กองทุน ETF เเละหุ้นสหรัฐฯ สำหรับคนไม่มีเวลาดูพอร์ต🇺🇸📈💡

กองทุน ETF เเละหุ้นสหรัฐฯ สำหรับคนไม่มีเวลาดูพอร์ต🇺🇸📈💡

📌เน้นความเรียบง่าย กระจายความเสี่ยงสูง ถือระยะยาวได้โดยไม่ต้องปรับพอร์ตบ่อย

🔸 1. VTI – Vanguard Total Stock Market ETF
• ✅ ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด (รวมหุ้นเล็ก กลาง ใหญ่)
• ✅ กระจายกว่า 4,000 บริษัทในกองเดียว
• ✅ ค่าธรรมเนียมต่ำมาก (0.03%)
• ✔ เหมาะกับ: คนที่อยากได้ทั้งการเติบโตและความมั่นคงในกองเดียว

🔸 2. VOO หรือ SPY – S&P 500 ETF
• ✅ ลงทุนใน 500 บริษัทใหญ่ที่สุดในอเมริกา เช่น AAPL, MSFT, AMZN
• ✅ เสถียร เติบโตระยะยาว
• ✔ เหมาะกับ: คนต้องการความมั่นคง และไม่ต้องดูบ่อย
• 🔹 (VOO ค่าธรรมเนียมถูกกว่า SPY)



🔸 3. SCHD – Schwab U.S. Dividend Equity ETF
• ✅ เน้นหุ้นปันผลคุณภาพดีในสหรัฐฯ
• ✅ เหมาะกับคนที่อยากมี “รายได้แบบ Passive”
• ✅ ถือยาว มีเงินปันผลจ่ายเข้าเรื่อย ๆ
• ✔ เหมาะกับ: คนชอบความมั่นคง + รายได้ประจำ



🔸 4. QQQ – Nasdaq 100 ETF
• ✅ รวมหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น NVDA, AAPL, META
• ✅ เติบโตเร็ว แต่ผันผวนกว่ากองอื่น
• ✔ เหมาะกับ: คนรับความเสี่ยงได้มากขึ้นนิดหน่อย



🔸 5. VT – Vanguard Total World Stock ETF
• ✅ ลงทุนทั้ง “หุ้นสหรัฐ + หุ้นทั่วโลก”
• ✅ ครอบคลุมหลายประเทศในกองเดียว
• ✔ เหมาะกับ: คนไม่อยากลงทุนในสหรัฐฯ อย่างเดียว

🎯 พอร์ตตัวอย่างสำหรับ “ซื้อแล้วลืม55”

▫️แบบง่ายๆๆ ซื้อ ETF สัดส่วน 100%  อย่างเช่นตัว VTI ครอบคลุมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ ไม่ต้องเลือกอะไร กระจายความเสี่ยงได้ดีอีกด้วย

หรือถ้าเลือกไม่ได้ ไม่รู้จะเน้นเติบโต หรือ ปันผลดี เอาไงดี ?

ลองเเบบสมดุล เติบโต+ปันผล ดู 💰🤑

📊 ETF สัดส่วน 100%  
- VTI  ประมาณ 70%
- SCHD ประมาณอีก 30%

หรือจะเเบบกระจายทั่วโลก ก็ VT สัดส่วน 100% ไปเลยก็ได้

  📌ใช้การลงทุนแบบ DCA (ทยอยซื้อรายเดือน) เช่น ลงทุนเดือนละเท่า ๆ กัน

📌เช็คพอร์ตปีละ 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้งพอ ที่เหลือก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่น..55

📌ใช้โบรกเกอร์ที่มีระบบ Auto-Invest หรือ ตั้งเวลา DCA อัตโนมัติ

พูดถึง ETF เเล้ว ลองมาดูหุ้นที่ มองว่าถือเเล้วลืมไปได้เลย
เเล้วหุ้นที่ถือเเล้วลืมควรมองที่อะไรบ้าง ครับ/ค่ะ มองหลักๆตามนี้เลย 🔽

✅ ฐานะการเงินแข็งแรง 💪
✅ รายได้มั่นคง 💰
✅ กำไรเติบโตต่อเนื่อง ➕
✅ มี “ความได้เปรียบในการแข่งขัน” (Moat)
✅ เป็นผู้นำตลาด / แบรนด์แข็งแกร่ง
✅ บางตัวอาจมีปันผล (Passive Income) 🤑

🎯 วิธีถือแบบ “สบายใจ”เเบบชิวๆ 😀

1. ถือหุ้นไม่เกิน 5–10 ตัว 🎯

เลือกตัวที่คุณเข้าใจจริง ๆ และมีภาพอนาคตชัด อย่าถือเยอะ ยิ่งถือเยอะก็เหมือนเราต้องดูมันเยอะขึ้นด้วย เอาง่ายๆคือมันดูไม่หมด สำหรับมุมมองเราถือเยอะปวดหัว ดูไม่ไหว ถ้าขยันก็ไม่ว่ากัน55

2. ไม่ต้องเช็กราคาทุกวัน 🧊

เช็กแค่ปีละครั้ง หรือช่วงวิกฤตจริง ๆ หรือปรับฐาน ค่อยหาโอกาสซื้อเพิ่ม

3. ถ้าไม่อยากเลือกเองทั้งหมด → ใช้ ETF ร่วมได้ ตัวอย่างเช่น 🔽

•   VOO / SPY (หุ้นใหญ่)
•   SCHD (ปันผลดี)
•   VTI (ทั้งตลาด)

เเล้วหุ้นที่บอกว่าถือเเล้วลืมมีอะไรบ้าง
หลักๆที่คัดมา มีประมาณ 10 ตัว เช่น

1. AAPL (Apple)  🍏
เทคโนโลยี แบรนด์แข็งแกร่ง, สินค้าขายดีทั่วโลก, เงินสดมหาศาล

2. MSFT (Microsoft)  📊
เทคโนโลยี/Cloud รายได้ recurring สูง, Azure โตแรง

3. GOOGL (Alphabet) 🌐
โฆษณา/AIGoogle Search + YouTube + Cloud

4. JNJ (Johnson & Johnson) เฮลธ์แคร์
บริษัทเก่าแก่ ปันผลมั่นคง ถือข้ามวิกฤตได้

5. PG (Procter & Gamble) 🔵
สินค้าอุปโภคแบรนด์ใหญ่ เช่น Pantene, Oral-B, Gillette

6. KO (Coca-Cola)เครื่องดื่ม ธุรกิจซื้อง่ายขายคล่อง ปันผลดี 🔥

7. COST (Costco)🛍️
ค้าปลีกโมเดลสมาชิก แข็งแกร่งมาก, เติบโตต่อเนื่อง

8. V (Visa) / MA (Mastercard) 💰
การเงิน / จ่ายเงินระบบการเงินไร้เงินสดทั่วโลก, Marge สูง

9. BRK.B (Berkshire Hathaway)📈
บริษัทโฮลดิ้งของ Warren Buffett ถือหุ้นหลายบริษัทในตัวมันเอง

10. HD (Home Depot) 🟠
ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างผูกกับตลาดอสังหาฯ สหรัฐฯ ยาวๆ

🔘 เเล้วพวก Nvidia Tsla Amazon Meta ละอันนี้ก็เเล้วเเต่จะพิจารณาเเต่ถ้าให้เลือก 2 ใน 4 นี้ก็คง จะเป็น Nvidia กับ Amazon เพราะอะไร อย่างที่บอกเงื่อนไขที่ใช้ดู มีอยู่ 5 อย่าง เช่น ฐานะการเงินแข็งแรง รายได้มั่นคง
กำไรเติบโตต่อเนื่อง มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เป็นผู้นำตลาด เเละ แบรนด์นั้นแข็งแกร่งมากๆ

📌“การลงทุนมีความเสี่ยง❗️ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อ ให้ความรู้ทั่วไป หรือ เพื่อความบันเทิง ไม่มีเจตนาในการแนะนำหรือชี้นำให้ลงทุน 🙏

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่