ แต่ลองมาตั้งใจดูให้ดีแล้ว ข้าคิดว่าเป็นเปียในเวอร์ชั่นอัปเกรดเลยนะเว้ย ถึงเปียแฟนเก่าของเอ็งจะขาวกว่านี้หน่อย แต่เอ็งดูน้องคนนี้ดิ สูงไม่ต่ำกว่า165แหงๆ ส่วนไฟหน้าก็โมมาอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นร่างทองเลยนะเว้ย”
 
เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ แคดดี้ทรงพริตตี้สองคนแรกตามประกบอ๊อฟและเจมส์ ส่วนคนที่หน้าตาคล้ายกับแฟนเก่าตามประกบผม คงเป็นเพราะเพื่อนสนิทสองคนข้างหน้าจัดแจงทุกอย่างไว้ เธอยกถุงกอล์ฟอย่างทะมัดทะแมงจนผมไม่สงสัยเลยว่าเพราะอะไรเธอถึงมีรูปร่างเหมือนคนออกกำลังกายแบบนี้
“สวัสดีคะ คุณพี่ชื่ออะไรค่ะ” เธอถามผมตามมารยาทและหน้าที่
“เรียกเราว่าโทก็ได้”
เธอยิ้มแย้มอย่างเป็นกันเองพร้อมแนะนำตัว “หนูชื่อจินนี่นะคะ”
“ครับ” ผมตอบเธอสั้นๆ ตอนนั้นผมมีความรู้สึกแปลกๆ จะเรียกว่าเขินกับคนที่พึ่งเคยพบกันครั้งแรกก็อาจจะเป็นไปได้ จึงกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีบทสนทนาอะไรทำให้ผมกล้าพูดมากนัก
 
บรรยากาศที่ผมสร้างขึ้นเต็มไปด้วยความเงียบ แต่ด้วยความมืออาชีพของเธอ ค่อยๆ ทำลายสิ่งเหล่านั้นลงทีละน้อย “พี่โทเคยตีกอล์ฟมาก่อนมั้ยคะ?”
“ไม่เลย ครั้งนี้ครั้งแรก”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มจากการไดร์ฟกันก่อนดีกว่า ไม่ต้องห่วงนะ เดียวจินนี่จะช่วยพี่เอง”
เธอพูดพลางส่งไม้กอล์ฟให้กับผม แน่นอนว่าผมเคยดูการแข่งขันตีกอล์ฟมาบ้าง แต่การจะดูอย่างเดียวแล้วทำเป็นเลย ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้แน่ ท่าทางของผมเลยยังงุ่มงามอยู่มาก
จินนี่เห็นแบบนั้น เธอเดินเข้ามาใกล้ผม ใกล้ถึงขนาดกลิ่นของแชมพูแตะปลายจมูก ส่งกลิ่นหอมอ่อนเป็นระยะๆ ตามการพัดของสายลม
“ก่อนอื่นนะ พี่โทต้องยืนประมาณนี้” เธอจัดแจงสรีระ ท่วงท่า จนสองเท้าของผมให้มีความกว้างประมาณหัวไหล่
“เวลาจะสวิง น้ำหนักเท้าอยู่ที่ส้นเท้าจะทำให้เราทรงตัวได้ดีกว่า”
ผมทำตามอย่างว่าง่ายประหนึ่งถูกมนต์สะกดจากกลิ่นอ่อนของแชมพูที่แตะสัมผัสปลายจมูก จากนั้นก็ถึงตำแหน่งของหัวเข่า ผมย่อลงเหมือนจะนั่งเก้าอี้และโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยตามที่เธอสอน จินนี่จัดท่วงท่าให้ผมอย่างมืออาชีพ ไปจนถึงตำแหน่งของมือ แต่สำหรับคนเล่นกอล์ฟแล้วปัญหาส่วนใหญ่ไม่ใช่ การยืนแต่เป็นการจับกริป ผมพยายามอยู่นานก็ยากที่จะได้อย่างที่เธอตั้งใจให้เป็น
“พี่โทขอโทษนะคะ” เธอพูดเสร็จ พร้อมกับเดินมาอยู่ข้างหลังของผม ก่อนจะจับสีข้างไปตามทิศทางที่เธอต้องการ “น่าจะได้แล้ว ทีนี่ก็ลองใส่แรงลงไป คิดไปว่าลูกกอล์ฟเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ จากนั้นก็สวิงมันให้ลอยออกไปจากชีวิตของเราเลย”
ในตอนนั้น ผมเผลอคิดถึงเรื่องราวในชีวิตที่มันเข้าขั้นเฮงซวยไปชั่วขณะ
เปรี้ยง!!! ลูกกอล์ฟลอยละลิ่วออกไป ราวกับไม่ใช่การหวดวงสวิง ครั้งแรกของผม
แปะ แปะ แปะ
ผมหันไปทางเสียงปรบมือของจินนี่ “ตีครั้งแรกก็ได้ขนาดนี้แล้ว เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ สงสัยพี่โทต้องออกรอบบ่อยๆ แล้วละ”
“อันนี้เป็นการหาลูกค้าล่วงหน้าหรือเปล่าครับ” ผมแซวเธอกลับไป
จินนี่ส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่หรอกค่ะ หนูพูดอย่างที่คิดจริงๆ กอล์ฟเป็นเกมส์กีฬาใช้สมาธิ ใช้กำลังผ่านวงสวิง เพื่อส่งให้ลูกกอล์ฟทะยานไปได้ไกลที่สุด ความสำเร็จที่ผ่านการตีซ้ำๆ ในท่วงท่าเดิมๆ ตำแหน่งเดิมๆ เป็นการท้าท้ายตัวเองอย่างมาก”
“ดูเหมือนจินนี่จะชอบกีฬากอล์ฟมากเลยนะครับ”
เธอตอบกลับ “ถึงแม้ว่ากีฬากอล์ฟจะเหมือมเกมส์ของพวกคนรวย แต่สำหรับหนูแล้ว เกมส์กีฬาชนิดนี้เหมาะกับคนระดับล่างอย่างพวกหนูมากกว่า”
“เหตุผลละ?? ก็การออกรอบแต่ละครั้งใช้เงินเยอะมากเลยไม่ใช่หรอ?” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย
จินนี่ยิ้มตอบ “เพราะส่วนใหญ่แล้ว คนระดับล่างอย่างพวกหนูมีอะไรให้คิดเยอะกว่ามาก การที่ได้ระบายมันออกไปผ่านลูกกอล์ฟ ก็ช่วยให้วันแย่ๆ ของเรามีที่ลงแล้ว”
ผมเห็นว่าน้ำเสียงของเธอจริงจังกว่าทุกครั้งเหมือนกับคนที่มีเรื่องราวในใจ จึงได้แซวเธอเพื่อทำลายบรรยากาศนั้น “โอ้ เจ้าลูกกอล์ฟ พวกเจ้าช่างน่าสงสารจริงๆ นะ”
จินนี่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “หนูทำงานที่นี่มาตั้งนาน พึ่งจะเคยได้ยินคนพูดว่าสงสารลูกกอล์ฟ”
“ลูกกอล์ฟถ้าโดนคนแบบพี่ตี คงไม่น่าสงสารเท่ากับโดนคนสวยๆ อย่างน้องตีหรอก มันน่าหดหู่มากกว่าจริงมั้ย”
หลังจากที่ผมทีเล่นทีจริง จินนี่มองมาที่สายตาของผม พร้อมเปลี่ยนคำเรียก
“อย่าบอกนะพี่ชายก็เป็นเสือ”
“บ้าหน่า สงเสืออะไร ก็เห็นอยู่ว่าคนด้วยกัน” ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่ต้องบังคับมุมปากทั้งสองข้างให้ยกสูง
Time flies whe you are having fun เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
 
ขอบคุณเนื้อหาและท่วงทำนองเพลง ความทรงจำ ของ คุณ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร
 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่